อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 585 ยังปกปิดอันใดไว้
ตอนที่ 585 ยังปกปิดอันใดไว้
ตอนที่ 585 ยังปกปิดอันใดไว้
ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ ค่อยๆ เอนพระปฤษฎางค์พิงพนักเก้าอี้
เจี่ยนเซียงก้มหน้าลงอีกครั้ง กล่าวเสียงต่ำ “เสี่ยวปิ๋งจื่อเคยบอกกล่าวหม่อมฉันเอาไว้ ตอนที่ครอบครัวของเขาสิบกว่าคนถูกตัดหัว เขาหนีไปแล้ว มีคนมาช่วยเอาไว้ คนผู้นั้น คนผู้นั้นก็คือ… หว่านเฟยเหนียงเหนียง ดังนั้นหว่านเฟยเหนียงเหนียงจึงเป็นผู้มีพระคุณของเขา เขาจะตอบแทนเหนียงเหนียงไปตลอดชีวิตเพคะ”
ฮ่องเต้ได้ยินคำว่าหว่านเฟยก็พลันตกตะลึง ลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันที
เสี่ยวปิ๋งจื่อเป็นคนของหว่านเฟย หรือว่า หว่านเฟยเป็นคนสั่งให้เขาวางยาในพระกระยาหารของพระองค์อย่างนั้นหรือ
ไม่ จะเป็นไปได้อย่างไร หว่านเฟยสุภาพและงดงาม มีความรู้มากมาย จิตใจนิ่งสงบ จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?
ฮ่องเต้ทรงตบโต๊ะอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดัง ‘ปัง’ กล่าวอย่างเย็นเยียบ “เจี่ยนเซียง เจ้าอย่ากล่าวส่งเดชแบบไม่คำนึงถึงความจริงนะ นี่เจ้าจะใส่ร้ายหว่านเฟยอย่างนั้นหรือ?”
ขณะกล่าว ก็หันไปมองเหมิงกุ้ยเฟยด้วยสายตาเฉียบคมในทันที
อีกฝ่ายตกใจ ตบหน้าของเจี่ยนเฟยหนึ่งครั้ง “เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอันใดกัน เสี่ยวปิ๋งจื่อจะเป็นคนของหว่านเฟยได้อย่างไร ถ้าหากเขาเป็นคนของหว่านเฟยจริงๆ เขาจะกล่าวเรื่องพวกนี้กับเจ้าได้อย่างไร”
เจี่ยนเซียงสะอึกสะอื้น “หม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้โกหกเพคะ ปกติแล้วเสี่ยวปิ๋งจื่อจะไม่พูดเรื่องพวกนี้กับหม่อมฉัน เพียงแต่ครั้งก่อนเขาทำเรื่องผิดพลาดและถูกหว่านเฟยทรงตำหนิ เขารู้สึกผิดต่อหว่านเฟยเหนียงเหนียง ด้วยความรู้สึกแย่จึงดื่มสุรา และเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ต่อหน้าหม่อมฉันเพคะ”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจเบาๆ ที่แท้เหมิงกุ้ยเฟยก็ต้องการจัดการหว่านเฟย
เพียงแต่น่าเสียดาย เป็นเพราะเรื่องของเย่ฮ่าวหรานในช่วงนี้ หว่านเฟยจึงยุ่งกับหลายๆ เรื่องเสียจนไม่ทันได้สนใจ เหมิงกุ้ยเฟยจึงฉวยโอกาสนี้จัดการกับหว่านเฟยที่ไม่ทันได้เตรียมตัว
ฮ่องเต้พระพักตร์ขาวซีด ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหว่านเฟย เขาก็ไม่อาจไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยได้
“ให้หว่านเฟยเข้ามา”
เหมียวเชียนชิวพยักหน้า ออกไปด้วยสีหน้าสงสัย
หว่านเฟยเหนียงเหนียง… ถ้าหากเรื่องนี้เป็นฝีมือหว่านเฟยเหนียงเหนียงจริง เช่นนั้นท่านอ๋องแปด… เกรงว่าจะต้องถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเสียแล้ว
เหมียวเชียนชิวเองก็รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ คนท่าทางดังเช่นหว่านเฟย จะทำเรื่องเช่นนี้เพื่อทำร้ายฝ่าบาทได้อย่างไร?
แต่ไม่ว่าเขาจะคิดเรื่องนี้มากเพียงใด เหมียวเชียนชิวยังคงพาหว่านเฟยเข้ามา
หว่านเฟยเตรียมใจไว้เรียบร้อยแล้ว นางก็ยังเข้าห้องตำราหลวงมาด้วยสีหน้างุนงงและใสซื่อ
นางจับชายเสื้อคลุม ท่วงท่าสง่างาม มองฮ่องเต้ด้วยสายตาเป็นมิตร
ในพระทัยของฮ่องเต้สั่นไหวเล็กน้อย รู้สึกว่าตอนนี้หว่านเฟยกำลังทำให้คนสงสารอย่างบอกไม่ถูก
มุมปากของเหมิงกุ้ยเฟยกระตุก เดินหน้าไปสองก้าว บดบังสายตาของหว่านเฟยอย่างแนบเนียน
“น้องหว่านเฟย คิดว่าเจ้าน่าจะรู้เรื่องที่ฝ่าบาททรงถูกวางยาแล้ว”
หว่านเฟยพยักหน้า ถามอย่างเป็นห่วง “พระวรกายของฝ่าบาทดีขึ้นแล้วหรือยังเพคะ มีแม่นางชิงอยู่ หม่อมฉันคิดว่าคงไม่มีปัญหาอันใด หม่อมฉันกลับไปจะสวดขอพรให้พระองค์เพคะ ให้สวรรค์ปกป้องพระวรกายของพระองค์ พระชนม์มายุยืนหมื่นๆ ปี”
เหมิงกุ้ยเฟยหัวเราะเย็นชา “เหตุใดน้องหว่านเฟยจะต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องด้วยเล่า คนที่วางยาฝ่าบาทก็เป็นคนของน้องมิใช่หรือ”
สีหน้าของหว่านเฟยงุนงงกว่าเดิม “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงทรงหมายความว่าอย่างไรเพคะ คนของหม่อมฉันหรือ คนที่วางยา เหตุใดจึงเป็นคนของหม่อมฉัน หม่อมฉันภักดีกับฝ่าบาท จะทำเรื่องให้สวรรค์ลงโทษเช่นนี้ได้อย่างไร”
เหมิงกุ้ยเฟยมองลงไปที่นางอย่างดูถูก “อย่างนั้นหรือ เจี่ยนเซียง เรื่องที่เจ้าพูดเมื่อครู่ กล่าวกับหว่านเฟยเหนียงเหนียงอีกครั้งสิ”
“เพคะ” เจี่ยนเซียงไม่กล้าสบตาหว่านเฟย ทำได้เพียงคุกเข่าตัวสั่นอยู่ที่พื้น ค่อยๆ กล่าวสิ่งที่เล่าออกไปเมื่อครู่ใหม่อีกครั้ง
ฮ่องเต้ฟังอีกครั้ง สีหน้ายิ่งอดไม่ได้ที่จะจริงจังขึ้นกว่าเดิม
จนกระทั่งกล่าวจบ หว่านเฟยก็เบิกตากว้าง กล่าวพร้อมน้ำตาคลอ “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันไม่รู้จักเสี่ยวปิ๋งจื่อจริงๆ เพคะ หม่อมฉันไม่รู้ว่าเหตุใดเจี่ยนเซียงต้องใส่ร้ายหม่อมฉัน ไม่กี่ปีมานี้ หม่อมฉันอยู่ที่ตำหนักอิ๋งสุ่ยของตนมาตลอด ไม่ค่อยได้ออกไปไหน อยู่อย่างสงบไม่สู้รบกับผู้ใด เหตุใดจึงยังไม่ยอมปล่อยหม่อมฉันไปอีก”
สีหน้าของเหมิงกุ้ยเฟยเปลี่ยนไป ฟังหว่านเฟยกล่าวต่อ “หรือเพียงเพราะเกิดเรื่องของฮ่าวหราน จึงมีคนต้องการจะซ้ำเติมหม่อมฉัน แม้แต่หม่อมฉันก็จะไม่ยอมปล่อยไปหรือ? หรือเป็นเพราะสองวันก่อนนี้ฝ่าบาททรงพำนักที่ตำหนักอิ๋งสุ่ย ทำให้คนอื่นๆ ไม่พอใจ จึงอดไม่ได้ที่จะว่าร้ายหม่อมฉันหรือ”
แม้ว่าคำพูดของหว่านเฟยไม่ได้เอ่ยชื่อนางตรงๆ แต่จะกล่าวอย่างไรก็พอเดาได้ว่าเป็นเหมิงกุ้ยเฟยไม่ใช่หรือ?
สีหน้าของเหมิงกุ้ยเฟยเย็นชายิ่ง สมกับเป็นสตรีผู้ชาญฉลาดที่หายากในวังหลวง ไม่คิดว่าไม่ได้พบกันเพียงไม่นาน หว่านเฟยผู้นี้ก็เป็นคนที่พูดจาได้ฉลาดนัก
ฮ่องเต้ขมวดพระขนง คำพูดของหว่านเฟยก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล คนที่ชี้ตัวนางคือนางข้าหลวงข้างตัวของเหมิงกุ้ยเฟย อีกทั้งเกิดเรื่องตอนไหนไม่เกิด กลับมาเกิดในตอนที่เย่ฮ่าวหรานถูกจับ ช่างน่าคิดเป็นอย่างยิ่ง
เหมิงกุ้ยเฟยลอบอุทานในใจว่าท่าไม่ดีแล้ว รีบส่งสายตาให้เจี่ยนเซียง
อีกฝ่ายคุกเข่าอยู่ที่พื้นแล้วคลานไปข้างหน้าสองสามก้าว “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันกล่าวความจริงทุกประการ ถ้าหากไม่ทรงเชื่อ ทรงให้หม่อมฉันประจันหน้ากับเสี่ยวปิ๋งจื่อได้เลยเพคะ”
ฮ่องเต้พยักหน้า ให้เปาเหอเฟิงปลุกเสี่ยวปิ๋งจื่อให้ฟื้น
เสี่ยวปิ๋งจื่อรู้สึกเวียนศีรษะ หลังจากเปาเหอเฟิงปลุกเขาตื่น ก็เห็นคนสองคนที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้า หนึ่งในนั้นคือหว่านเฟย
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที รู้แล้วว่าสถานการณ์เลวร้ายแล้ว ตอนนี้ต้องรุดไปตะโกนด่าฮ่องเต้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
ใครจะรู้ว่าเพียงไม่ทันไรก็ถูกเปาเหอเฟิงกดลงไปคุกเข่าอีกครั้ง
“เสี่ยวปิ๋งจื่อ ข้าขอถาม เจ้ามีความสัมพันธ์กับเจี่ยนเซียงใช่หรือไม่ ที่เจ้าเข้าวังนั้นก็เพื่อตอบแทนบุญคุณหว่านเฟยใช่หรือไม่”
เสี่ยวปิ๋งจื่อไม่ใช่คนโง่ เรื่องเช่นนี้จะยอมรับไม่ได้อยู่แล้ว
“ความสัมพันธ์อันใด บุญคุณอันใด ข้าไม่เข้าใจ ตอนนี้ข้าเพียงอยากฆ่าเจ้า ฆ่าเจ้า เจ้า ไอ้ทรราช”
ฮ่องเต้ทรงพิโรธหนัก มีฮ่องเต้ที่ไหนจะมานั่งฟังคนอื่นตะโกนด่าตนว่าเป็นทรราชได้บ้าง
ท่านอ๋องเป่าเห็นเช่นนี้ ก็เดินไปด้านหน้าแล้วตบเสี่ยวปิ๋งจื่อ กล่าวอย่างเย็นชา “ถ้ายังกล้าพูดจาหยาบคายอีก ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น”
เสี่ยวปิ๋งจื่อมองเขาอย่างโมโห เจี่ยนเซียงหันหน้ามาแล้วกล่าวแนะนำอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวปิ๋งจื่อ เจ้ายอมรับเสียเถอะ ฝ่าบาททรงทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว ถ้าหากเจ้ายังดื้อรั้นต่อต้านอยู่อีก คนที่จะสูญเสียก็มีแต่เจ้านะ”
“เจ้าหุบปากเสีย” เสี่ยวปิ๋งจื่อยกเท้าขึ้นเตะไปที่นาง “ข้าไม่รู้จักเจ้า เจ้าเองก็ไม่ได้ดีเด่อะไรนัก คนอย่างเจ้าต่อไปจะต้องตกนรก 18 ขุม เจ้าจะต้องไม่ตายดี สารเลว เจ้าต้องไม่ตายดีแน่”
เขารู้ว่าเจี่ยนเซียงเป็นคนของหว่านเฟย แต่ตอนนี้ดูท่าทางเจี่ยนเซียงคงจะหักหลังหว่านเฟยเสียแล้ว
เจี่ยนเซียงถูกเตะที่ไหล่ ทั้งยังถูกเขาด่าจนเป็นเช่นนี้ ตอนนี้จึงโกรธจนตัวสั่นไปทั้งร่าง “เสี่ยวปิ๋งจื่อ มิตรภาพระหว่างเรา เจ้าทิ้งมันไปได้ลงคออย่างนั้นหรือ เจ้าด่าข้าเช่นนี้ได้อย่างไร โชคดีที่ข้ายังช่วยปกปิดเรื่องของเจ้าไว้อยู่ เจ้ามันไร้หัวใจเกินไปแล้ว”
ฮ่องเต้ได้ยินดังนี้ก็ตรัสถามทันที “เจ้ายังปกปิดเรื่องใดไว้อีกหรือ ว่ามา เจ้าปกปิดเรื่องอันใดไว้”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เป็นการชิงไหวชิงพริบของนายกับบ่าวทั้งสองฝ่ายขั้นสุดอะ ใครหลุดโป๊ะมาก็คือซวยทั้งก๊วน
ไหหม่า(海馬)