อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 604 เขาแก้ปัญหาที่ตามมาไม่ได้
ตอนที่ 604 เขาแก้ปัญหาที่ตามมาไม่ได้
ตอนที่ 604 เขาแก้ปัญหาที่ตามมาไม่ได้
แม่นมเซียวเดินโซเซเข้าประตูไป คุกเข่าอยู่ตรงหน้าถังมู่เทียน “หม่อมฉันไร้ประโยชน์ หม่อมฉันสมควรตาย หม่อมฉันไม่พบองค์หญิง มิได้สอนกฎเกณฑ์แก่องค์หญิงอย่างถูกต้อง ขอองค์ชายรองโปรดทรงลงโทษหม่อมฉันด้วย”
ถังมู่เทียนกระตุกคิ้ว โบกมืออย่างหมดความอดทน “เอาล่ะๆ เจ้าลุกขึ้นเถอะ แม่นมเซียว เจ้ารู้แล้วหรือว่าชิงลั่วไปแล้ว”
“หม่อมฉันเพิ่งไปทำความสะอาดห้ององค์หญิง แล้วพบสิ่งนี้อยู่ใต้หมอนเพคะ” แม่นมเซียวถือกระดาษข้อความไว้ในมือ ส่งให้กับเย่ซิวตู๋ด้วยอาการสั่นเทา
เทียบกับองค์ชายรองแล้ว ตอนนี้บรรยากาศในตำหนักอ๋องซิวได้ดูรุนแรงขึ้นมา จนแม่นมเซียวอดไม่ได้ที่จะถอยมาหนึ่งก้าว
เย่ซิวตู๋เพียงรับกระดาษข้อความมา เนื้อหาในนั้นไม่ต่างจากจดหมายที่ถังมู่เทียนเอาให้เขาดูเท่าใดนัก
เพียงแต่ว่าในกระดาษข้อความที่เขียนถึงเข้านั้น ภาษาดูนุ่มนวลอ้อมค้อมกว่า น้ำเสียงดูจริงใจกว่า ให้ความรู้สึกหลากหลายมากกว่า เมื่อเอากระดาษข้อความสองแผ่นมาเทียบกันแล้ว สีหน้าเย็นชาของเย่ซิวตู๋ก็อ่อนโยนลงมาเล็กน้อย
ถังมู่เทียนเองก็โน้มตัวไปดู เพียงแต่ดูอยู่ครู่หนึ่ง แววตาก็แทบจะถลนออกมา โกรธเสียจนมือทั้งสองข้างสั่น
“หญิงสาวไร้มโนธรรมผู้นี้ ความหมายเดียวกัน แต่จดหมายที่เขียนให้ข้ากลับแข็งกระด้าง ทีเขียนให้เจ้ากลับอ้อมค้อมไปมา ทั้งยังขอโทษเจ้า ขอให้เจ้าเข้าใจ เหตุใดนางไม่ขอให้ข้าเข้าใจบ้างเล่า ทั้งยังบอกเจ้าว่าผลที่ตามมาทั้งหมดนั้นยกให้ข้าจัดการ ให้เจ้าไม่ต้องจัดการอันใดทั้งนั้น เฮอะ นางกลับคิดเผื่อเจ้าเสียรอบคอบ แล้วที่ข้าแต่งตั้งให้นางเป็นองค์หญิงเทียนฝูเล่า ที่นางกลายเป็นตัวเอกของงานแต่งพระราชทานเล่า ทั้งหมดนี้ก็เป็นความตั้งใจของเจ้า เย่ซิวตู๋ แต่นางกลับผลักเอาทุกอย่างมาไว้ที่ข้า นางนี่ช่าง… ช่าง…”
เดิมทีเย่ซิวตู๋ก็ยังโกรธเกรี้ยวอยู่ แต่เมื่ออ่านข้อความของอวี้ชิงลั่วจบ มันก็ค่อยๆ หายไปราวปาฏิหาริย์ สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเงียบสงบ
โม่เสียนแปลกใจ นายท่าน… ไม่โกรธแล้วหรือ
“โม่เสียน ไปเอากระดาษและพู่กันมา” เย่ซิวตู๋รับจดหมายมาไว้ จากนั้นก็กล่าวเสียงทุ้ม
โม่เสียนรีบรับคำแล้วออกไป
ถังมู่เทียนขมวดคิ้ว และมองไปยังเย่ซิวตู๋ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เจ้า… เจ้าไม่โกรธหรือ ไม่สั่งคนออกไปตามหาเลยหรือ” เขาโกรธเสียเป็นฟืนเป็นไฟ เย่ซิวตู๋เป็นคนอย่างไรกันแน่ ถูกคนเขาผิดสัญญาแล้วยังไม่โกรธอีก
อวี้ชิงลั่วหนีการแต่งงาน หนีการแต่งงานเลยนะ หนีการแต่งงานกับเขา เป็นบุรุษคนหนึ่งก็ไม่น่าสงบนิ่งเช่นนี้ไม่ใช่หรือ
เย่ซิวตู๋ฉีกยิ้มมุมปาก ยิ้มเย็น “โกรธสิ แต่ต้องโกรธต่อหน้านาง” รอให้หาตัวนางพบเสียก่อน เขาจะให้นางได้พบเขาในแบบที่โมโหเสียบ้าง ว่ามันจะเป็นเช่นไร
ถังมู่เทียนสะอึก ทันใดนั้นก็รู้สึกขนลุกที่คอ รู้สึกว่า…อวี้ชิงลั่วถึงคราวดวงซวยเสียแล้ว ครั้งนี้อ๋องซิวผู้ดุร้ายแห่งอาณาจักรเฟิงชางดูเหมือนจะไม่ปล่อยนางไปง่ายๆ
แต่เช่นนั้นก็ดี ให้หญิงสาวผู้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงทั้งยังสร้างปัญหาให้เขาผู้นั้นได้รับบทเรียนเสียบ้าง จะได้ไม่ต้องทำตัวไม่รู้จักกฎเกณฑ์อีก
ขณะกำลังคิด โม่เสียนก็นำกระดาษจดหมายมาวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยื่นพู่กันให้เย่ซิวตู๋ด้วยความเคารพ
เย่ซิวตู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบพู่กันมาเขียนบนกระดาษจนหมาย
ถังมู่เทียนเลิกคิ้ว เขาอยากจะดูจริงๆ แต่ก็รู้สึกว่าดูไม่ค่อยดีในฐานะขององค์ชายรองแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ อีกทั้งข้างๆ ยังมีแม่นมเซียวที่ให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์อยู่ด้วย
เย่ซิวตู๋เก็บพู่กันอย่างรวดเร็ว มองดูครู่หนึ่ง รอจนกระทั่งหมึกใกล้จะแห้งแล้ว จึงพับใส่ซองจดหมายอย่างเรียบร้อย ผนึกซองด้วยขี้ผึ้งแล้วนำให้โม่เสียน
“นำจดหมายฉบับนี้ส่งไปยังเมืองหูโดยเร็วที่สุด ส่งให้กับมืออาจารย์ข้าเล่า”
โม่เสียนรับคำ ไปเตรียมม้าในทันที ไม่กล้าออกจากตำหนักอ๋องซิวช้าไปกว่านี้อีกแล้ว
ถังมู่เทียนมองเขาอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง ถามอย่างไม่เข้าใจ “นี่มันอะไร นี่ เย่ซิวตู๋ ข้าขอบอกเจ้าเลยนะ ผลที่ตามมาของเรื่องนี้ข้ารับมือไม่ไหวหรอก และคิดแผนอันใดไม่ออกด้วย อย่างไรชิงลั่วก็เลื่อนงานแต่งออกไปแล้ว ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของนางแน่”
เย่ซิวตู๋เหลือบมองเขา ให้แม่นมเซียวไปที่เรือนตู๋เพื่อนำเสื้อคลุมของเขามา จากนั้นก็กล่าวเสียงทุ้ม “เข้าวัง”
“เข้าวังหรือ” ถังมู่เทียนเม้มปากแน่น “เจ้ามีแผนหรือ” เร็วปานนั้นเชียว หรือว่าเขาวางแผนจะปล่อยอวี้ชิงลั่ว ไม่จัดงานแต่งนี้แล้วหรือ
ไม่หรอก ไม่จริงๆๆ ตอนนั้นที่เย่ซิวตู๋มาหาเขาเพื่อคุยกันเรื่องอวี้ชิงลั่ว นั่นก็เป็นเรื่องที่ควรทำ บุรุษดังเช่นเขา ดูจะไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อย่างง่ายดายเป็นแน่
เย่ซิวตู๋ใส่เสื้อคลุม ให้คนไปเตรียมม้า เข้าวังเพื่อไปพบฮ่องเต้ทันที
ทั้งสองคนเดินออกจากประตูตำหนักอ๋องซิว ทางด้านนั้นไม่มีรถม้าของซ่างกวนจิ่นแล้ว
และในขณะเดียวกันนั้น ในเรือนรับรองของอาณาจักรจิงเหลย มีร่างของชายคนหนึ่งที่ลดปีกหมวกปิดหน้าอยู่ ท่าทางดูเย็นชา
ซ่างกวนจิ่นแค่นหัวเราะ นั่งอยู่บนเก้าอี้พลางจิบชา “อวี๋จั้วหลินหรือ ใต้เท้าอวี๋น่ะหรือ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเจ้า”
“ท่านอ๋อง กระหม่อมเพียงนำข่าวมาทูลเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” อวี๋จั้วหลินสีหน้าไร้อารมณ์ มองซ่างกวนจิ่นตรงหน้าที่เคยทำร้ายตนมาก่อน นิ้วของเขาเกร็งแน่นเล็กน้อย
“คิดว่าด้วยตัวตนของเจ้าในตอนนี้ ข่าวที่เจ้าจะนำมาบอกข้านั้น ยังมีมูลค่าอยู่หรือ”
ในที่สุดอวี๋จั้วหลินก็หัวเราะออกมา “เช้าวันนี้ กระหม่อมเห็นอวี้… เห็นแม่นางชิงและลูกของนางออกจากประตูเมือง ไปจากเมืองหลวงกับตาตนเองพ่ะย่ะค่ะ”
แค่เพียงว่าตอนที่เขาไปพบกับทหารอารักขาประตูเมือง บังเอิญเห็นหนานหนานเปิดม่านรถม้า เห็นทั้งสองคนอยู่ในรถม้าก็เท่านั้น
ตอนนั้นก็รู้สึกแปลกใจ สถานะของนางตอนนี้ เหตุใดจึงนั่งรถม้าสุดแสนจะธรรมดาเช่นนั้นได้
เดิมทีอวี๋จั้วหลินต้องการจะตามไป แต่เพียงนึกถึงผู้พิทักษ์ทมิฬที่ประมือกับตนเองครั้งก่อนนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เขาจึงได้แต่ทนไว้ก่อน
พอตกบ่าย ทหารอารักขาจากเรือนรับรองของอาณาจักรจิงเหลยพบกับเขาก็บังเอิญบอกข่าวอย่างหนึ่ง ดูเหมือนว่าอุปราชจะต้องการเชิญแม่นางชิงไปร่วมงานเลี้ยง
ในตอนนั้นอวี๋จั้วหลินหรี่ตา คิดว่าต่อให้ตอนนี้สถานะของตนจะยังทำอันใดไม่ได้ แต่การกวนน้ำให้ขุ่นก็ยังพอเป็นไปได้อยู่
จริงๆ แล้ว ตอนที่อุปราชได้ยินข่าวนี้ สีหน้า… ก็ดูมีความหมายเป็นอย่างมาก
ซ่างกวนจิ่นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองอวี๋จั้วหลินอย่างมีความหมาย “ข้ารู้แล้ว ให้อวี๋…ให้นายทหารไปดูเสียหน่อย เข้ามา ส่งแขก”
มือของอวี๋จั้วหลินกำแน่น ในใจลอบสบถ หันหลังออกจากเรือนรับรองไป
ในห้องเหลือเพียงซ่างกวนจิ่นคนเดียว เขาหรี่ตาครุ่นคิด ในใจเกิดความสงสัย หญิงผู้นั้นออกจากเมืองหรือ เช่นนั้นวันนี้นางก็ไม่ได้ไปที่สนามแข่งขันน่ะสิ
นางออกจากเมืองไปเพื่ออะไรกัน?
ซ่างกวนจิ่นคิดหาเหตุผลไม่ออก จนเช้าวันต่อมา จู่ๆ ก็มีข่าวหนึ่งมาจากวังหลวง
กล่าวว่าอาจารย์ของเย่ซิวตู๋นั้นใกล้ตาย แม่นางชิงหมอปีศาจนั้น เพื่ออ๋องซิวสามีในอนาคตของตนแล้ว จึงต้องเลื่อนวันแต่งงานออกไป และออกไปยังเมืองหูกับอ๋องซิว เพื่อตรวจสอบอาการและช่วยเหลืออาจารย์อวิ๋นที่เกษียณอายุไปนานแล้ว
เมื่อข่าวนี้ถูกแพร่ออกไปทั่วเมือง เย่ซิวตู๋ก็ให้คนเก็บของ อ่านกระดาษข้อความในมือด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
เสิ่นอิงเดินมาข้างๆ เขา กล่าว “ท่านอ๋อง เราจะไปไหนกันขอรับ”
“ดินแดนเหมิง” เย่ซิวตู๋กระชับกระดาษข้อความ หันหลังเดินออกจากตำหนักอ๋องซิว
!!
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พ่อมาตามเองเลย จะรอดไหมเนี่ยชิงลั่ว ดินแดนเหมิงจะแตกไหม
ไหหม่า(海馬)