อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 605 เขาโอนอ่อนตามนาง
บทที่ 605 เขาโอนอ่อนตามนาง
บทที่ 605 เขาโอนอ่อนตามนาง
เมื่อยามท้องฟ้าสว่าง อวี้ชิงลั่วก็ตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงงเล็กน้อย
แน่นอนว่าหลังจากเดินทางมาหนึ่งวัน ก็รู้สึกปวดหลังและไม่สบายตัวอย่างยิ่ง การนอนหลับครั้งนี้ถือว่าหลับแบบมืดฟ้ามัวดินเลยทีเดียว
นางเอื้อมมือลูบตรงกลางหว่างคิ้ว จากนั้นก็รู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหนักๆ อยู่บนร่าง ทำเอานางหายใจลำบากขึ้นมา
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองลงไป ทันใดนั้นก็เอนหลังนอนลงไปบนเตียงอย่างแรง
เจ้าตัวน้อยบ้านี่ นอนเสียจนไม่มีสิ่งใดมาขวางได้เลย ท่านอนเช่นนี้ทำเอาคนอื่นโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก
“…” ขณะที่อวี้ชิงลั่วกำลังจะยื่นมือแล้วเหวี่ยงเขาลงไป จู่ๆ ก็รู้สึกเย็นที่ช่วงอก ค่อนข้างเปียกชื้น
ใบหน้าแข็งทื่อ นางพลิกตัวทันที ทำเอาหนานหนานพลิกไปนอนที่ด้านในของเตียง
เกิดเสียงดัง ‘ตึง’ พร้อมกับที่หนานหนานรู้สึกเหมือนร่างกายถูกกระแทกอย่างแรง ตื่นขึ้นมาทันที เด้งตัวขลุกๆ ขึ้นมานั่งบนเตียง “ใคร ใครวางแผนทำร้ายข้า?”
กล่าวเพียงสองประโยค หางตาของเขาก็หันไปเห็นอวี้ชิงลั่วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง จึงรีบขยับเข้าไปนั่งข้างกายของนางทันที “ท่านแม่ไม่ต้องกลัวนะขอรับ ข้าจะปกป้องท่าน วางใจเถิด ไม่ต้องกังวล”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก มองน้ำลายที่อกของตนอย่างรังเกียจเล็กน้อย กำลังคิดว่าคืนนี้จะนอนแยกเตียงกับเขาดีหรือไม่ นี่นางกำลังทำร้ายตัวเองโดยแท้
“เช็ดน้ำลายให้สะอาดเสีย” อวี้ชิงลั่วทิ้งผ้าเช็ดหน้าให้เขาผืนหนึ่ง กุมหน้าผากของตนแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ด้านหลังฉากกั้น
หนานหนานจึงตอบสนอง เช็ดมุมปาก มองเสื้อผ้าของท่านแม่และรู้สึกอายขึ้นมาในทันที
จากนั้นก็ลงจากเตียงด้วยสีหน้าจริงจัง ยืนอยู่อีกด้านของฉากกั้นแล้วเริ่มอธิบาย “ท่านแม่ จะโทษข้าได้หรือ เมื่อคืนข้านอนเยอะ กินน้อย ในใจไม่อาจปล่อยวางได้ ดังนั้นตกดึกจึงฝันถึงของกินเป็นธรรมดา ท่านแม่ หากวันนี้ท่านพาข้าไปกินอาหาร ข้าจะต้องไม่หิวจนน้ำลายไหลเป็นแน่”
อวี้ชิงลั่วกลอกตา หลังจัดแจงแต่งกายเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาจากฉากกั้น เหลือบไปมองเขาก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “เจ้ารู้ด้วยหรือว่าเมื่อวานเจ้านอนทั้งวัน วันนี้ก็ยังนอนจนตื่นสายเพียงนี้ได้ นี่เจ้าคิดจะกลายร่างเป็นลูกหมูหรือ?”
ลูกหมูหรือ ลูกหมูได้กินได้นอน ท่าทางน่าจะดีไม่น้อย ขอเพียงเมื่อโตไปแล้วไม่มีใครฆ่าเขาเพื่อนำไปกิน เขาก็ไม่ถือสาหรอก
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย เรายังต้องเดินทางอีก” อวี้ชิงลั่วหยิบชุดสีม่วงออกมาจากห่อสัมภาระใบใหญ่แล้ววางไว้บนศีรษะของเขาโดยตรง
เมื่อหันกลับมามองห่อสัมภาระนั้น อวี้ชิงลั่วก็มีสีหน้าไม่สู้ดีทันที เขาเอาของสัปปะรังเคอันใดมากันนี่ นี่เจ้าตัวน้อยเก็บของในห้องของตนมาหมดเลยอย่างนั้นหรือ
หนานหนานถอนหายใจ ท่านแม่ไปจากท่านพ่อแล้วใช่ไหมเล่า อารมณ์ไม่ดีกันแล้วใช่ไหม จริงๆ เลย ยังต้องให้ลูกชายอย่างเขามาโอนอ่อนตามนางอีก ลำบากเขาแล้วจริงๆ
หลังส่ายศีรษะก็ไปซ่อนตัวอยู่หลังฉากกั้น แล้วเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
รอจนแต่งตัวเสร็จ เสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมก็เตรียมอาหารเช้ายกมาให้พวกเขา
เพียงหนานหนานเห็นซาลาเปาและเต้าฮวยสีขาว คิ้วเล็กๆ ก็มุ่นเข้าหากัน เขาชอบกินของมีสีสันหน้าตาสวยงาม นี่ท่านแม่ข่มเหงเขา ไม่ยอมใช้เงิน ขี้เหนียวจริงๆ
ถึงแม้จะไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็นั่งลงข้างโต๊ะอย่างว่าง่าย กินทั้งหมดเข้าไปคำใหญ่
เมื่อออกมาจากโรงเตี๊ยมก็ได้เวลาแล้ว แสงแดดแรงเสียจนทำให้คนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
อวี้ชิงลั่วหันไปมองหนานหนานที่กำลังส่ายศีรษะอยู่อย่างกระสับกระส่าย เจ้าเด็กคนนี้ชักช้านัก ค่ำวันนี้จะถึงหมู่บ้านต่อไปหรือเปล่าก็ไม่รู้
หนานหนานไม่รู้เลยว่าในใจท่านแม่กำลังแขวะตนอยู่ เขากินอิ่มนอนหลับดี ตอนนี้ปีนขึ้นรถม้าไปอย่างกระฉับกระเฉง
“ท่านแม่ รีบขึ้นมาเร็วขอรับ”
อวี้ชิงลั่วไม่อยากจะสนใจเขา หลังจากมองเขาแวบหนึ่งก็เหยียบขั้นบันไดขึ้นไป
อากาศวันนี้ร้อนกว่าเมื่อวานเล็กน้อย รถม้าแล่นออกไป หลังจากออกหมู่บ้านแล่นไปยังถนนสายกว้างที่ไร้คน อวี้ชิงลั่วก็นั่งพิงตรงประตูรถม้า ใช้พัด พัดไปมา
หนานหนานจับพัดมาพัดให้ตนครั้งสองครั้ง จากนั้นก็ขี้เกียจแล้ว จากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนตักของอวี้ชิงลั่ว รับลมเย็นจากนางแล้วหลับตาลง
“นี่เจ้าคงไม่ได้จะนอนอีกแล้วใช่ไหม” อวี้ชิงลั่วกระตุกริมฝีปาก
หนานหนานหัวเราะฮิๆ “ไม่ขอรับ ข้าเพียงแค่…” ขณะที่พูด จู่ๆ เสียงของเขาก็หยุดลง ลุกขึ้นขลุกๆ จากตักของอวี้ชิงลั่วแล้วนั่ง
“มีอะไรหรือ” อวี้ชิงลั่วแปลกใจ
หนานหนานเปิดม่านออกไปด้านนอก เอาหูแนบฟังเสียงอยู่ครู่ใหญ่
หลังจากนั้น จู่ๆ เขาก็ตะโกนบอกคนขับรถม้าด้านนอก “หยุดๆๆ หยุดรถเสีย”
คนขับผู้นั้นตกใจเสียงเขาอย่างมาก ทันใดนั้นก็คว้าเชือกไว้แน่น เสียง ‘ชู่’ ดังขึ้นแล้วหยุดรถม้านิ่งสนิท จากนั้นก็หันหน้ามา “มีอะไรหรือนายน้อย ปวดท้องถ่ายหรือขอรับ”
หนานหนานส่ายหน้า ขมวดคิ้วกล่าวกับอวี้ชิงลั่ว “ท่านแม่ ข้าได้ยินเสียงคนตีกันอยู่ด้านหน้าขอรับ”
คนขับตะลึง จากนั้นก็หัวเราะ “นายน้อยล้อกันเล่นแล้ว ที่นี่ไม่มีแม้แต่เสียงลม จะมีเสียงคนสู้กันได้อย่างไร”
หนานหนานไม่สนใจเขา อวี้ชิงลั่วกลับเม้มปาก พื้นฐานวรยุทธ์ของหนานหนานดีมาก ทั้งยังหูดี เขาน่าจะได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านหน้า
“สารถี หันหัวเสีย อ้อมไปยังถนนเส้นข้างๆ”
คนขับผู้นั้นค่อนข้างลำบากใจ “นั่น… แม่นาง หากเปลี่ยนเส้นทางไป จะอ้อมไกลมากนะขอรับ ยังไม่ต้องพูดถึงเสียแรงเลย ค่ำนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปถึงโรงเตี๊ยมแห่งต่อไปหรือไม่”
“อ้อมไป” อวี้ชิงลั่วเกร็งมุมปาก นางไม่อยากให้มีปัญหาใดระหว่างทาง ตอนนี้การตามหาแม่นมเก๋อสำคัญที่สุด
คนขับผู้นั้นถอนหายใจแล้วส่ายหน้า ช่างเถอะ คนมีเงินใหญ่ที่สุด เขาอ้อมก็ได้
ท่าทางของเขาเชื่องช้า ดึงสายบังเหียนให้เลี้ยวแล้วตรงไปทางขวา
เพียงแต่ว่าในช่วงเวลาที่ล่าช้านั้น ระยะห่างของเสียงต่อสู้กลับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ใกล้เสียจนแม้แต่คนขับรถผู้นั้นก็ได้ยิน คนขับหน้าซีดลง ตอนนี้เขาไม่กล้าเสียเวลาอีกแม้แต่น้อย รีบดึงสายบังเหียน ตะโกนขึ้นเสียงหนึ่ง รถม้าก็วิ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
หนานหนานเลิกผ้าม่านมองไปด้านหลัง ก็เห็นชายคนหนึ่งถือดาบ เผชิญหน้ากับคนกลุ่มหนึ่งที่สู้กันอย่างนองเลือดอยู่จริงๆ
เพียงแต่ที่แปลกก็คือ คนผู้นั้นดูเหมือนมีคนตัวเล็กๆ ติดตามมาด้วยหนึ่งคน … เด็กหญิงอย่างนั้นหรือ
หนานหนานเอียงคอ ยังไม่ทันคิดอะไรออก รถม้าก็เคลื่อนตัวออกไปไกลแล้ว ไกลเสียจนทิ้งพวกเขาไว้เบื้องหลัง
หลังอ้อมมาเสียไกล และแล้วพวกอวี้ชิงลั่วก็มาหมู่บ้านต่อไปไม่ทันจริงๆ ทำได้เพียงพักข้างนอกเท่านั้น
โชคดีที่อวี้ชิงลั่วมีประสบการณ์ในด้านนี้ ก่อนจะออกจากบ้านก็คิดไว้แล้วว่าต้องเกิดสถานการณ์เช่นนี้ จึงนำกระโจมที่ตนเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ ออกมา
คนขับผู้นั้นมองอย่างงุนงง แม่นางผู้นี้มีของแปลกเช่นนี้อยู่กับตัวด้วยหรือ นอนในนั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องฟ้าฝนหรือหิมะแล้ว สบายกว่าเขาที่นอนในรถม้าเสียอีก
หนานหนานปีนเข้าไปอย่างมีความสุข นอนหลับไปจนกระทั่งเช้า
แต่ทว่าพวกเขายังดีใจกันเร็วเกินไป เมื่อมาถึงวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็พบว่ามีเรื่องน่าเศร้ากว่านั้นรอพวกเขาอยู่
!!
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ออกมาได้ก็โดนติดตามเลย วุ่นวายจริงๆ หนอ
ไหหม่า(海馬)