อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 589 ที่อยู่ของแม่นมเก๋อ
ตอนที่ 589 ที่อยู่ของแม่นมเก๋อ
ตอนที่ 589 ที่อยู่ของแม่นมเก๋อ
องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกสองคนมองหน้ากัน เมื่อได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับยาพิษในร่างของฮ่องเต้ ก็ไม่กล้าเกียจคร้านแม้แต่นิดเดียว
พวกเขานำเรื่องไปรายงานฮ่องเต้ทันที ฮ่องเต้ทรงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงให้คนไปที่ตำหนักอ๋องซิวเพื่อเชิญอวี้ชิงลั่วเข้าวัง
อวี้ชิงลั่วสงสัยเล็กน้อย พิษของฮ่องเต้ ในสายตาของนางไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่น่ามีอันใดให้พูดคุยแล้ว
ที่หว่านเฟยต้องการพบตน เกรงว่าจะมีเจตนาอื่นมากกว่า
อวี้ชิงลั่วเก็บของ ขึ้นรถม้าเข้าวัง ขณะที่นางเข้าไปยังตำหนักอิ๋งสุ่ย ก็พาหนานหนานมาด้วย
เดิมทีหนานหนานไม่อยากมา เขาได้ยินว่าวันนี้มีการแข่งขันรอบสุดท้ายที่สำคัญที่สุด เขาอยากจะไปดู หากพลาดไปก็คงไม่มีโอกาสแล้ว
แต่ท่านแม่กล่าวว่าครั้งนี้เขาต้องเข้าวัง เพราะมีหน้าที่สำคัญ หนานหนานรู้สึกว่าตนนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก จึงเข้าวังไปกับนางอย่างเชื่อฟัง
แต่ทว่า…
ใครก็ได้บอกเขาที ทำไมจึงไม่ให้เขาเข้าไปในห้องด้วย
ใครก็ได้บอกเขาที ทำไมต้องให้เขาไปอยู่บนชายคาที่ท่านแม่และหว่านเฟยคุยกัน
ใครก็ได้บอกเขาที หลังคาเปียกฝนเพียงนี้ ถึงแม้ฝนจะตกน้อยมากและไม่โดนตัวเขา แต่มันก็ลำบากมากนะ เหตุใดจึงไม่สนใจร่างกายอันบอบบางของเขาเลยเล่า
หนานหนานโมโหมาก แต่ทำได้เพียงเม้มปาก ทำได้เพียงเป็นเด็กดีช่วยท่านแม่… ดูต้นทาง
องครักษ์เปิดประตู ต้อนรับให้อวี้ชิงลั่วก้าวเข้าไป
หว่านเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมือถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ท่าทางสง่างามน่าเกรงขามเหมือนเคย ไม่มีความตื่นตระหนกหรือกระสับกระส่ายแบบนักโทษเลย
อวี้ชิงลั่วมอบเหรียญเงินเล็กๆ ให้องครักษ์ แล้วบอกเขา “เจ้ารออยู่ด้านนอกเถิด อย่าให้ใครเข้ามาเด็ดขาด”
องครักษ์ผู้นั้นมองหว่านเฟย แล้วก็มองนาง สุดท้ายก็ถอยออกจากประตูไปอย่างเชื่อฟัง
ประตูของตำหนักอิ๋งสุ่ยถูกเปิดและปิดอีกครั้ง ลมและฝนเล็กน้อยถูกปิดกั้นอยู่ด้านนอกประตู มีเพียงหยดน้ำฝนเล็กๆ ที่หยดติ๋งๆ ลงมาจากหลังคา
อวี้ชิงลั่วนั่งลงตรงข้ามหว่านเฟย หว่านเฟยยิ้ม เลื่อนถ้วยชาตรงหน้าไปยังด้านมือของนาง
“ข้าว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ชอบอ่านหนังสือและเขียนกลอน ทั้งยังชอบชงชา รสชาติหวานหอมเสียจนฝ่าบาทยังทรงชมไม่ขาดปาก แม่นางชิงลองเสียหน่อยไหม”
กล่าวสองประโยค หว่านเฟยก็หยุดชะงักไปอีกครั้ง จากนั้นกล่าวเสริม “วางใจเถิด ไม่มียาพิษหรอก ที่ตำหนักของข้าถูกตรวจค้นอย่างละเอียดเรียบร้อยแล้ว สิ่งของอันตรายเหล่านั้นล้วนอยู่กับฝ่าบาทหมดแล้ว”
อวี้ชิงลั่วยิ้มพลางส่ายหน้า นางหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ รสชาติไม่เลวจริงๆ ใบชาชนิดเดียวกัน แต่คนชงคนละคน รสชาติกลับเปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว
“เหนียงเหนียงเรียกพบหม่อมฉันมีเรื่องอันใดหรือ”
หว่านเฟยยิ้ม “เพียงแค่ว่างๆ เลยอยากพูดคุยน่ะ”
“หม่อมฉันคิดว่าตอนนี้เหนียงเหนียงคงจะไม่อยู่ตำหนักอิ๋งสุ่ยแล้วเสียอีก” อวี้ชิงลั่วจิบชาอีกครั้ง อร่อยมากจริงๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะตอนนี้สถานการณ์ไม่เอื้อ นางก็อยากจะเรียนรู้จากหว่านเฟย ต่อไปการดื่มชาอาจจะไปความสุขอย่างหนึ่งก็เป็นได้
หว่านเฟยขมวดคิ้ว วางหนังสือในมือลง “คำกล่าวของแม่นางชิงหมายความว่าอย่างไร”
“เหนียงเหนียงทรงระมัดระวังมาหลายปี ตอนนี้ถูกจัดการโดยไม่ทันตั้งตัว แต่คนที่ยอมตายเพื่อเหนียงเหนียงคงมีอยู่ไม่น้อย ถ้าหากพวกเขาอยากพาเหนียงเหนียงออกนอกวัง ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องยากอันใดนะเพคะ”
อวี้ชิงลั่วคิดว่าหว่านเฟยไม่ใช่คนประเภทที่จะนั่งรอความตาย รู้ๆ อยู่ว่าสมุดเล่มนั้นเป็นสิ่งที่ชี้เป็นชี้ตายของตน หากไปอยู่ในพระหัตถ์ของฮ่องเต้แล้ว จะต้องจบไม่สวยงามแน่นอน
ต่อให้นางไม่มีทางจะช่วยตนให้พ้นผิดได้ แต่ก็สามารถพาตนเองหนีไปจากคุกวังหลวงนี้และรักษาชีวิตของตนไว้อยู่แล้ว
แต่เรื่องราวก็พ้นมาสองสามวันแล้ว นางกลับอยู่ในตำหนักอิ๋งสุ่ยอย่างเงียบสงบ รอให้ฮ่องเต้…สั่งประหาร
หว่านเฟยหัวเราะเบาๆ มองขึ้นไปยังม่านลูกปัดที่อยู่ไม่ไกล กล่าวเสียงเบา “ใช่ หากจะออกจากวังก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใด แต่เมื่อออกไปแล้วเล่า ข้าลงแรงมาหลายปี ก็เพราะอยากให้ฮ่าวหรานได้อยู่ในตำแหน่งสูงๆ อย่างสมบูรณ์แบบ”
แต่ว่าตอนนี้แผนการล้มเหลว ถ้าหากนางหนีไปจากวังหลวง เช่นนั้นก็คือหนีกฎหมาย จะถูกออกหมายจับไปทั้งอาณาจักร
ถ้านางพาคนที่ยอมตายหนีออกไปไกลๆ หากต้องการที่จะกลับมา ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปีมิใช่หรือ
ถึงแม้ว่านางจะมีแรง แต่กลับไม่ได้มีเหตุผลที่เหมาะสม ต่อให้บีบคั้นฮ่าวหรานจนตาย เขาเองก็คงไม่มีทางไปเผชิญหน้ากับฮ่องเต้แน่นอน
ในแผนการของหว่านเฟยไม่ได้มีการถอยหนีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีเพียงสองทางเท่านั้น หนึ่ง…ทำให้สำเร็จ บุตรชายของนางก็จะได้กลายเป็นจักรพรรดิที่มีอำนาจที่สุดในอาณาจักรเฟิงชาง นางก็จะได้เป็นไทเฮาสูงส่ง
อีกทางหนึ่งคือ… แพ้พ่าย ซึ่งหมายถึงตนต้องตาย
อวี้ชิงลั่วจ้องหว่านเฟยอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ส่ายหน้า มุมมองของนางนั้นไม่เหมือนกับหว่านเฟยเลยแม้แต่น้อย นางเชื่อมาเสมอว่าปลูกต้นไม้ก็จะได้ฟืน ถึงแม้จะเหลือเพียงลมหายใจเดียว ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่รอดต่อไป
ดวงตาของหว่านเฟยเป็นประกาย ไม่มีความหวาดกลัวว่าจะต้องเผชิญความตายแม้แต่น้อย
นางหันหัวไปมองอวี้ชิงลั่ว ยิ้มแล้วกล่าว “แม่นางชิง เรามาทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกันดีไหม”
“ข้อตกลงแลกเปลี่ยนหรือเพคะ” อวี้ชิงลั่วหัวเราะเบาๆ “ในมือของเหนียงเหนียง มีของที่หม่อมฉันต้องการอย่างนั้นหรือ?”
“ต้องมีอยู่แล้วสิ เกรงกว่าจะเป็นสิ่งที่แม่นางชิงต้องการเสียจนแทบทนไม่ไหวด้วยล่ะ”
อวี้ชิงลั่วตะลึง สิ่งที่นางต้องการเสียจนแทบทนไม่ไหว… งั้นหรือ
“สิ่งที่เหนียงเหนียงต้องการคืออะไรเพคะ”
หว่านเฟยยืนขึ้น ค่อยๆ เดินไปยังตู้ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง นำหนังสือออกมาหนึ่งเล่ม พลิกหน้ากระดาษอย่างเงียบๆ จากนั้นก็กล่าว “ช่วยเย่ฮ่าวหราน”
นางรู้ว่าการที่ตนต้องการปลงพระชนม์ฮ่องเต้ โทษของนางคือการถูกประหารทั้งตระกูล เย่ฮ่าวหรานเพิ่งกระทำความผิด ฮ่องเต้ยังคงกริ้วในตัวเขาอยู่ ตอนนี้กลับเกิดเรื่องเช่นนี้กับเขาอีกครั้ง เกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยตัวเขาโดยง่ายเป็นแน่
ตอนนี้คนที่สามารถกล่าวความอันใดต่อหน้าฮ่องเต้ได้ ก็มีเพียงเย่ซิวตู๋
อวี้ชิงลั่วมองนางอย่างประหลาดใจ ถึงแม้หว่านเฟยจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ เย่ซิวตู๋ก็ไม่มีทางปล่อยเย่ฮ่าวหรานไปโดยไม่ช่วยเหลืออยู่แล้ว
คำขอร้องนี้ของหว่านเฟย ช่างน่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วเงียบไป หลังจากจ้องมองนางอย่างระแวดระวังอยู่ครู่หนึ่ง ก็พยักหน้าแล้วกล่าว “ตกลงเพคะ”
“ข้าเองก็ไม่มีทางให้พวกเจ้าต้องลำบาก ข้ารู้ว่าชีวิตต่อไปของฮ่าวหรานคงไม่เหมือนดังเช่นตอนนี้อีกแล้ว เพียงแต่หวังว่าชีวิตของเขาจะเป็นอิสระขึ้นมานิดหนึ่ง อย่างไรเสีย… เขาก็ยังเป็นลูกที่ข้ารักที่สุด”
ต่อจากนี้ ถึงแม้เย่ฮ่าวหรานจะยังเป็นอ๋องแปด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนและรับโทษเนรเทศหรือตัดหัว แต่ก็มีความเป็นไปได้มากว่าเขาจะถูกฮ่องเต้ตัดสินให้อยู่แต่ในตำหนักอ๋องแปด หรือไม่ก็ต้องถูกจับตามองไปตลอดชีวิต
นิสัยของเย่ฮ่าวหรานนั้นรักอิสระ เกรงว่าชีวิตเช่นนี้จะไปทำลายจิตใจอันแน่วแน่ของเขา ทำให้เขาตายทั้งเป็น
ความนึกคิดทั้งหมดของหว่านเฟยในชีวิตนี้ล้วนอยู่ที่ตัวเย่ฮ่าวหราน ตอนนี้สิ่งที่นางคิดถึงมากที่สุดก็ยังเป็นเขา
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ พยักหน้า “หม่อมฉันเข้าใจแล้ว”
หว่านเฟยหัวเราะออกมาครั้งหนึ่ง สีหน้าดูผ่อนคลายขึ้นมาก
นางหันมองอวี้ชิงลั่วแวบหนึ่ง ยิ้มแล้วกล่าว “ช่วงนี้แม่นางชิงกำลังตามหาคนผู้หนึ่งอยู่ใช่หรือไม่”
อวี้ชิงลั่วตกใจ เบิกตากว้าง
“แม่นางชิงกำลังตามหาคนที่ชื่อแม่นมเก๋อ ใช่หรือไม่”
“ท่าน…” อวี้ชิงลั่วตะลึง
“ถ้าข้าบอกว่า ข้ารู้ว่านางอยู่ที่ใดเล่า?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เรื่องเริ่มซับซ้อนแล้วล่ะสิ หว่านเฟยดันรู้จักแม่นมเก๋อด้วย
ไหหม่า(海馬)