อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 597 ลงโทษเย่ฮ่าวหราน
ตอนที่ 597 ลงโทษเย่ฮ่าวหราน
ตอนที่ 597 ลงโทษเย่ฮ่าวหราน
ฮ่องเต้มีพระราชโองการออกมาแล้วว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป องค์ชายแปดเย่ฮ่าวหรานจะถูกลดระดับเป็นสามัญชน และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์อีกต่อไป
ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ สามัญชนหรือ?
ผลลัพธ์ดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำให้คนในราชสำนักประหลาดใจเท่านั้น แต่แม้แต่อวี้ชิงลั่วก็อดตกตะลึงไม่ได้
“ข้าคิดว่าฝ่าบาทจะกักบริเวณเขาไว้ในตำหนักอ๋องแปด แล้วสั่งให้คนคอยเฝ้าดูเขาทุกย่างก้าว เพื่อให้เขาติดต่อกับคนภายนอกไม่ได้เสียอีก” อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ขณะเอนกายลงบนเก้าอี้ยาวนุ่มในห้องตำรา “หรือร้ายแรงกว่านั้น เขาอาจจะถูกเนรเทศออกไป เขาจะ… ถูกลดระดับให้เป็นสามัญชนได้อย่างไร?”
“เจ้าคิดว่าผลออกมาเป็นเช่นนี้แล้วไม่ดีหรือ?” เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้นขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะ เขามองจดหมายในมือ แล้วค่อย ๆ ขยำมันให้เป็นก้อนกลม
อวี้ชิงลั่วจ้องมองการกระทำของเขาด้วยความประหลาดใจ ก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาวนุ่มเพื่อเดินไปข้างหน้าเขา แล้วดึงจดหมายมาจากฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว
เห็นเพียงแค่คำเดียว นางก็รู้สึกว่าลายมือบนจดหมายนั้นช่างคุ้นเคยนัก นางน่าจะเคยเห็นมันที่ไหนสักแห่ง
เมื่ออ่านต่อไป รูม่านตาของนางก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง “นี่คือ… ข้อความจากเย่ฮ่าวหรานถึงท่านหรือ?”
“อืม” เย่ซิวตู๋จ่อจดหมายลงบนเชิงเทียน ชั่วพริบตามันก็กลายเป็นเถ้าถ่าน
อวี้ชิงลั่วจึงเข้าใจแล้วว่าการถูกลดระดับเป็นสามัญชนเป็นความปรารถนาของเย่ฮ่าวหรานเอง
หากเขายังเป็นองค์ชาย เขาก็ต้องสูญเสียอิสรภาพ และกลายเป็นดั่งหุ่นเชิดที่ถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเล็ก ๆ ไปชั่วชีวิต ซึ่งเขาไม่ต้องการมีสถานะเช่นนั้น
แน่นอนว่าฮ่องเต้ไม่ไว้วางพระทัยเขา เพราะคิดว่าเขาอาจล้างแค้นให้หว่านเฟย หรือเกิดความทะเยอทะยานขึ้นมา ดังนั้นจะเป็นการดีกว่า… ที่จะป้องกันปัญหาในอนาคต ด้วยการทำให้เขาสูญเสียสถานะองค์ชาย และสูญเสียคุณสมบัติในการชิงบัลลังก์
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเย่ซิวตู๋ แล้วพูดอย่างครุ่นคิด “ข้าจำได้ว่าตอนที่ท่านกลับมาเมื่อวานนี้ ท่านบอกว่าฝ่าบาทคิดจะลงโทษเย่ฮ่าวหราน แล้วท่านก็ไปที่วัง ทว่าวันนี้… ผลลัพธ์กลับเปลี่ยนไปแล้ว”
เย่ซิวตู๋หัวเราะ แต่ไม่ได้เอ่ยคำใด
ในราชสำนักนี้มีกี่คนที่คิดว่าเย่ฮ่าวหรานและหว่านเฟยจะวางแผนร่วมกัน มีกี่คนที่หวังว่าเจ้าแปดจะหายไป ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ราชสำนักในช่วงเช้ามีแต่คนพูดถึงเจ้าแปด
เป็นเรื่องดีสำหรับเจ้าแปดเช่นกัน ที่เรื่องนี้ยุติลงอย่างรวดเร็ว
เย่ซิวตู๋ยื่นมือออกไปดึงอวี้ชิงลั่วมานั่งบนตักของเขา แล้วใช้นิ้วลูบหลังนางเบา ๆ ขณะพูดเสียงแผ่วว่า “พรุ่งนี้เจ้าแปดน่าจะได้ออกมา เจ้าสามารถไปบอกจินหลิวหลีได้แล้ว”
เจ้าแปดถูกลดระดับลงเป็นสามัญชน ซึ่งถือว่าเป็นผลดีสำหรับจินหลิวหลี
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า บอกไม่ถูกว่าตนกำลังดีใจหรือเสียใจ ช่างซับซ้อนนัก
แต่สิ่งที่ดีก็คือ ต่อจากนี้ไปฝ่าบาทจะไม่จับตัวหลิวหลีอีกต่อไป
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ อวี้ชิงลั่วก็เม้มปากและรู้สึกผ่อนคลาย
อาการบาดเจ็บของจินหลิวหลีค่อย ๆ ฟื้นตัว แต่ท้ายที่สุดแล้ว อาการบาดเจ็บนั้นก็ยังคงร้ายแรง และเนื่องจากความกังวลเรื่องเย่ฮ่าวหราน อาการบาดเจ็บของนางจึงกำเริบขึ้นอีกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การฟื้นตัวของนางจึงช้ามาก
โชคดีที่นางค่อนข้างเชื่อฟัง อวี้ชิงลั่วไม่อนุญาตให้นางลุกขึ้นเดินออกไป ดังนั้นนางจึงนอนบนเตียงอย่างเชื่อฟัง และนอนหลับเป็นส่วนใหญ่
เมื่ออวี้ชิงลั่วเดินผ่านประตูเข้าไป นางก็เพิ่งตื่นขึ้นพอดี เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา มุมปากของนางก็กระตุกก่อนเผยรอยยิ้มอ่อน
“ข้าเพิ่งฝันถึงเจ้าพอดี”
อวี้ชิงลั่วย้ายเก้าอี้มานั่งตรงหน้านาง อันที่จริงนางรู้ว่าแม้ว่าจินหลิวหลีจะนอนหลับ แต่ก็ไม่ได้หลับสนิท เป็นไปได้มากว่านางจะฝันร้าย
หงเย่รินน้ำให้นางหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ยิ้มแล้วออกจากห้องไป
ทุกวันนี้นางยังยุ่งกับการดูแลคนป่วย นางเป็นคนเดียวในตำหนักที่ได้เรียนรู้ทักษะทางการแพทย์ง่าย ๆ จากอวี้ชิงลั่ว ดังนั้นนางจึงต้องดูแลทั้งเหวินเทียนและจินหลิวหลี โชคดีที่เหวินเทียนเกือบจะหายเป็นปกติแล้ว ตราบใดที่นางเฝ้าดูเขาและไม่ปล่อยให้เขาอาการกำเริบ นางก็รู้สึกว่าชีวิตของนางค่อนข้างได้รับการเติมเต็มแล้ว
อวี้ชิงลั่วจิบชา แล้วเคาะนิ้วบนขอบโต๊ะเบา ๆ ลังเลที่จะพูด
“เจ้ามีอะไรจะบอกข้าหรือไม่?”
จินหลิวหลีถามนางด้วยรอยยิ้ม ทว่ามือที่วางอยู่บนผ้าห่มกำแน่น
ทุกวันนี้อวี้ชิงลั่วมักจะคุยกับนาง แต่มักจะเป็นการชวนพูดคุยไปเรื่อย หรือไม่ก็เล่าเรื่องสิ่งที่น่าสนใจจากทั่วสารทิศ ซึ่งอวี้ชิงลั่วไม่เคยมีท่าทางเช่นนี้มาก่อน ซึ่งเป็นท่าทางที่บรรยายไม่ถูก
จินหลิวหลีรู้ว่านางอาจต้องการบอกเรื่องเย่ฮ่าวหราน
จินหลิวหลีสูดหายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ แล้วฝืนยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นอะไร บอกข้ามาเถิด ข้าเตรียมใจไว้แล้วล่ะ… ข้าไม่เห็นเขาปรากฏตัวมาพักหนึ่งแล้ว และทุกคนต่างก็ปิดปากเงียบ ข้ารู้ว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น”
อวี้ชิงลั่วชะงักไปครู่หนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นและเห็นใบหน้าฝืนยิ้มของจินหลิวหลีที่ไม่น่ามองยิ่งกว่าการร้องไห้ นางขมวดคิ้วอย่างเสียไม่ได้ แล้วใช้นิ้วแตะที่มุมปากของนาง “เอาล่ะ ไม่ต้องฝืนยิ้มหรอก อันที่จริงแม้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น แต่สำหรับเจ้า มันอาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายก็ได้”
จินหลิวหลีรู้สึกประหลาดใจ “ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรือ แล้วเขา… เขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
“ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่หลังจากอยู่ในคุกมาหลายวัน ข้าไม่คิดว่าสภาพจิตใจของเขาจะดีนัก และ…หว่านเฟยก็ตายแล้ว”
จินหลิวหลีอ้าปากค้างทันที นางจ้องมองอวี้ชิงลั่วด้วยความตกใจ “หว่านเฟย หว่านเฟย นาง…”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า ก่อนจะถอนหายใจ แล้วเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่นางได้รับบาดเจ็บให้นางฟัง
จินหลิวหลีตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น นิ้วของนางเกร็งแน่นแล้วคลาย คลายและเกร็งแน่นอีกครั้ง นางไม่ตอบสนองเป็นเวลานานและถึงกับกลั้นหายใจ
“หว่านเฟยบังอาจนัก นางกล้าลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้จริง ๆ” อวี้ชิงลั่วเหลือบมองนางขณะพูดเสียงแผ่วเบา หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็สรุปว่า “อันที่จริงหว่านเฟยสั่งให้ลูกสมุนวางยาพิษในพระกระยาหารของฮ่องเต้มาครึ่งปีแล้ว ข้าเพิ่งรู้ตอนที่เย่ซิวตู๋กลับมาแล้วพาข้าไปหาหว่านเฟย ในใจของนางกังวลเรื่องบางอย่างอยู่ ดังนั้นนางจึงสั่งให้ลูกสมุนหยุดวางยาพิษ เพียงแค่เจี่ยนเซียงทรยศหว่านเฟย และเหมิงกุ้ยเฟยรู้ทันจึงส่งคนไปดักลูกสมุนของนางไว้และเริ่มลงมืออีกครั้ง”
“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สิ่งที่หว่านเฟยทำไปนั้นก็เป็นการกบฏไปแล้วจริง ๆ จึงไม่ถือว่าเป็นความผิดของนาง เพียงแต่เหมิงกุ้ยเฟยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการเปิดโปงเรื่องนี้”
หลังจากที่อวี้ชิงลั่วพูดจบ นางก็มองจินหลิวหลีอีกครั้ง และเห็นว่านางยังคงเงียบและเม้มริมฝีปาก จากนั้นนางก็วางถ้วยในมือลงข้างๆ ก่อนตบไหล่นางแล้วพูดว่า “เจ้าพักผ่อนให้เพียงพอ ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงจะได้พบกันเร็วๆ นี้ เมื่อถึงตอนนั้นก็ค่อนว่ากันใหม่”
นางรู้ว่าจินหลิวหลีจำเป็นต้องครุ่นคิดเกี่ยวกับข้อมูลเหล่านี้ให้ดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้กะทันหันมาก จนแม้แต่นางก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเกิดขึ้นจริง ๆ
จินหลิวหลีได้รับบาดเจ็บ เย่ฮ่าวหรานถูกคุมขัง หว่านเฟยวางยาลอบปลงพระชนม์ เหมิงกุ้ยเฟยแอบโจมตีนางเบื้องหลัง ฮ่องเต้โกรธหว่านเฟยมาก นางจึงถูกลงโทษด้วยความตาย เย่ฮ่าวหรานถูกลดระดับเป็นสามัญชน เป็นไปเช่นนี้ทีละคน ไม่ต้องพูดถึงจินหลิวหลีหรอก แม้แต่นางที่รู้เหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น ก็ยังรู้สึกว่าความเป็นไปต่าง ๆ นั้นค่อนข้างคาดไม่ถึง
ทว่าโดยรวมแล้ว ผลลัพธ์ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก
วันรุ่งขึ้น คนที่คุ้นเคยก็เข้ามาปรากฏตัวในตำหนักอ๋องซิวจริง ๆ
………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บทลงโทษที่ไม่เหมือนบทลงโทษ เป็นการให้อิสรภาพกับอ๋องแปดมากกว่า
ไหหม่า(海馬)