อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 631 พรุ่งนี้พาข้าไปชิมสุรา
ตอนที่ 631 พรุ่งนี้พาข้าไปชิมสุรา
ตอนที่ 631 พรุ่งนี้พาข้าไปชิมสุรา
มันคือกระดาษข้อความ เป็นกระดาษข้อความแบบพิเศษของผู้อาวุโสชาวเหมิง
“นายท่านขอรับ ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงต้องการพบท่านขอรับ” เผิงอิงมองสีหน้าเขาอย่างระมัดระวังแล้วกล่าวเบาๆ
และแน่นอนว่าต่อมาก็เห็นสีหน้าของเย่ซิวตู๋เคร่งเครียดขึ้นมาทันที เขาจ้องมองกระดาษข้อความอย่างเฉยชา กล่าวเสียงเย็น “เขารู้ได้อย่างไรว่าข้ามาที่ดินแดนเหมิง”
เสิ่นอิงและเผิงอิงสบตากัน ไม่ได้กล่าวอันใด
จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็อดไม่ได้ที่จะถูหว่างคิ้ว สีหน้าย่ำแย่กว่าเดิม ใช่แล้ว เขาสองคนสั่งคนให้ไปตามหาผู้อื่นเสียทั่ว ทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เพียงนี้ ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงจะไม่รู้ได้อย่างไร
ทั้งหมดต้องโทษหญิงผู้นั้น ความผิดในครั้งนี้ เขาจะต้องคิดบัญชีกับนางด้วย
นึกย้อนกลับไปถึงนาง เมื่อลองคิดคำนวณโทษใหม่และโทษเดิมแล้ว ก็สรุปได้ว่าจะต้องจัดการนางอย่างสาสม
“นายท่าน ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงนั้น…” เผิงอิงลดเสียงเบาลง เมื่อเห็นสีหน้าของนายท่านไม่สู้ดีนักก็ชะงัก และไม่ได้ถามอะไรออกไป
เย่ซิวตู๋หายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นก็หยิบกระดาษข้อความบนโต๊ะขึ้นมา สะบัดแขนเสื้อเดินออกจากห้อง กล่าวเสียงดังอย่างเย็นชา “ไปเตรียมรถม้า”
“ขอรับ” เผิงอิงถอนหายใจโล่งอก เขาหวาดกลัวจริงๆ ว่านายท่านจะไม่สนใจข้อความจากผู้อาวุโสเผ่าเหมิง ถึงตอนนั้น… จะต้องมีปัญหาไม่จบสิ้นอย่างแน่นอน
ท้องฟ้ายังสว่างอยู่ เมื่อครู่เพิ่งผ่านเวลากินอาหารกลางวัน ตอนที่เย่ซิวตู๋และพวกอีกสองสามคนไปถึงจวนของผู้อาวุโสเผ่าเหมิง ห้องรับรองเพิ่งจะเก็บอาหารกลางวันออกไป
มองไปยังชายชราแก่หง่อมที่นั่งทำหน้าจริงจังอยู่ตรงที่นั่งนั้น เย่ซิวตู๋ค่อยๆ หลับตา กล่าวเสียงนุ่มนวล “ท่านอาจารย์”
“ท่านอาจารย์หรือ ข้าจะกล้าเป็นเช่นนั้นได้หรือ” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงถอนหายใจอย่างเย็นชา ยื่นมือออกมา จากนั้นก็กวาดถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะลงกับพื้น
พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้างตกใจ แต่ก็ไม่กล้าก้าวเท้าออกไป ทำได้เพียงให้สาวใช้นำชาอีกถ้วยไปวางให้ใหม่
เสิ่นอิงและเผิงอิงเงียบกริบ ก้มหน้ายืนอยู่ด้านหลังของเย่ซิวตู๋
“ตอนนี้เจ้าปีกกล้าขาแข็งแล้ว กลายเป็นท่านอ๋องซิวผู้ยิ่งใหญ่ เป็นบุตรชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด จึงไม่เห็นข้าในสายตาแล้วใช่หรือไม่” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงใช้ฝ่ามือตบโต๊ะอย่างแรง มองเย่ซิวตู๋อย่างเย้ยหยันแล้วกล่าว “ก็จริง ข้านั้นเพียงแค่สอนการต่อสู้ให้เจ้าเพียงครึ่งปี ในใจของเจ้าคงจะไม่ได้สำคัญอันใดอยู่แล้ว”
“ท่านอาจารย์จริงจังเกินไปแล้ว” เย่ซิวตู๋ให้พ่อบ้านเปลี่ยนน้ำดื่มให้เขาถ้วยหนึ่ง กล่าวกับผู้อาวุโสตระกูลหมิงอย่างสบายๆ “ต่อให้ท่านสอนข้าเพียงวันเดียว ท่านก็ยังเป็นอาจารย์ของข้าขอรับ”
“งั้นหรือ” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงยืนขึ้น เห็นว่าสาวใช้ที่ด้านข้างกำลังยกถ้วยน้ำมาจริงๆ ก็ไม่กล่าวอันใดแล้วคว้าถ้วยในถาดปาลงพื้นอย่างแรง กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “ตั้งแต่เจ้าจากดินแดนเหมิงไปก็ไม่ก้าวเข้ามาในดินแดนนี้อีกเลยแม้แต่ก้าวเดียว ไม่แม้แต่จะมาหาข้าที่เป็นอาจารย์เลยสักครั้ง อาจารย์ที่เคารพของเจ้าไปไหนเสียแล้วล่ะ เฮอะ สองปีก่อนข้าฝากจดหมายไปให้เจ้าในฐานะอาจารย์ ให้เจ้ามาที่ดินแดนเหมิงสักครั้ง มีเรื่องสำคัญจะต้องคุยด้วย เจ้าไม่ตอบจดหมายข้าแม้แต่นิด ในสายตาเจ้ายังนับถือข้าเป็นอาจารย์อยู่อีกหรือ?”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว ตอนนี้เปลี่ยนนิสัยเป็นนิสัยเสียแล้วหรือ? ชอบปาถ้วยอย่างนั้นหรือ? ตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้ามาก็ยังไม่ได้ดื่มน้ำแม้สักอึก นี่กลับทำถ้วยแตกไปสองถ้วยเสียแล้ว
เย่ซิวตู๋โบกมือให้สาวใช้นำน้ำมาอีกถ้วย จากนั้นก็อธิบายให้กับผู้อาวุโสสกุลหมิงฟัง “ท่านอาจารย์ สี่ปีก่อนข้าจากเมืองหลวงไป จดหมายของท่านถูกส่งไปยังจวนอ๋องซิว แต่ที่จวนอ๋องซิวมีแต่คนรับใช้ พวกเขาไม่รู้ว่าข้าอยู่ที่ใด จึงไม่ได้นำจดหมายมาส่งให้ข้าขอรับ”
เย่ซิวตู๋เมินประโยคสุดท้ายของอีกฝ่ายที่ว่า ‘มีเรื่องสำคัญต้องคุย’ ปล่อยผ่านไปไม่กล่าวถึง
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงขมวดคิ้ว เรื่องนี้เขาเข้าใจ และไม่แปลกใจเลย เขาเองก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่าที่อยู่ของอีกฝ่ายเป็นปริศนา แม้แต่ฮ่องเต้ของอาณาจักรเฟิงชางและเหมิงกุ้ยเฟยก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด
เพียงแต่ว่าหายไปทั้งอย่างนั้นตั้งสี่ปี อย่างน้อยก็ไม่ควรมารายงานอาจารย์ผู้นี้สักหน่อยหรือ
สุดท้ายแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าอันใดคือการเคารพอาจารย์ ทำชาวเหมิงเสียหน้า ทั้งยังทำเขาเสียหน้าอีกด้วย
“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตอนนี้เจ้าก็มาถึงดินแดนเหมิงแล้ว ทั้งยังพักผ่อนอยู่ที่จวน ข้ายังมีเรื่องต้องคุยกับเจ้า อีกอย่าง หลานสาวของข้าก็ยังรอเจ้ามาหลายปีแล้ว เจ้าก็น่าจะรู้…”
“ท่านอาจารย์ขอรับ เสด็จพ่อให้ข้าแต่งงานแล้ว”
เสียง ‘เคร้ง’ ดังขึ้น ถ้วยอีกใบหนึ่งแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
พ่อบ้านมองพื้นที่เต็มไปด้วยเศษเล็กเศษน้อยและพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง เวลาผ่านไปยังไม่ทันจะหนึ่งก้านธูป ถ้วยก็แตกไปแล้วสามใบ ทั้งยังแตกไปอย่างเปล่าประโยชน์
“แต่งงานแล้ว แล้วอย่างไร เสด็จพ่อเจ้ากล่าวอันใดก็ต้องทำตาม ส่วนสิ่งที่ข้ากล่าวนั้นสามารถเมินเฉยได้อย่างนั้นหรือ? หลานสาวคนดีของข้าถูกหมั้นหมายกับเจ้ามาตั้งแต่ยังเด็ก ตามจริงแล้วมาก่อนก็ต้องได้ก่อน ข้าไม่สนว่าเสด็จพ่อของเจ้าจะให้เจ้าตบแต่งกับหญิงสาวที่ไหน พวกนางล้วนไม่สำคัญเท่าหลานสาวของข้าทั้งนั้น ข้าจะบอกให้นะ ถ้าหากเจ้ายังกล้าขัดคำสั่งข้าอีก ข้าจะหักขาเจ้าเสีย”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว ยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู
ใบหน้าของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้าง ชี้นิ้วไปที่ด้านหลังของเขาแล้วกล่าวอย่างโมโห “เย่ซิวตู๋ หากเจ้ายังจะก้าวออกไปอีกล่ะก็”
เย่ซิวตู๋ไพล่มือสองข้างไว้ข้างหลัง ฝีเท้าก้าวเร็วขึ้นเล็กน้อย
เสิ่นอิงและเผิงอิงสบตากันอย่างเงียบๆ พยายามจะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสเผ่าเหมิง เดินตามหลังเย่ซิวตู๋ไปอย่างเงียบเชียบ ตามกันออกไปด้านนอก
แววตาของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเย็นชา ทันใดนั้นก็ยืนขึ้น แล้วตบไปที่ด้านหลังของเย่ซิวตู๋ทันที
ฝ่ามือวายุปะทะเข้าที่ด้านหลัง ใบหูของเย่ซิวตู๋ขยับเล็กน้อย ตัวคนโน้มไปข้างหน้าพร้อมกับบิดเอว ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหมุนตัวตาม จากนั้นก็มาหยุดตรงหน้า
เมื่อเย่ซิวตู๋เงยหน้า ฝ่ามือวายุก็ตามมาอีกครั้ง ฟาดเข้าไปที่ประตูตรงหน้าเขา
เย่ซิวตู๋แค่นหัวเราะ ยกมือต้อนรับ
ในสวนขนาดใหญ่ สภาพอากาศเปลี่ยนไปในทันใด ลมกระโชกแรง ฝ่ามือวายุฟาดไปที่ใดก็จะมีลมหนาวเย็นตามมาด้วย ถึงแม้ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงจะอายุมากแล้ว แต่ฝ่ามือวายุก็ยังคงเฉียบขาดและคมคาย ทุกครั้งที่โจมตีล้วนไร้ปรานี
เย่ซิวตู๋เองก็ไม่ได้ยอมแพ้ มุมปากที่ยิ้มเยาะยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ เล็งโจมตีไปยังจุดชีพจรของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงสองสามครั้ง
ทั้งคู่ดูราวกับว่าต้องการจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย ทำให้เสิ่นอิงและเผิงอิงที่มองอยู่ด้านข้างนั้นรู้สึกหวาดกลัว
ถึงแม้ต้องการเรียนวรยุทธ์ แต่ก็ต้องมีขีดจำกัด ถึงจุดหนึ่งก็ต้องพอ แต่ทั้งสองคนต่อสู้กันเช่นนี้ กลับดูเหมือนต้องการจะฆ่าอีกฝ่ายอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีความเมตตาต่อกันเลยแม้แต่น้อย
เสิ่นอิงเป็นกังวล กำลังคิดว่าควรจะมุ่งหน้าไปแยกทั้งสองคนดีไหม จู่ๆ ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงก็ถอยหลังไปสามก้าวใหญ่แล้วหยุดฝีเท้าทันที หยุดยืนอยู่ตรงหน้าก้อนหินที่สูงเท่าคนสองคน
มือของเขาที่อยู่ข้างตัวกำแน่นขึ้น เมื่อมองเย่ซิวตู๋ สีหน้าก็เคร่งเครียดอย่างมาก “เจ้าไม่พึงใจกับหลานสาวข้าถึงเพียงนั้น ท่าทางของเจ้าเช่นนี้ ต้องการให้ข้าตายอย่างนั้นหรือ”
“ท่านเองก็เช่นกัน เมื่อครู่ท่านอาจารย์เองก็ลงมืออย่างสุดแรงนะขอรับ” เย่ซิวตู๋ตอบกลับอย่างเย็นชา
“เฮอะ” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแค่นหัวเราะ ทันใดนั้นก็ปัดแขนเสื้อ หันหลังเดินกลับไป
ทันใดนั้นเมื่อเดินไปถึงหน้าประตู ก็เหมือนกับว่าจะนึกบางอย่างออก เขาหยุดนิ่งในทันที กล่าวโดยไม่หันหน้ากลับมา “พรุ่งนี้พาข้าไปเซียงเว่ยซื่ออี้ด้วย ไปชิมสุรา”
ชิมสุราหรือ?
เย่ซิวตู๋รู้สึกหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิมในใจ ไม่ได้ตอบตกลงอันใด เดินออกจากจวนผู้อาวุโสเผ่าเหมิงก้าวใหญ่
!!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องวางแผนคิดบัญชีแค้นกับชิงลั่วตั้งมากมาย ถึงเวลาจริงจะทำลงเหรอ
ไหหม่า(海馬)