อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 587 เพียงโกรธจนปวดใจเท่านั้น
ตอนที่ 587 เพียงโกรธจนปวดใจเท่านั้น
ตอนที่ 587 เพียงโกรธจนปวดใจเท่านั้น
“หว่านเฟย เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่” เส้นพระโลหิตบนพระนลาฎของฮ่องเต้ปูดขึ้น แสดงให้เห็นว่าทรงกริ้วเป็นอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วมองขวดกระเบื้องเคลือบในมือ พลางครุ่นคิดว่าอย่าเติมเชื้อเพลิงในกองไฟจะดีกว่า
เหมิงกุ้ยเฟยรีบมาปลอบฮ่องเต้ “ฝ่าบาททรงเย็นพระทัยก่อนเพคะ ตอนนี้พระองค์ทรงถูกพิษยังไม่หายดี ทรงต้องรักษาพระวรกายให้ดีนะเพคะ”
หว่านเฟยรู้สึกสิ้นหวัง นางกำมือแน่น แต่ยังไม่ยอมแพ้ แผนการที่วางไว้หลายปีต้องพังทลายลง จะให้นางยอมรับได้อย่างไร
นางโค้งศีรษะคำนับฮ่องเต้ “หม่อมฉันไม่รู้เรื่องเลยเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าเหตุใดใต้เตียงจึงมีกล่องลับ และหม่อมฉันก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลานจือจึงต้องเปิดกล่องลับกล่องนั้นในตอนที่ใต้เท้าเปาและเหมียวกงกงเข้าไปพอดี หม่อมฉันไม่รู้ว่าผู้ใดกันแน่ที่เกลียดชังหม่อมฉันถึงเพียงนี้ จึงได้ใส่ร้ายหม่อมฉันด้วยวิธีนี้ ฝ่าบาททรงโปรดพิจารณาด้วยเพคะ”
ฮ่องเต้หลับพระเนตรแน่น สรวลออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าไม่รู้หรือ ดี งั้นข้าจะทำให้เจ้ารู้เอง เย่ฮ่าวเป่า!”
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”
“จับทุกคนตามรายชื่อในสมุดเล่มนี้มา สอบสวนให้ดีๆ ว่าจริงๆ แล้วพวกเขาเป็นคนของใครกันแน่”
ฮ่องเต้ชี้ไปยังสมุดที่ตกอยู่บนพื้นตรงหน้าหว่านเฟย ขันทีที่อยู่ด้านข้างรีบไปเก็บขึ้นมาแล้วส่งให้อ๋องเป่าด้วยความเคารพ
“รับทราบสั่งพ่ะย่ะค่ะ”
อ๋องเป่ารับมา เหลือบมองแวบหนึ่งก่อนจะมุ่นคิ้ว ข้างตัวหมู่เฟยมีนางข้าหลวงอยู่คนหนึ่ง และมีชื่ออยู่ในสมุดเล่มนี้
ฮ่องเต้ยังคงถลึงมองหว่านเฟยอย่างดุร้าย กล่าวด้วยสุรเสียงเย็นชา “เปาเหอเฟิง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“นำตัวหว่านเฟยกลับไปที่ตำหนักอิ๋งสุ่ย ให้คนล้อมตำหนักไว้ ห้ามใครเข้าไป จนกว่าเรื่องนี้จะถูกตรวจสอบอย่างละเอียด”
หว่านเฟยตกตะลึง รีบเงยหน้าขึ้น “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันถูกใส่ร้าย หม่อมฉันถูกใส่ร้ายเพคะ”
ฮ่องเต้ไม่สนใจนางอีก ให้คนลากตัวนางออกไปในทันที
อาฝู คนผู้นั้นคือคนที่ต้องการทำร้ายซิวเอ๋อร์ เขาเข้าใจมาตลอดว่าเป็นฝีมือของเหมิงกุ้ยเฟย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหว่านเฟย
ไหนจะผู้บัญชาการเว่ย เสี่ยวปิ๋งจื่อ เหอะ หว่านเฟยช่างมีอุบายที่เฉียบแหลมจริงๆ คนมากมายถึงเพียงนี้ กลับมองหว่านเฟยไม่ออก
ฮ่องเต้ทรงกริ้วจัด จนเหมิงกุ้ยเฟยต้องเข้ามาปลอบด้วยเสียงเบา “ฝ่าบาท เรื่องนี้ทรงปล่อยให้ท่านอ๋องเป่าตรวจสอบเถิดเพคะ จะต้องสืบสวนจนเปิดเผยเรื่องนี้ได้เป็นแน่ ตอนนี้พระอาการของพระองค์สำคัญกว่า จะทรงกริ้วอีกไม่ได้แล้วนะเพคะ”
ฮ่องเต้โบกมือ หันกลับไปมองอวี้ชิงลั่ว “แม่นางชิง ในขวดกระเบื้องสองสามขวดนี้ เป็นสิ่งผิดปกติหรือไม่”
“ยาในขวดสีขาวนี้ เป็นชนิดเดียวกันกับพิษเรื้อรังในร่างเย่หลานเฉิงเพคะ ส่วนขวดสีน้ำตาลนี้ เป็นพิษชนิดเดียวกับที่ซูเฟยเหนียงเหนียงโดน และในขวดสีดำเป็นพิษชนิดเดียวกับของฝ่าบาทเพคะ”
อวี้ชิงลั่วตอบเสียงหนักแน่น ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ ดูเหมือนจะไม่ได้กระทบกับอารมณ์ของนางเท่าไรนัก
ฮ่องเต้เบิกพระเนตรกว้าง เอื้อมพระหัตถ์ออกไปเปิดถ้วยชาบนโต๊ะในทันที
ทุกคนในห้องตำราหลวงคุกเข่าลงอีกครั้ง ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมาเลยสักคน
“ใต้จมูกของข้าแท้ๆ กลับกล้าทำเรื่องสวรรค์ต้องห้ามเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ลงมือกับตัวข้า แต่ยังทำร้ายเฟยจื่อและหลานของข้าให้ตายอีกด้วย”
ทนไม่ได้แล้ว ทนไม่ได้เด็ดขาด
เหมิงกุ้ยเฟยลูบพระอุระของพระองค์ กล่าวอย่างนุ่มนวล “ฝ่าบาททรงเย็นพระทัยก่อนเพคะ โชคดีที่มีแม่นางชิงอยู่ แผนการของคนร้ายจึงไม่สำเร็จ ตอนนี้เรื่องเปิดเผยทันเวลา ก็ถือว่าสวรรค์ทรงเมตตาฝ่าบาทแล้วนะเพคะ”
ฮ่องเต้ลอบถอนปัสสาสะ เมื่อเงยพระพักตร์ขึ้นมา สีพระพักตร์ก็ดูอ่อนลงไม่น้อย
ทรงทอดพระเนตรเจี่ยนเซียงที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น ตรัสอย่างหมดแรง “คนของเจ้า เจ้าจัดการเสีย พวกเจ้า นำตัวเสี่ยวปิ๋งจื่อไปขังไว้ พวกเจ้าทั้งหมดออกไปได้แล้ว”
เหมิงกุ้ยเฟยค่อยๆ พยักหน้า ก่อนจะกล่าวลาเสียงเบา
อวี้ชิงลั่วเก็บของให้เรียบร้อย เรียกให้หนานหนานมา และกำลังคิดจะออกไป
เพียงก้าวไปถึงประตู จู่ๆ ก็ถูกฮ่องเต้เรียกตัวกลับไป
ครั้นจ้องนางอยู่พักหนึ่ง ฮ่องเต้ก็ตรัสออกมาด้วยเสียงเบา “ตอนนี้สืบสวนออกมาแล้วว่าเป็นฝีมือหว่านเฟย เรื่องอาฝูในตอนแรกก็เป็นฝีมือนาง นางพยายามทำร้ายเจ้าและซิวเอ๋อร์หลายครั้ง ตอนนี้เจ้ายังจะอยากแก้ตัวแทนเย่ฮ่าวหรานอยู่อีกหรือไม่”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว แล้วยักไหล่ “เย่ฮ่าวหรานไม่รู้เรื่องนี้เพคะ”
“เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาไม่รู้เรื่อง”
หนานหนานดึงมืออวี้ชิงลั่ว หันมองรอบๆ ในทันที จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างไม่ยินดีนัก “ท่านแม่ข้าบอกว่าเขาไม่รู้เรื่อง ก็แปลว่าเขาไม่รู้เรื่องพ่ะย่ะค่ะ”
เขาสนับสนุนสิ่งที่ท่านแม่ของตนพูดอย่างไม่มีเงื่อนไข ถึงแม้จะเป็นคำหยาบหรือเรื่องไร้สาระ เขาก็ล้วนคิดว่ามีเหตุผล หนานหนานจึงพยักหน้าอย่างจริงจัง
อวี้ชิงลั่วเคาะศีรษะเขาหนึ่งครั้ง บอกให้เขาหุบปาก
จากนั้นก็พบกับแววตาสงสัยของฮ่องเต้ นางยิ้มแล้วกล่าว “ด้วยนิสัยของเย่ฮ่าวหราน หม่อมฉันเชื่อว่าพระองค์ทรงรู้ดีกว่าหม่อมฉัน ถ้าหากเขารู้เรื่องนี้จริง ไม่มีทางที่เขาจะหนีออกไปโดยไม่ลังเลเพียงเพราะคำพูดของคนเพียงคนเดียวหรอกเพคะ”
นางดูออกว่าเย่ฮ่าวหรานหวังดีกับจินหลิวหลีด้วยใจจริง ความหมายของการหนีตามกันไปนั้น เขาเข้าใจยิ่งกว่าใครๆ
ฮ่องเต้เงียบไป จากนั้นก็โบกพระหัตถ์ให้นางไปเสีย
อวี้ชิงลั่วจึงจับมือของหนานหนานจากไป
ทันทีที่ประตูห้องตำราหลวงปิดลง สีพระพักตร์ของฮ่องเต้ก็แย่ลงในทันที ทรงปิดพระโอษฐ์และไอออกมาอย่างแรง จนพระโลหิตกองหนึ่งพุ่งออกมา
เหมียวเชียนชิวตกใจมาก รีบพยุงเขาไว้ “กระหม่อม กระหม่อมจะรีบไปตามแม่นางชิงกลับมาพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้อง” ฮ่องเต้ดึงเขาไว้แล้วหลับพระเนตร “เพียงโกรธมากจนปวดใจเท่านั้น”
พระองค์กริ้วมากจริงๆ เลือดลมจึงพลุ่งพล่าน กลั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้ว
เหมียวเชียนชิวพยุงให้ฮ่องเต้ประทับอย่างตื่นตระหนก แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย
อวี้ชิงลั่วออกจากประตูห้องตำราหลวง กลับพบเหมิงกุ้ยเฟยกำลังเดินอย่างช้าๆ จนกระทั่งนางเดินไปถึงข้างๆ จึงยิ้มและชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง
“วันนี้องค์หญิงทรงเงียบมากนะเพคะ” อีกฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้าฮ่องเต้ราวกับเป็นหุ่นเชิด ถามคำตอบคำ ไม่ซ้ำเติมอีกฝ่ายตอนล้ม และไม่ขอร้องแทนหว่านเฟย
นางจงใจแสดงท่าทางเช่นนี้ ยิ่งทำให้เหมิงกุ้ยเฟยไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม ราวกับว่าตนเองกำลังแสดงละครเพลงต่อหน้านางเช่นนั้น
อวี้ชิงลั่วเพียงแต่หัวเราะ “ไม่อยากรบกวนธุระของเหนียงเหนียงน่ะเพคะ”
เหมิงกุ้ยเฟยยิ้มเยาะ “เช่นนี้เอง เช่นนั้นต่อไปหากไม่รบกวนอีกก็จะดี” เรื่องในวันนี้นางวางแผนมานาน ให้เหมิงพั่วไปหาจุดอ่อนของเจี่ยนเซียง หลังจากให้นางพูดเรื่องที่บังเอิญไปพบกล่องลับของหว่านเฟยแล้ว พวกเขาก็ได้พบกับสมุดเล่มเล็กนั้น ได้รู้ตัวคนที่อยู่ในนั้น ทั้งยังได้รู้ตัวตนของเสี่ยวปิ๋งจื่ออีกด้วย
สมุดเล่มเล็กนั้นเข้าทางของพวกเขามากจริงๆ ถึงแม้ว่าบางคนจะภักดีกับหว่านเฟย แต่อย่างไรก็ต้องมีคนที่ทนการลงโทษไม่ไหวเป็นแน่ ตอนที่นางรู้ว่าหว่านเฟยให้เสี่ยวปิ๋งจื่อแอบวางยาพิษเรื้อรังในอาหารของฮ่องเต้ตั้งแต่ครึ่งปีก่อน แต่เพราะเย่ซิวตู๋กลับมาและยังรู้เรื่องสภาพร่างกายของหนานหนาน จึงยั้งมือไว้และหยุดยาพิษ นางจึงเริ่มทำตามแผน ใช้ให้คนของหว่านเฟยส่งข่าวให้เสี่ยวปิ๋งจื่อ ให้เขาวางยาในอาหารของฮ่องเต้วันนี้
ตอนนี้เรื่องก็เป็นไปตามแผนของพวกเขาแล้วไม่ใช่หรือ
เหมิงกุ้ยเฟยเหลือบมองอวี้ชิงลั่วอีกครั้ง แค่นหัวเราะครั้งหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
กุ้ยเฟยกับหว่านเฟยสู้กันโหดมาก สมน้ำสมเนื้อกันจริงๆ
ไหหม่า(海馬)