อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 608 กระโดดจากรถ
ตอนที่ 608 กระโดดจากรถ
ตอนที่ 608 กระโดดจากรถ
หนานหนานกำลังจะยืนขึ้น แต่ต่อมาก็ต้องตกใจกับคำพูดของอวี้ชิงลั่วจนเกือบจะลงไปนอนกับพื้นอีกครั้งแล้ว
นิ้วของเด็กหญิงผู้นั้นหยุดชะงัก ต่อมาก็เปิดประตูทำท่าจะวิ่งออกไปราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
เพียงแต่ตอนที่หยุดชะงักไปก็เพียงพอให้หนานหนานพุ่งตัวเข้าไปหา จับนางไว้แล้วลากกลับเข้ามาในห้องในคราวเดียว
เด็กหญิงเริ่มดิ้นรนอย่างแรงอีกครั้ง ถึงแม้หนานหนานจะมีพลังวรยุทธ์แก่กล้า แต่ก็ยังตัวเล็กนัก ยังสู้แรงดิ้นรนของนางเช่นนั้นไม่ได้
เขาจึงรีบหันไปตะโกนใส่อวี้ชิงลั่ว “ท่านแม่ รีบมาช่วยข้าหน่อยสิขอรับ ข้าจะจับไว้ไม่อยู่แล้ว ถ้าข้าโดนนางจัดการจนน่วม ต่อไปท่านจะไม่มีบุตรชายเลี้ยงตอนแก่นะขอรับ”
อวี้ชิงลั่วตบหน้าผากตนแล้วโบกมือกล่าว “หากนางอยากไป เจ้าก็ปล่อยนางไปเถิด”
“ไม่ได้ขอรับ ตอนนี้นางเป็นคนชนชาติเดียวกับข้า บนร่างนางมีปานนั้นอยู่ ทั้งยังมีคนตามฆ่านางด้วย จะปล่อยไปไม่ได้ขอรับ”
ทันใดนั้นแววตาของเด็กหญิงก็ปรากฏความกลัวขึ้นมา อ้าปากกัดเข้าไปยังไหล่ของหนานหนาน
อวี้ชิงลั่วมุ่นคิ้ว นางพุ่งไปข้างหน้าแล้วคว้าเอาตัวเด็กหญิงไว้แล้วถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นก็วางนางไว้บนเตียงทันที
เห็นว่านางเตรียมจะวิ่งลงจากเตียง อวี้ชิงลั่วก็โมโหขึ้นมาทันใด ชักมีดสั้นออกมาแล้วชี้ไปที่นาง “ถ้ายังวิ่งไปวิ่งมาอีก ข้าจะตัดนิ้วของเจ้าหนึ่งนิ้ว ข้าเป็นหมอ รู้หรอกนะว่าเจ้าแสร้งทำเป็นโง่เง่า แต่ที่แท้ก็มองและฟังสิ่งที่ข้าจะสื่อได้อย่างกระจ่างแจ้ง”
เด็กหญิงที่กำลังคิดจะแกล้งทำเป็นบ้าจู่ๆ ก็หยุดฟัง ถอยไปด้านหลังสองสามก้าว นั่งอยู่ตรงมุมในของเตียง มองนางและหนานหนานอย่างระแวดระวัง
อวี้ชิงลั่วเห็นว่านางเงียบลง ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกครั้งหนึ่ง
“ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้ากำลังโดนตามฆ่า และข้าก็รู้ว่าเจ้าเป็นชาวเหมิง ตอนนี้… สถานการณ์ของเจ้า น่าจะเหลือตัวคนเดียวแล้วสิ”
คนบนเตียงได้ยินคำกล่าวนี้ก็หดตัวลงอย่างอดไม่ได้ ในแววตาปรากฏร่องรอยของความเศร้าอยู่
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ ดูท่านางจะเดาไม่ผิด บุรุษที่หนานหนานบอกว่าเดิมทีต่อสู้เพื่อปกป้องนางอยู่บนถนนนั้นท่าทางจะตายไปเสียแล้ว
หนานหนานเดินตามมาตรงหน้านาง พิจารณานางอย่างละเอียด “เจ้าดูสิ เมื่อครู่เจ้าวิ่งไปนู่นมานี่ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมเละเทะไปหมด ดูไม่ได้แล้ว”
อวี้ชิงลั่วให้เขานำของบนโต๊ะมายื่นให้เด็กสาวตรงหน้าที่กำลังหดตัวและเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อใจพวกเขา “กินเสียหน่อยเถอะ ดูท่าทางเจ้าจะไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่เชื่อใจพวกข้า แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ถ้าเจ้ายังไม่อยากหิวตาย ก็ทำได้แค่ฟังคำของพวกเราเท่านั้น”
ดรุณีน้อยไม่เอื้อมมือออกมารับ เพียงจ้องมองอวี้ชิงลั่วอย่างดุร้าย แววตายังมองไปยังประตูห้อง ราวกับว่ากำลังหาจังหวะจะออกไปอยู่
หนานหนานมองไปรอบๆ เดินขึ้นเตียงไปสวบๆ คว้าขนมชิ้นหนึ่งจากมือของอวี้ชิงลั่ว จากนั้นก็แบ่งครึ่งแล้วเอาใส่ปากของตน กินไปพลางพูดจาอู้อี้ “เจ้ากลัวว่าจะมียาพิษใช่หรือไม่ เอ้า ข้ากินให้เจ้าดูแล้ว ไม่มียาพิษ ครึ่งนี้ให้เจ้า”
อวี้ชิงลั่วเห็นนางตอนที่มองหน้าหนานหนานมีสีหน้าราวกับว่าค่อยๆ ผ่อนคลายลง จากนั้นก็ไม่สนใจอีก ลุกเดินไปนั่งลงที่โต๊ะ
บางทีกับเด็กด้วยกันแล้ว นางคงไม่ได้มีใจระแวดระวังถึงเพียงนั้นสินะ
หนานหนานผู้นี้เป็นเด็กดี ทั้งยังชอบโอ้อวด ปล่อยให้เขาจัดการก็ไม่เป็นปัญหานัก
แน่นอนว่าผ่านไปไม่นานก็ได้ยินเสียงกินจ๊อบแจ๊บดังมาจากด้านหลัง นางยิ้มและคิด เด็กผู้นั้นฉลาดมากจริงๆ อายุเท่านี้ยังแสร้งทำเป็นเด็กโง่ได้อย่างแนบเนียน ราวกับว่าจะปกปิดทุกคนได้ก็ไม่ปาน
เด็กผู้นี้ น่าจะเป็นเด็กรู้จักคิดที่หาได้ยากนัก
อวี้ชิงลั่วหันหน้า มองดูทั้งสองคนที่นั่งเรียงกัน แววตามองไปยังร่างของเด็กหญิงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองหนานหนาน ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ส่ายหน้า
“ท่านแม่ ข้าเห็นนะ เมื่อครู่ท่านเมินข้าใช่หรือไม่”
อวี้ชิงลั่วหันหน้ากลับมาเงียบๆ ที่แท้เขาก็ยังรู้จักตัวเองนี่นะ
ตกดึกคืนนั้น เด็กคนนั้นก็ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงด้านหนึ่งอย่างระแวดระวังตัว
และก็ไม่รู้ว่าหนานหนานกล่าวอะไรกับนาง นางจึงไม่มีทีท่าว่าจะหนีออกไปแล้ว
เพียงแต่สีหน้าที่นางมองอวี้ชิงลั่วยังคงระแวงอยู่ ไม่สิ ราวกับว่านางสร้างกำแพงในหัวใจอย่างแน่นหนากับทุกคน คอยระวังตัวไว้ เหมือนกับว่าจะมีคนคอยทำร้ายนางได้ตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่นั่งกินข้าวอยู่ในห้อง นางก็นั่งหันหน้าให้พวกเขา ด้านหลังพิงกำแพงไว้
อวี้ชิงลั่วส่ายศีรษะ กินข้าวเช้าให้เสร็จอย่างเงียบๆ เตรียมตัวจะออกเดินทาง
หนานหนานใส่ใจเป็นอย่างมาก ขอให้คนไปหาหมวกปีกกว้างตั้งแต่เช้า นำมาใส่ไว้ที่ศีรษะนาง หัวเราะคิกคักแล้วกล่าว “เป็นอย่างไรบ้าง เช่นนี้ก็ไม่มีใครจำเจ้าได้แล้วใช่ไหม”
นางพยักหน้าราวกับลังเลเป็นอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วพบว่าจนถึงตอนนี้ นางก็ยังไม่ได้กล่าวอันใดเลยสักคำ
จนกระทั่งทั้งสามคนขึ้นรถม้า ออกจากหมู่บ้านที่พวกเขาแวะพัก มุ่งหน้าสู่เส้นทางที่ใช้เมื่อวาน
สุดท้ายแล้วเด็กหญิงก็ตกใจ โดยเฉพาะตอนที่รถม้าแล่นผ่านจุดที่พวกเขาเคยต่อสู้กัน นางตอบสนองโดยการมองด้วยสายตาดุร้าย มือสองข้างจับขอบประตูไว้แน่น สายตาหวาดระแวงหนักขึ้นไปอีก ราวกับว่าจะกระโดดลงจากรถม้าได้ตลอดเวลา
อวี้ชิงลั่วหลับตา มีเพียงหนานหนานที่มองนางอย่างเคร่งเครียดอยู่คนเดียว
“เจ้า เจ้าอย่าคิดไม่ตกเช่นนั้นนะ ใจเย็น ใจเย็นก่อน เราไม่ทำร้ายเจ้าจริงๆ”
“พวก… พวกเจ้า ไป… ไปไหน”
อวี้ชิงลั่วลืมตาขึ้นทันที มองนางอย่างประหลาดใจ หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ในที่สุดนางก็เอ่ยปากเสียที
นางกวาดตามองไปยังเด็กหญิงที่มีแววตาตื่นตระหนก ยิ้มแล้วกล่าว “เราจะไปดินแดนเหมิง”
สีหน้าของเด็กหญิงเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก หวาดกลัว พรั่นพรึงในทันที อยากจะออกจากหน้าต่างไปโดยไม่แม้แต่จะคิด
หนานหนานรีบคว้าเอวของนางไว้แล้วลากกลับมา “นี่ เจ้าจะทำอะไรน่ะ เราจะไม่ทำร้ายเจ้าจริงๆ เจ้าใจเย็นๆ หน่อยสิ เจ้าเป็นชาวเหมิงไม่ใช่หรือ เจ้ากลัวอันใดกันเล่า”
“ปล่อย” นางร้องเสียงแหลม สีหน้าท่าทางดูเกินควบคุม คนทั้งคนเอาแต่ต่อยเตะหนานหนาน
หนานหนานร้องโอดครวญอย่างรู้สึกไม่ยุติธรรม ปล่อยมือ นางพลิกตัวออกไปโดยไม่แม้แต่จะคิด
การกระทำนั้นทั้งเร็วและเร่งรีบ ด้วยพลังวรยุทธ์ในพริบตาเดียว นางก็หายตัวไปจากรถม้าแล้ว
คนขับได้ยินเสียงการกระทำ รีบดึงบังเหียนไว้ เสียง ‘หยุด’ ดังขึ้น รถม้าจอดสนิทในทันที หนานหนานยกผ้าม่านของรถแล้วลงไปทันที
สีหน้าอวี้ชิงลั่วเคร่งเครียด หยุดชะงัก ก่อนจะกระโดดลงไปด้วยคน
เด็กตัวเล็กเช่นนั้น กระโดดลงจากรถม้าที่กำลังวิ่ง ไม่เจ็บตัวสิถึงจะแปลก
ตอนที่อวี้ชิงลั่วเดินไปถึงตรงหน้านาง ข้อศอกและหัวเข่าของนางก็มีเลือดสีแดงซึมออกมาแล้ว แต่นางกลับเป็นคนฉลาดมากจริงๆ ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ ยังสามารถปกป้องศีรษะตัวเองเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย ไม่ปล่อยให้จุดสำคัญต้องบาดเจ็บ
อวี้ชิงลั่วนั่งยองๆ ตรงหน้านางแล้วถาม “ได้รับบทเรียนแล้วใช่หรือไม่ อย่าว่าแต่เจ้าเลย ต่อให้เป็นหนานหนานก็ยังไม่กล้ากระโดดลงมาจากรถด้วยซ้ำ ถ้าหากรถม้าเร่งความเร็วกว่านี้อีกนิดเดียว เจ้าคงไม่เหลือแม้แต่ชีวิตแล้ว”
!!
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
น้องผู้หญิงดูคล่องแคล่วมาก เหมือนเป็นหน่วยสืบอะไรสักอย่างตั้งแต่เด็กเลย
ไหหม่า(海馬)