อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 612 สถานะของหนานหนาน
ตอนที่ 612 สถานะของหนานหนาน
ตอนที่ 612 สถานะของหนานหนาน
เหมิงหลัวอวี้เม้มปาก จ้องมองแววตาของอวี้ชิงลั่วอยู่นาน จากนั้นก็กล่าวออกมาว่า ‘อืม’
“เช้าวันพรุ่งนี้ เราไปซื้อธูปเทียนและเงินกระดาษมาเสียหน่อย เจ้าจะได้เผามันไปให้แม่ฉินและลุงหยาง จากนั้นเราก็เตรียมตัวออกเดินทางไปยังดินแดนเหมิงกัน เข้าใจไหม”
เหมิงหลัวอวี้กัดริมฝีปาก จากนั้นก็กล่าว ‘อืม’ ออกมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้น กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวแล้วไหลออกมาอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วจึงค่อยๆ ลูบหลังของนาง กอดนาง ให้นางร้องไห้อยู่ในอกของตนอยู่นาน จนกระทั่งนางร้องไห้จนเหนื่อยแล้วหลับไป จึงให้พนักงานนำน้ำมา เช็ดตัวให้นางจนสะอาดแล้วห่มผ้าให้
เมื่อนางยืนอยู่ข้างเตียง มองไปยังแก้มเล็กๆ ตรงหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ก็อดไม่ได้ที่จะมุ่นคิ้ว
แค่พาเด็กคนเดียวเดินทางก็เหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้ก็มาเพิ่มอีกคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นเด็กที่จะนำปัญหามาให้เป็นแน่เสียด้วย เฮ้อ นางนี่หาเหาใส่หัวเสียจริงๆ
เพียงคิดถึงตรงนี้ อวี้ชิงลั่วก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหนานหนาน
อีกฝ่ายหันหน้าไปอย่างเงียบๆ โน้มตัวไปที่โต๊ะแล้วกินของกิน
นางตบก้นเล็กๆ ของเขาอย่างโมโห คำรามเบาๆ “ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังกินอะไรอีก เจ้าเป็นหนูหรือไร รีบไปล้างหน้าบ้วนปากแล้วเข้านอนเสีย พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้านะ”
“ขอรับ” หนานหนานพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ยอมโดยง่ายไม่ได้กล่าวคัดค้านอันใด ล้างหน้าเสร็จก็ขึ้นเตียงไปนอนหลับ
อวี้ชิงลั่วมองเด็กสองคนที่นอนกันเป็นแถวก็คิดหนัก ทันใดนั้นก็เริ่มคิดถึงเย่ซิวตู๋อย่างมาก ถ้าหากมีเขาอยู่ด้วย นางคงไม่ต้องคิดมากถึงเพียงนี้ ทุกอย่างยกให้เขาเป็นคนจัดการ นางก็จะได้พักผ่อนหลับสบายไปแล้ว
แล้วก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไร เฮ้อ อาจจะส่งคนไปตามหาตนทั่วทุกที่แล้วก็เป็นได้ หวังว่าหลังจากเขาอ่านข้อความของนางแล้วจะไม่โกรธมากเกินไปนัก
เย่ซิวตู๋ไม่โกรธ เพียงแต่หยิบเอาข้อความนั้นมาดูทุกวัน เตือนตัวเองว่าสตรีคนนี้แย่เพียงใด ในหัวเต็มไปด้วยภาพที่เขาจะสั่งสอนนางนับไม่ถ้วน ต้องให้นางได้รับบทเรียนจึงจะใช้ได้
เก็บกระดาษข้อความไว้อีกครั้ง เย่ซิวตู๋มองท้องฟ้ายามค่ำตรงหน้าที่ไกลออกไป ถอนหายใจออกมาน้อยๆ
เสิ่นอิงเดินมาถึงข้างตัวเขา ส่งกระบอกน้ำให้ “นายท่าน พวกเราเร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืนเช่นนี้ เกรงว่าจะแซงหน้าแม่นางอวี้กับหนานหนานไปนะขอรับ เราไม่เดินทางให้ช้าลงหน่อยหรือขอรับ”
เย่ซิวตู๋ดื่มน้ำอึกหนึ่ง เก็บกระบอกน้ำคืนให้เขา สายตายังคงมองไปข้างหน้า ทางด้านนั้นคือทิศทางไปดินแดนเหมิง
วันนี้พวกเขาไปไม่ทันเมืองที่จะพักผ่อนแล้ว ทำได้เพียงพักข้างนอกเอา
โม่เสียนเองก็เดินมาถึงด้านข้างเย่ซิวตู๋ด้วยสีหน้าลำบากใจ กล่าวเบาๆ “จริงขอรับ นายท่าน แม่นางอวี้พาเด็กมาด้วย หนานหนานเองก็เป็นเด็กชอบเล่น เกรงว่าจะไม่ได้เดินทางกันเร็วนัก”
เย่ซิวตู๋พยักหน้า พวกเขานั้นไปช้ากว่าพวกนั้นแค่วันเดียว แต่เดินทางเร็วกว่ามาก พวกเขาอาจจะคลาดกันแล้วก็เป็นได้
เพียงแต่ว่าพวกเขาเองก็ไม่สามารถที่จะเดินทางไปอย่างช้าๆ เพื่อรออีกกลุ่มได้ จริงๆ แล้วใครก็ไม่สามารถรับรองได้ว่าพวกเขาจะได้พบกันไหม และก็ไม่แน่ใจว่าพวกชิงเอ๋อร์จะเดินทางด้วยเส้นทางนี้หรือไม่
ลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็หันกลับมามองโม่เสียนที่เหมือนจะกล่าวอันใดแต่ก็ยังลังเล พูดด้วยเสียงต่ำ “เจ้ากับเหวินเทียนพาเยว่ซิน แม่นมเซียว และหงเย่เดินทางช้าๆ หน่อย เดี๋ยวพวกข้าจะไปกันก่อน”
โม่เสียนกำลังจะดีใจ แต่ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว “ไม่ได้นะขอรับนายท่าน ข้าน้อยอยากไปกับท่านด้วยขอรับ”
นายท่านออกจากเมืองหลวง ระหว่างทางก็ไม่รู้ว่าจะพบกับอันตรายใดบ้าง อย่างไรเสียเหมิงกุ้ยเฟยและคนอื่นๆ ก็ยังไม่ยอมแพ้จะเอาชีวิตของนายท่าน หากมีเขากับเหวินเทียนไปด้วย ก็จะได้มีกำลังคนเพิ่มหน่อย
เย่ซิวตู๋ยกมือขึ้นห้ามพวกเขาไว้ “ข้างกายข้ายังมีเสิ่นอิงกับเผิงอิง มีคนน้อยหน่อย จุดหมายก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อันใด เร่งเดินทางก็จะได้สะดวกยิ่งขึ้น”
“แต่ว่า…”
“ขอรับ” เสิ่นอิงดึงเขาถอยหลังมาหนึ่งก้าว “การเดินทางนี้เยว่ซินต้องลำบากไม่น้อย เจ้าดูสิว่าวันนี้นางอาเจียนออกมาจนหน้าซีดไปหมดแล้ว เจ้าวางใจเรื่องนางไม่ได้หรอก อีกอย่างแม่นมเซียวก็อายุมากแล้ว นางเป็นผู้ดูแลแม่นางอวี้ จะไม่สนใจนางไม่ได้นะ ถึงแม้เหวินเทียนจะไม่ได้มีอุปสรรคใหญ่อันใด แต่อย่างไรเสียก็บาดเจ็บมา หากไม่จำเป็น ก็ไม่ควรใช้แรงที่ขาเกินไปนักจึงจะเป็นการดี เมื่อลองคิดดูแล้ว ก็มีเพียงเจ้าเป็นกำลังหลัก เจ้าจะต้องอยู่เพื่อปกป้องพวกเขาใช่หรือไม่”
โม่เสียนเม้มปาก ไม่ได้กล่าวอะไร ผ่านไปครู่หนึ่งก็พยักหน้าเล็กน้อยให้กับเย่ซิวตู๋ “ข้าน้อยรับทราบขอรับ”
เย่ซิวตู๋โบกไม้โบกมือ ถือจดหมายยืนอยู่คนเดียวบนเนินเขา…
เช้าตรู่วันต่อมา อวี้ชิงลั่วตื่นนอนก็ลากเด็กสองคนลุกขึ้นมาด้วย
เมื่อคืนนี้เหมิงหลัวอวี้ร้องไห้หนักมาก ดวงตาสองข้างยังคงแดงและบวม แต่เมื่อเทียบกับเมื่อวานแล้ว สายตาที่นางมองอวี้ชิงลั่วและหนานหนานกลับอ่อนโยนลงมาก
เมื่อเดินไปถึงตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว นางก็ยังดูเขินอายเล็กน้อย “ท่านน้าชิง เมื่อคืนนี้ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ข้า… ข้าทำเสื้อผ้าของท่านเปื้อน อีกสักครู่ข้าจะเอาไปซักให้ที่ด้านหลังโรงเตี๊ยมนะเจ้าคะ ข้า…”
“ข้าจัดการเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เมื่อครู่ข้าให้พนักงานไปซื้อธูปเทียนและเงินกระดาษมาให้เจ้า เจ้านำไปเผาให้ท่านแม่ฉินกับลุงหยางดีๆ ล่ะ”
เหมิงหลัวอวี้ประหลาดใจ พูดถึงท่านแม่ฉินกับลุงหยาง สีหน้าของนางก็ดูโดดเดี่ยวเล็กน้อย หลังผ่านไปครู่ใหญ่ก็พยักหน้า เดินตามหลังอวี้ชิงลั่วอย่างว่าง่าย
รถม้าออกเดินทางอีกครั้ง หนานหนานเห็นว่าบนรถม้ามีสหายวัยเดียวกันเพิ่มขึ้นมาอีกคนก็ดูอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพียงออกจากหมู่บ้าน เดินทางไปได้สั้นๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มอวดของในห่อสัมภาระของตน
“เจ้าดู นี่คือยาพิษ นี่คือมีดสั้น นี่เป็นกังหันเล็กที่เสี่ยวเฉิงเฉิงเอาให้ข้า นี่คือไข่มุกราตรีที่ท่านพี่ผิงให้ข้า เฮ้อ สิ่งนี้มีค่ามากนะ ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเห็นว่ามันสวยมากเกินจะขาย มันคงกลายเป็นเงินของข้าไปนานแล้ว ยังมีเสื้อผ้าตัวเล็กๆ ของข้าอีก เป็นของที่แม่นมเซียวซื้อให้ข้า นี่คือของที่ท่านพ่อทำให้ข้า”
“เฮ้อ ว่าไปแล้ว ข้าก็แอบคิดถึงท่านพ่อนะเนี่ย ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธข้าหรือไม่ อย่างไรข้าก็ไม่ได้บอกลาเลย ว่าไปแล้วข้าเองก็ไม่ค่อยพอใจนัก ท่านแม่ ท่านช่างใจร้ายเกินไปแล้ว”
หนานหนานพูดๆ ไปก็เริ่มรู้สึกไม่เป็นธรรมขึ้นมา อวี้ชิงลั่วยังคงหลับตาพักผ่อน เพียงได้ยินคำนี้ มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมา “ข้าทำไมหรือ?”
“ตัวท่านทิ้งจดหมายไว้ให้ท่านพ่อ แต่ก็ไม่เห็นจะเตือนข้าเสียหน่อย อย่างไรข้าก็จะได้ทิ้งข้อความอันใดไว้ให้ท่านพ่อบ้าง เพียงคำเดียวก็ยังดี อย่างน้อยท่านพ่อจะได้รู้ว่าในใจข้ามีเขาอยู่”
อวี้ชิงลั่วไม่อยากจะสนใจเขา หลับตาลงพักผ่อนอีกครั้ง
แต่เหมิงหลัวอวี้กลับมองหนานหนานอย่างสงสัย จากนั้นก็มองไปยังของเหล่านั้นในถุงสัมภาระของเขา
นางแปลกใจมาก บิดาที่แท้จริงของหนานหนานเป็นใครกัน เขาเป็นคนสถานะใดกันแน่ บนร่างกายเขามีปานรูปดอกไม้ เช่นนั้นพ่อหรือแม่ก็น่าจะเป็นชาวเหมิง อีกอย่างดูเหมือนว่าหนานหนานจะมีสหายมาก มีคนดีกับเขามากมายนัก
เขา… คงเป็นคุณชายน้อยจากตระกูลร่ำรวยสักครอบครัวหนึ่งสินะ แต่แล้วทำไมเขาจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ เหตุใดคนที่จะไปดินแดนเหมิงจึงมีเพียงเขาและมารดาเพียงสองคน ไม่มีผู้คุ้มกันแม้เพียงคนเดียวเลยหรือ เห็นๆ อยู่ว่าเขาเป็นคนสำคัญคนหนึ่ง
ในใจของเหมิงหลัวอวี้มีความคิดเป็นร้อยพัน แต่ยังคิดหาเหตุผลไม่ได้ จู่ๆ รถม้าก็สั่น ต่อจากนั้นด้านนอกก็มีเสียงหนึ่งดังแว่วมา “หยุดรถ”
!!
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ใครมาหยุดรถ หรือว่าท่านอ๋องซิวตามทันแล้ว? พูดถึงบิดา บิดาก็มางี้
ไหหม่า(海馬)