อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 620 เหตุใดจึงเป็นขยะเช่นเจ้า
ตอนที่ 620 เหตุใดจึงเป็นขยะเช่นเจ้า
ตอนที่ 620 เหตุใดจึงเป็นขยะเช่นเจ้า
ท่านอูเอ้อร์หัวเราะเย็นเยียบ “ข้าไม่เคยเจอคนเช่นเจ้าเลยจริงๆ”
ชายชุดขาวเตะเก้าอี้ข้างๆ ตัวในทันที “เจ้าอย่าอวดดีไปหน่อยเลย”
ท่านอูเอ้อร์นั่งลงตรงม้านั่งข้างๆ ไม่ได้กล่าวอันใด แต่ความหมายนั้นชัดเจนมาก เขาไม่ไป เจ้าจะเหมาโรงเตี๊ยมก็เหมาไป อย่างไรเขาก็ไม่ประนีประนอมด้วยแน่
“พวกเจ้า เอาตัวมันออกไป” ชายชุดขาวโมโห ปัดชุดของตนอย่างโกรธเกรี้ยว เขาไม่เชื่อหรอก พวกเขามากันหลายคนเพียงนี้ จะประมือกับเขาไม่ไหวเชียวหรือ
หนานหนานเบิกตากว้าง จับมือของอวี้ชิงลั่วพูดเบาๆ “ท่านแม่”
“ดูไปก่อน”
ชั้นล่างมีเสียงต่อสู้ขึ้นอย่างรวดเร็ว อวี้ชิงลั่วมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ฝีมือต่อสู้ของท่านอูเอ้อร์ผู้นี้ไม่เลวเลย” ผ่านไปไม่นานนัก คนเหล่านั้นก็ถูกซัดจนล้มลง
สีหน้าของชายชุดขาวนั้นดูต่อต้าน ในตอนที่ท่านอูเอ้อร์นำกระบี่ในมือไปจ่อที่คอเขา อวี้ชิงลั่วถึงกับได้ยินเสียงเขาสูดหายใจ
“เป็นอย่างไร ตอนนี้ยังอยากเหมาโรงเตี๊ยม และไล่ข้าออกไปอยู่หรือไม่”
สีหน้าของชายชุดขาวซีดไป มองท่านอูเอ้อร์อยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ตะโกนออกมา “ฆ่ามันเสีย”
อวี้ชิงลั่วตะลึง ท่านอูเอ้อร์เองก็ตะลึงไปเช่นกัน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงชายชุดดำสองคนจากทางด้านหลังของชายชุดขาวโผล่มาอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงไปโจมตีท่านอูเอ้อร์
ท่านอูเอ้อร์ถอยหลัง พริบตานั้นก็งุนงงทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วลูบคาง ไม่แปลกเลยที่คนผู้นี้โอหังยิ่งนัก ดูท่ายอดฝีมือจริงๆ ก็คือคนชุดดำสองคนที่อยู่ข้างหลังสินะ เช่นนั้นเหล่าอันธพาลพวกนั้นก็เป็นเพียงตัวหลอกอย่างนั้นหรือ?
เห็นได้ชัดว่าท่านอูเอ้อร์เริ่มเหนื่อยขึ้นมา ถึงแม้ฝีมือคนชุดดำสองคนนั้นจะพอๆ กันกับเขา แต่อีกฝ่ายมีกันสองคน หากหนึ่งต่อหนึ่งเขาก็ยังพอต้านได้ ตอนนี้สองคนนั้นลงมือพร้อมกัน ตอนนี้เขาจึงสู้ไม่ไหวขึ้นมา
ชายชุดขาวนั่งลงที่ด้านข้างพร้อมรอยยิ้ม ตะโกนเรียกพนักงานโรงเตี๊ยม “เอาชามาให้ข้า”
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะต้อนรับไม่กล้าออกมาตั้งแต่แรกเริ่ม ตอนนี้ได้ยินเสียงของเขา ทำได้เพียงโผล่หน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก นำชามาให้เขาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เข้าไปหลบอยู่เช่นเดิม
“ข้าบอกตั้งแต่แรกแล้ว มาประมือกับข้า จะต้องจบไม่สวยแน่”
ขณะกล่าว เขาก็เริ่มหัวเราะฮ่าๆ ออกมา ส่ายหน้าให้กับท่านอูเอ้อร์ที่ถูกโจมตีซ้ำๆ อย่างสิ้นหวัง กล่าวอย่างเย็นชา “แกว่งเท้าหาเสี้ยน”
เหมิงหลัวอวี้เม้มปาก สีหน้าเคร่งเครียด เพียงแค่กำแขนเสื้อไว้แน่น ครู่หนึ่งก็ถามออกมาเบาๆ “ท่านน้าชิง พวกเขา… ใครจะชนะเจ้าคะ”
นางคิดว่าท่านอูเอ้อร์อาจจะจำตนได้ จึงไม่ต้องการให้เขาชนะแล้วมาเห็นตน แต่ชายชุดขาวผู้นั้นมองดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี วางอำนาจบาตรใหญ่ทั้งยังจะไล่พวกเขาออกจากโรงเตี๊ยม นางเองก็ไม่อยากให้เขาชนะเช่นกัน
อวี้ชิงลั่วชะงัก หันกลับมามองหนานหนาน “เจ้าคิดว่าอย่างไร”
หนานหนานหัวเราะฮิๆ “ท่านอูเอ้อร์ดูท่าจะต้านไม่ไหว การต่อกรกับคนสองคนนั้นเขาสู้ไม่ไหวอย่างแน่นอน แต่ว่า ถ้าเขาฉลาดและมีกลอุบายบ้าง ไม่แน่ว่าอาจจะเปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้เป็นชัยชนะได้ ดังนั้นตอนนี้จึงไม่อาจมั่นใจได้ว่าใครจะชนะขอรับ”
อวี้ชิงลั่วยิ้ม ไม่ได้กล่าวอะไร
หนานหนานพูดไม่ผิด แพ้ชนะยังไม่ชัดเจน แต่เมื่อครู่นางเห็นการเคลื่อนไหวของชายชุดขาวแล้ว เห็นได้ชัดว่าคนที่จะแพ้ มีเพียงท่านอูเอ้อร์เท่านั้น
ขณะกำลังคิด ด้านล่างก็มีเสียงอันน่าอึดอัดดังขึ้น
คนสองสามคนหันไปมอง ก็เห็นว่าหนึ่งในคนชุดดำนั้นถูกท่านอูเอ้อร์โจมตีจนบาดเจ็บอยู่ที่พื้นแล้ว ชายชุดขาวที่เมื่อครู่ยังนั่งดื่มชาอย่างใจเย็นก็ยืนขึ้นทันใด สีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
หนานหนานเชิดคาง เขาบอกแล้ว ขอเพียงท่านอูเอ้อร์ฉลาดและใช้อุบายเสียหน่อย ก็จะเปลี่ยนแพ้เป็นชนะได้
ท่านอูเอ้อร์ยิ้มเย็น โจมตีเข้าใส่คนชุดดำอีกหนึ่งคนที่เหลือ
แต่เพียงกระบี่แทงออกไป ทำให้ชายชุดดำต้องถอยหลังไปก้าวใหญ่ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าสายตาพร่ามัว ร่างกายราวกับจะแหลกสลาย ดูเหมือนว่าใกล้จะล้มลงไปเต็มที
ชายชุดดำขมวดคิ้ว กำลังคิดจะสู้กับเขาต่อ แต่เมื่อเดินเข้าไปกลับถูกชายชุดขาวห้ามไว้
“เจ้าถอยไปก่อน”
“ขอรับ”
ชายชุดขาวยิ้มอีกครั้งอย่างพอใจแล้วนั่งลงดื่มชาหนึ่งอึกแล้วหันมองท่านอูเอ้อร์ที่กำลังมึนงง “เป็นอย่างไร ตอนนี้รู้สึกว่าไม่สบายตัวแล้วใช่หรือไม่ รู้สึกราวกับว่าในอกนั้นร้อนระอุ ราวกับว่าจะระเบิดออกมาเลยใช่ไหม”
ท่านอูเอ้อร์เงยหน้าในทันที จ้องมองเขาพร้อมขมวดคิ้ว
แต่เพียงจ้องมอง ในหัวก็รู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทง ดวงตาก็เริ่มพร่ามัว
เขาส่ายหน้าอย่างรุนแรง ผ่านไปพักหนึ่งก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เพียงแต่ว่าทั้งร่างนั้นอ่อนแรง ดูแล้วรู้สึกเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงเลย
“เจ้า เจ้าทำอะไรลงไป”
หนานหนานและเหมิงหลัวอวี้ที่อยู่ชั้นสองเองก็เบิกตากว้าง หันมามองท่านแม่ของตน “ท่านอูเอ้อร์เป็นอะไรไปหรือขอรับ”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะ “ชายชุดขาวผู้นั้นวางยาเขา”
วางยาหรือ
“ถึงแม้จะไม่ใช่พิษร้ายแรงนัก แต่ท่านอูเอ้อร์ในตอนนี้ก็ทำได้เพียงอาศัยความเมตตาของผู้อื่นเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ปลิดชีวิตเขาได้”
เหมิงหลัวอวี้พยักหน้าอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ว่า… นางเองก็ไม่เห็นว่าชายชุดขาวนั้นวางยาตั้งแต่ตอนไหน สายตาของท่านน้าชิงนั้นดีเยี่ยมยิ่งนัก
นิ้วของท่านอูเอ้อร์กำแน่น มองชายชุดขาวอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้า เจ้าลงมือกับข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ชายชุดขาวเพียงแต่ดื่มชา เหลือบมองเขาอย่างเกียจคร้าน
ส่วนนักเลงห้าคนที่ถูกท่านอูเอ้อร์จัดการจนร่วงก่อนหน้านี้ก็มองเขาอย่างพอใจ เชิดคางขึ้น หนึ่งในนั้นกล่าวอย่างอวดดี “วิธีลงมือของนายน้อยข้านั้น คนอย่างเจ้าจะเข้าใจได้อย่างไร นายน้อยของข้าเป็นศิษย์ของหมอเฒ่าฉยงซาน ความสามารถในการวางยาของเขา แม้แต่ท่านหมอแห่งเขาฉยงซานก็ยังยกย่องไม่ขาดปาก”
อวี้ชิงลั่วตกตะลึงในทันที หมอเฒ่าฉยงซานหรือ
นางมีความทรงจำอันลึกซึ้งกับชื่อนี้ อูตงผู้นั้นเป็นศิษย์ของเขาไม่ใช่หรือไร
สีหน้าอวี้ชิงลั่วดูบิดเบี้ยวในทันที หมอเฒ่าฉยงซานผู้นั้นเป็นอะไรกันแน่ เหตุใดลูกศิษย์ที่เขารับไว้แต่ละคนล้วนดูไม่ได้ จิตใจชั่วร้าย ไม่มีคนดีๆ เลยสักคนเชียวหรือ
อีกทั้งลูกศิษย์ทั้งสองคนต่างก็ใช้ชื่อของเขามาใช้อำนาจบาตรใหญ่ จนอวี้ชิงลั่วคิดว่าหมอเฒ่าฉยงซานผู้นั้นช่างตาบอดเสียเหลือเกิน
รูม่านตาของท่านอูเอ้อร์ก็หดลง เงยหน้าขึ้นมอง เวรแล้ว ที่แท้คนผู้นี้เป็นลูกศิษย์ของหมอเฒ่าฉยงซาน
เขานึกย้อนเสียใจ หากรู้แต่แรกก็จะยอมย้ายโรงเตี๊ยม จะได้หลีกเลี่ยงการมีเรื่องกับคนที่ไม่ควรมีเรื่อง ในโลกนี้ใครก็ล้วนมีเรื่องกันได้ แต่เมื่อพบหมอแล้วจะต้องระวังให้ดี โดยเฉพาะหมอชื่อดังไปไกลเช่นนี้ อย่างไรใครก็สามารถป่วยไข้หรือเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาได้ยาก ไม่รู้ว่าวันไหนจะต้องไปขอให้เขาช่วย
อวี้ชิงลั่วละสายตาจากสีหน้าของท่านอูเอ้อร์ ลดสายตาลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ผ่านไปสักพักนางก็กล่าวกับเด็กทั้งสองคน “พวกเจ้าอยู่ในนี้อย่าออกไปไหนนะ หนานหนาน คุ้มครองน้องอวี้ของเจ้าให้ดี”
หลังจากฝากฝังเสร็จก็ลุกขึ้นเดินออกไป ค่อยๆ ก้าวลงไปชั้นล่าง
“ศิษย์ของหมอเฒ่าฉยงซาน เหตุใดจึงเป็นขยะเช่นเจ้าได้”
!!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มา เจอหมอปีศาจหน่อยเป็นไง จะได้รู้ว่าของจริงมันเป็นยังไง
ไหหม่า(海馬)