อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 622 นางเป็นคนเย็นชานัก
ตอนที่ 622 นางเป็นคนเย็นชานัก
ตอนที่ 622 นางเป็นคนเย็นชานัก
เหมิงหลัวอวี้ที่ชั้นบนกะพริบตา แล้วมองหนานหนานด้วยความประหลาดใจ “น้าชิงรู้จักกับหมอเฒ่าฉยงซานด้วยหรือ?”
แม้ว่านางจะรู้จักชื่อของหมอเฒ่าฉยงซาน เพราะบางครั้งอาหยางก็เล่าเรื่องโลกภายนอกให้นางฟัง เขาบอกว่าหมอเฒ่าฉยงซานมีชื่อเสียงไปทั่วหล้า เขาเป็นหมอที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ดีมาก นอกจากนี้ยังมีหมอปีศาจที่มีชื่อเสียงพอ ๆ กับเขา แต่หมอปีศาจนั่นลึกลับยิ่งกว่า เพราะไม่มีใครเคยเห็นว่าหน้าตาเป็นอย่างไร และไม่รู้ว่าอายุเท่าไหร่
หนานหนานชำเลืองมองนาง แล้วพูดอย่างเย็นชา “อย่าไปฟังเรื่องเหลวไหลของแม่ข้า ท่านแม่ไม่เคยเจอหมอเฒ่าฉยงซานคนนั้นมาก่อนด้วยซ้ำ”
เหมิงหลัวอวี้ตกตะลึง “แต่นางบอกว่า…”
“เจ้าแค่ฟังเฉย ๆ พอแล้ว อย่าไปคิดจริงจัง”
เหมิงหลัวอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นึกขึ้นได้ ใช่แล้ว หากน้าชิงไม่พูดเช่นนั้น คนเหล่านั้นก็คงไม่มีวันจบสิ้นแน่นอน และพวกเขาจะไม่เกรงกลัวน้าชิง
แต่หลังจากที่น้าชิงพูดเช่นนั้น ชายชุดขาวก็มีท่าทีวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด และมีแววว่าจะถอยในสายตาของเขา
สถานการณ์ชั้นล่างเปลี่ยนไป สีหน้าของชายชุดขาวกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่เกรงกลัวสิ่งใด แต่เห็นได้ชัดว่าเขายังคงกลัวหมอเฒ่าฉยงซานอยู่บ้าง และเมื่อสักครู่นี้เขาก็เห็นว่าอวี้ชิงลั่ววางยาพิษเขาได้อย่างรวดเร็ว และทำยังดูคุ้นเคยกับอาจารย์ของเขาด้วย เขาก็เริ่มคาดเดาตัวตนของนาง
นางยังเด็กมาก หรือว่านางอาจจะเป็นลูกศิษย์ฝึกหัดที่อาจารย์เพิ่งยอมรับ? ไม่สิ หากเป็นลูกศิษย์ฝึกหัด นางจะไม่พูดจาด้วยท่าทางดูหมิ่นเหยียดหยาม ดูเหมือนว่านางจะเป็นสหายของอาจารย์
แต่ไม่ว่าจะเป็นการคาดเดาเช่นไร ชายชุดขาวก็รู้สึกว่าเขาไม่ควรพัวพันกับนางอีกต่อไป และไม่ควรมีเรื่องขัดแย้งกับนางอีก ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาจะอยู่เหนือการควบคุม
นอกจากเขาจะถูกวางยาพิษแล้ว… ยังต้องทนทุกข์ทรมานอีกแน่
ชายชุดขาวหรี่ตามองอวี้ชิงลั่วอีกครั้ง แล้วพูดอย่างเย็นชา “ไปกันเถิด”
อันธพาลทุกคนที่อยู่ข้างหลังเขายังคงเฝ้าระวังอยู่ พวกเขามองอวี้ชิงลั่วด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากร้านอาหาร
จนกระทั่งเสียงที่แผ่วเบาค่อย ๆ จางหายไป ท่านอูเอ้อร์ประสานมือต่อหน้าอวี้ชิงลั่ว แล้วพูดว่า “เมื่อสักครู่นี้ต้องขอบคุณแม่นางยิ่งนัก พระคุณของการช่วยชีวิตนั้นยากจะลืมเลือน”
“กล่าวเกินจริงไปแล้ว” อวี้ชิงลั่วพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย จากนั้นเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง
ท่านอูเอ้อร์ผงะ ก่อนก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว “แม่นาง”
“มีอะไรอีก?” อวี้ชิงลั่วหันกลับมา นางยืนอยู่บนบันไดและมองลงมาที่เขาอย่างสุภาพ
ท่านอูเอ้อร์รู้สึกหายใจไม่ออกอย่างอธิบายไม่ได้ สตรีผู้นี้มีท่าทางเย็นชานัก
เขาส่ายหน้าแล้วรีบพูดว่า “ข้าไม่ทราบแซ่ของแม่นาง หากมีโอกาสในอนาคต ข้าจะตอบแทนน้ำใจของแม่นางแน่นอน”
โอ้ นี่ไม่ใช่ประโยคที่กำลังรอคอยอยู่หรือ?
อวี้ชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจมากในใจ แต่สีหน้าของนางยังคงดูห่างเหินอย่างไม่มีเหตุผล หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางก็หลุบตาลงแล้วพูดว่า “แซ่ถัง”
“แม่นางถัง ข้านามว่าอูเหมี่ยนเซิง… ไม่ทราบว่าเหตุใดแม่นางถังจึงช่วยข้าไว้เมื่อสักครู่นี้”
“ก็เหมือนกับเจ้า ข้าดูคนอื่นถูกรังแกไม่ได้” อวี้ชิงลั่วเม้มปาก ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ ๆ ภาพลักษณ์ของนางก็ดูสูงขึ้นมาทันที? “เริ่มจะสายแล้ว ลาก่อน”
อูเหมี่ยนเซิงตกใจ เขาพยักหน้า แล้วเฝ้ามองนางเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองทีละขั้น ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็หันไปหาเถ้าแก่ที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องร้านอาหาร
หนานหนานบนชั้นสองดึงเหมิงหลัวอวี้เข้ามาในห้องแล้ว และเมื่อเขาเห็นนางกลับมาก็ยิ้มทันที “ท่านแม่ ดูเหมือนว่าตอนนี้ท่านจะกลายเป็นคนละคนไปแล้วนะขอรับ”
“ฮึ่ม แม่ทำได้มากกว่านี้อีก” นางปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า แล้วแบมือตรงหน้าเขาขณะพูดว่า “เอาเงินมาให้แม่ แม่จะออกไปจ้างรถม้า”
“…” ท่านแม่ ท่านช่างไร้ยางอาย เป็นแม่จะมาขอเงินลูกชายได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้นคือแบมือขอโดยปราศจากความละอายใด ๆ เลย
สีหน้าหนานหนานมืดมนทันที หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หยิบตั๋วเงินออกมายื่นให้อวี้ชิงลั่วอย่างไม่เต็มใจ “ท่านแม่ ใช้เงินอย่างประหยัด แล้วนำเงินทอนที่ได้มาคืนให้ข้าด้วย หรือไม่ท่านก็ซื้อของอร่อย ๆ ให้ข้าหน่อยสิ”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก ก่อนหันกลับเดินจากไป
พวกเขาเปลี่ยนไปใช้รถม้าขนาดใหญ่จริง ๆ ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หนานหนานจูงมือเหมิงหลัวอวี้เข้าไปในนั้นอย่างตื่นเต้น แล้วนอนกลิ้งไปมาบนรถม้าที่กว้างขวาง
เหมิงหลัวอวี้ไม่เคยเห็นรถม้าที่สวยงามและสะดวกสบายเช่นนี้มาก่อน ดวงตาของนางเป็นประกาย แต่นางยังคงรักษากิริยาอย่างเข้มงวด นางนั่งลงด้านข้างด้วยท่าทางเรียบร้อย แล้วมองหนานหนานด้วยรอยยิ้ม
อวี้ชิงลั่วพูดสองสามคำกับคนขับรถม้าข้างนอก และเมื่อนางขึ้นไปบนรถม้าอีกครั้ง นางก็เห็นว่ารถม้าที่เรียบร้อยและสะอาดสะอ้านถูกหนานหนานทำเลอะเทอะหมดแล้ว
นางมองเขาด้วยสายตาดุร้าย หัวใจของหนานหนานเต้นไม่เป็นจังหวะ เขารีบนั่งลง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ ว่า “ท่านแม่ รีบออกเดินทางกันเร็ว เวลามีค่านะขอรับ”
อวี้ชิงลั่วไม่สนใจเขาแล้ว นางวางของในมือไว้ข้าง ๆ แล้วรถม้าก็สั่นสะเทือนขณะวิ่งไปบนถนน
ทว่าหลังจากแล่นไปได้เพียงหนึ่งลี้ จู่ ๆ ก็มีเสียงกีบม้าดังขึ้นข้างรถม้า หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เสียงของอูเหมี่ยนเซิงก็ดังมาจากข้างนอก “แม่นางถัง”
อวี้ชิงลั่วตกใจ แล้วโบกมือให้หนานหนานและเหมิงหลัวอวี้นั่งอยู่ข้างใน เหมิงหลัวอวี้รีบเอาผ้าคลุมหน้ามาปิดหน้าเล็ก ๆ ของตนไว้
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็เปิดม่านรถม้าถามเขาว่า “มีอะไรหรือ?”
“ข้าคิดว่าแม่นางกำลังไปทางเดียวกันกับข้า ข้าจะตามเจ้าไปสักพัก” อูเหมี่ยนเซิงที่กำลังขี่ม้าชะลอความเร็วลง
“……”
“ข้าได้ยินเถ้าแก่บอกว่าแม่นางพาลูกสองคนออกไปแล้ว ข้ากังวลว่าชายชุดขาวที่โกรธเคืองเมื่อวานนี้จะแก้แค้น ซึ่งจะเป็นผลร้ายต่อแม่นาง” แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าแม่นางถังคงจะไม่ตกที่นั่งลำบาก ทว่าทวนเปิดเผย หลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับ ยากระวัง ชายชุดขาวดูไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยตั้งแต่แรกเห็น
เมื่อวานนี้แม่นางถังคนนี้ช่วยเขาไว้ เขาจึงไม่อาจปล่อยให้นางพาลูกทั้งสองไปเสี่ยงชีวิตได้จริง ๆ
อวี้ชิงลั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า “เช่นนั้นก็รบกวนด้วย”
หลังจากนั้นนางก็ปิดม่านลง
อูเหมี่ยนเซิงอึ้งไป ก่อนจะหัวเราะออกมา สตรีผู้นี้นิสัยแปลกยิ่งนัก ดูเหมือนนางจะเย็นชาเกินไปหน่อย
แต่หากอวี้ชิงลั่วไม่พูด อูเหมี่ยนเซิงก็ย่อมไม่พูดเช่นกัน เมื่อหนานหนานอ้าปากจะพูด เขาก็กลัวว่าคนข้างนอกจะได้ยิน เขาจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย หลังจากนอนกลิ้งไปมาในรถม้าสักพัก เขาก็ผล็อยหลับไป
อวี้ชิงลั่วพิงหมอนนุ่ม แล้วยกยิ้มเงียบ ๆ หายากจริง ๆ ที่จะมีวันที่เงียบสงบเช่นนี้
ความเงียบสงบดังกล่าวทำให้นางรู้สึกง่วงนอน แล้วนางก็หลับตาลงช้า ๆ
แต่ในขณะนี้ ข้างนอกค่อนข้างมีชีวิตชีวา บนถนนทางซ้ายราวห้าหรือหกเมตร มีเสียงผู้ชายและผู้หญิงคุยกันแผ่วเบา
“อย่าพักเลย ไม่งั้นเราจะตามหลังมากเกินไป หากเราหาคุณหนูไม่เจอเล่า? ข้าดีขึ้นแล้ว ไม่อาเจียนอีกแล้ว”
“ถ้าไม่ยอมพักผ่อน แม่นมเซียวอายุมากแล้ว จะให้เร่งรีบตลอดเวลาก็มากเกินไป” เห็นได้ชัดว่าขณะนี้เสียงพูดเบาลงเล็กน้อย เพราะเห็นรถม้าแล่นผ่านมา ดังนั้นจึงจงใจลดเสียงลง
!!
………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คลาดกันนิดเดียวเอง แต่อีกไม่นานก็ได้เจอท่านอ๋องซิวแล้วสินะ
ไหหม่า(海馬)