อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 632 ข้ายินดีจะอยู่ข้างเจ้า
ตอนที่ 632 ข้ายินดีจะอยู่ข้างเจ้า
ตอนที่ 632 ข้ายินดีจะอยู่ข้างเจ้า
ชิมสุรา ก็เป็นเพียงการโฆษณาสุราดีๆ ของตระกูลตนเท่านั้น
อีกทั้งยังสามารถให้ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงไปสนับสนุนด้วยตัวเอง ดูท่าทางคนผู้นี้จะไม่ใช่สถานะต่ำต้อย
เย่ซิวตู๋หรี่ตา ก้าวเท้าจากจวนของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงไปอย่างรวดเร็ว
เสิ่นอิงและเผิงอิงถอนหายใจโล่งอกออกมาพร้อมกัน เมื่อเดินออกจากประตูใหญ่แล้วก็รู้สึกหายใจได้คล่องขึ้น ฝีเท้าก็เร่งเร็วขึ้นไม่น้อย
“พวกโม่เสียนจะมาถึงเมื่อไหร่หรือ”
เสิ่นอิงผงะ รีบตอบเสียงต่ำ “โม่เสียนส่งข่าวมา แจ้งว่าแม่นมเซียวป่วยระหว่างทาง อาจจะถึงล่าช้าไประยะหนึ่ง คำนวณดูแล้ว น่าจะถึงประมาณมะรืนนี้ขอรับ”
“อืม” เย่ซิวตู๋พยักหน้า มุมปากขึงตึง
เสิ่นอิงรู้ว่านายท่านพบกับผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแล้วจะต้องอารมณ์เสียเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงก็กล่าวถึงเรื่องของหลานสาวตนหลายครั้งหลายคราว เกรงว่าจะยิ่งทำให้นายท่านฉุนเฉียวหนัก
เรื่องนี้ก็ไม่แปลก นายท่านมีแม่นางอวี้และหนานหนานแล้ว จะไปชอบพอหญิงอื่นอีกได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ตามภาพจำในตอนเด็กแล้ว สตรีผู้นี้ทั้งหยิ่งยโสและเอาแต่ใจ โอหังยิ่งนัก แม้แต่เขาเมื่อได้พบก็ยังรู้สึกว่าสุดจะทน ไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่มีความอดทนอย่างนายท่านเลย
เผิงอิงเดินไปด้านข้างเย่ซิวตู๋ ถามเขาเสียงเบา “นายท่าน พรุ่งนี้ท่านต้องพาผู้อาวุโสเผ่าเหมิงไปยัง ‘เซียงเว่ยซื่ออี้’ เช่นนั้นการตามหาแม่นางอวี้ก็…”
เย่ซิวตู๋หยุดฝีเท้า หลังจากครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่ง ก็กล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ตามหาต่อไป แต่พรุ่งนี้เจ้ากับเสิ่นอิงจะต้องไปที่โรงเตี๊ยมกับข้า ให้ผู้พิทักษ์ทมิฬไปตามหา”
“ข้าน้อยรับทราบขอรับ” ด้วยนิสัยของผู้อาวุโสเผ่าเหมิง ถ้าหากพรุ่งนี้ไม่เห็นเขาและเสิ่นอิงทั้งสองคน จะต้องเอ่ยปากถามเป็นแน่
กลับมายังที่พัก เย่ซิวตู๋ให้คนไปสืบมาว่าในวันพรุ่งนี้จะมีใครบ้างที่ไปชิมสุราที่โรงเตี๊ยมเซียงเว่ยซื่ออี้
ตกดึก เสิ่นอิงก็กลับมารายงาน “การชิมสุราในวันพรุ่งนี้มีตระกูลจ้าวจากอู่หยาง อาณาจักรเฟิงชางขอรับ ร้านสุราของตระกูลจ้าวนั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงสองปีมานี้ ดังนั้นสองปีก่อนจึงไม่ได้เข้าร่วมการประชุมสุรา ครั้งนี้กลับดุดันขึ้นมา ดูเหมือนว่าต้องการจะเป็นที่หนึ่งในการประชุมใหญ่ขอรับ”
เผิงอิงที่อยู่ด้านข้างฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว “ร้านสุราที่เพิ่งจะเปิดตัวได้สองปี ไม่มีพื้นฐานแม้แต่น้อย กลับต้องการจะเป็นที่หนึ่งหรือ”
“ก็ไม่ถือว่าไม่มีพื้นฐานแม้แต่น้อยหรอก แต่ทว่า… เหตุใดพรุ่งนี้ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงจึงต้องไปดูด้วยล่ะ” เสิ่นอิงมองเย่ซิวตู๋ที่นิ่งเงียบอยู่ ตอบด้วยเสียงต่ำ เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลดเสียงต่ำลงมาอีก “นายท่าน ข้าน้อยยังสืบมาได้อีกว่า สองปีมานี้ตระกูลจ้าวมีการติดต่อกับองค์ชายเจ็ดอยู่สองสามครั้งขอรับ”
เย่ซิวตู๋ได้ยินดังนั้นก็กระตุกมุมปาก “เช่นนี้นี่เอง ไม่แปลกเลยที่ท่านอาจารย์จะคิดได้ว่าต้องไปเซียงเว่ยซื่ออี้”
เย่ซิวตู๋ใช้นิ้วเคาะโต๊ะอยู่สองครั้ง จากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วกล่าว “เอาเถอะ พวกเจ้าไปได้”
เสิ่นอิงและเผิงอิงตอบรับแล้วออกจากห้องไป
เย่ซิวตู๋ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ดวงตาจ้องเขม็งออกไป นึกถึงองค์ชายเจ็ด นึกถึงเหมิงกุ้ยเฟย จากนั้นก็นึกถึงผู้อาวุโสเผ่าเหมิง สีหน้าเปลี่ยนเป็นลุ่มลึกขึ้นมา
เขาไม่ต้องการให้ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของราชวงศ์อาณาจักรเฟิงชาง เขาน่าจะรู้ มองโกเลียไม่ได้รับอนุญาตให้ยุ่งเกี่ยวกับสี่อาณาจักร ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นผู้อาวุโสของมองโกลเลย ต่อให้เป็นประมุขก็ไม่ได้…
เย่ซิวตู๋ถอนหายใจอยู่ในใจ หันหลังกลับเข้าไปด้านในห้อง
วันต่อมา
ตอนเช้าตรู่ อากาศดูอึมครึม ตอนที่พวกเย่ซิวตู๋ทั้งสามคนออกจากที่พัก ฝนก็ตกปรอยๆ ลงมา ตกเปาะแปะๆ อยู่บนหลังคารถม้า
เย่ซิวตู๋หลับตา บีบนิ้วมือแน่น ถ้าหากวันนี้ยังหาตัวชิงเอ๋อร์และหนานหนานไม่พบ เขาคงทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแล้ว
ตอนนี้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด คนที่ผ่านไปมานั้นมีทุกรูปแบบ ทั้งจริงใจและจอมปลอม เขาไม่วางใจให้ทั้งสองคนเดินทางในเมืองตามลำพัง
โดยเฉพาะกับหนานหนาน เจ้าตัวเล็กนั้นไม่เกรงกลัวสิ่งใด และไม่มีทางตัวติดกับชิงเอ๋อร์อย่างเชื่อฟังเป็นแน่ อาจจะไปทำให้คนเขาขุ่นเคืองได้ทุกเมื่อ
ถึงแม้เขาจะไม่กลัวว่าหนานหนานจะเสียเปรียบ แต่ความสัมพันธ์ในหมู่ชาวมองโกลนั้นซับซ้อน อีกทั้งบนตัวเขายังมีปานรูปดอกไม้ เผลอไปครู่เดียวก็จะมีปัญหาตามมานับไม่ถ้วน
“นายท่าน ถึงแล้วขอรับ” เสียงทุ้มต่ำของเผิงอิงดังขึ้นในทันใด ขัดจังหวะความคิดที่ยุ่งเหยิงในหัวของเขา
ฝนด้านนอกหยุดแล้ว อากาศสดชื่นขึ้นมากในทันที แต่ก็เพราะเหตุนั้นเอง จึงทำให้กลิ่นสุราจากด้านนอกโชยเข้ามาที่ปลายจมูกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เสิ่นอิงหายใจเข้าลึกๆ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “กลิ่นหอมนี้ช่างบริสุทธิ์นัก ถ้าหากโม่เสียนอยู่ด้วย ดูท่าคงจะอยู่ไม่สุขแล้ว เขา…” เสียงของเขาหยุดไปในทันที มองไปเห็นเย่ซิวตู๋ที่เดินเข้าไปดูไปเรียบร้อยแล้ว เม้มปาก
ทันใดนั้นก็นึกถึงครั้งแรกที่ได้พบหนานหนาน เด็กนั่นเมาสุราของโม่เสียน ดื่มสุราดีของโม่เสียนลงท้องไปเสียหมด ตอนนี้… เซียงเว่ยซื่ออี้มีการชิมสุรา จมูกของหนานหนานไวขนาดนั้น มีความเป็นไปได้มากที่จะปรากฏตัวที่นี่
เสิ่นอิงคิดถึงความน่าจะเป็นนี้ ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา เขาคิดจะเดินหน้าไปเตือนเย่ซิวตู๋
แต่พอคิดดูอีกทีก็ยอมแพ้ อย่างไรเสียก็ล้วนเป็นการคาดเดา เดี๋ยวกลับไปก็ให้คนมาเฝ้าที่นี่ไว้ รอให้หาตัวหนานหนานพบแล้วค่อยรายงานนายท่านก็ยังไม่สาย
เสิ่นอิงถอนหายใจออกมาเบาๆ ก้าวเท้าใหญ่เดินตามเข้าไป
พนักงานที่อยู่อีกด้านเห็นท่าทางสองสามคนนี้ไม่ธรรมดา ดวงตาก็ดูมีความสุข รีบมาต้อนรับในทันที “พวกท่านจองห้องไว้แล้วหรือยังขอรับ”
เผิงอิงก้าวไปข้างหน้า ยืนขวางอยู่หน้าเย่ซิวตู๋อย่างชาญฉลาด ตอบเสียงต่ำ “ห้องตู้คังถิง ชั้นสอง”
เสี่ยวเอ้อผู้นั้นอึ้งงัน มองเย่ซิวตู๋ด้วยความสงสัย คนที่อยู่ในห้องตู้คังถิงนั้นคือผู้อาวุโสเผ่าเหมิง คนผู้นี้… เป็นแขกของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงอย่างนั้นหรือ
เขาไม่กล้าให้เสียเวลาอีก รีบยิ้มแล้วหลีกทางให้ “พวกท่านเชิญทางนี้ขอรับ”
ทั้งสามคนตามเสี่ยวเอ้อขึ้นไป จนกระทั่งมาถึงห้องที่มีป้ายเขียนว่า ‘ตู้คังถิง’ ก็หยุดฝีเท้า
เสี่ยวเอ้อยกมือขึ้นจะเคาะประตู เย่ซิวตู๋กลับโบกมือให้เขาออกไป จากนั้นก็เปิดประตูด้วยตนเอง เดินเข้าไปอย่างองอาจ
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมองเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เอ่ยออกมาอย่างเย้ยหยัน “จะเข้าห้องยังเคาะประตูไม่เป็น เจ้าไปหัดเอานิสัยเช่นนี้มาจากที่ใดกัน”
“ถ้าหากท่านอาจารย์ไม่พอใจ ข้ากลับไปเสียก็สิ้นเรื่อง”
“กลับหรือ” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงยิ้มเย็นชา “หลังจากรู้แล้วว่าตระกูลเจ้ามีความเกี่ยวข้องกับน้องเจ็ดของเจ้า เจ้าก็ไม่อยากไปเสียแล้วหรือ”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วหรี่ตาลง “ดูท่าทางอาจารย์ตั้งใจจะให้ข้าสืบรู้สินะขอรับ”
“เฮอะ” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแค่นเสียง ให้เสิ่นอิงปิดประตู รอจนเย่ซิวตู๋เดินมานั่งลงตรงที่นั่งข้างเขา จึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้ม “สถานการณ์ของอาณาจักรเฟิงชางในตอนนี้ข้าเองก็คาดการณ์เอาไว้ประมาณหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าในใจของอาจารย์ เจ้านั้นแข็งแกร่งกว่าน้องเจ็ดของเจ้ามาก ขอเพียงเจ้ายินดีจะแต่งงานกับหลานสาวของข้า ข้าก็ยินดีจะอยู่ข้างเจ้า”
เย่ซิวตู๋เปิดหน้าต่างที่อยู่ตรงหน้าของตน แววตามองลงไปยังห้องโถงใหญ่ด้านล่าง หัวเราะพลางกล่าว “เช่นนั้นอาจารย์เชิญไปอยู่ข้างน้องเจ็ดเถิด ข้าไม่ได้สนใจในตำแหน่งนั้นสักเท่าไร แต่ในฐานะอาจารย์และศิษย์ ข้าต้องขอเตือนท่านอาจารย์เอาไว้ กฎของชาวเหมิงนั้นคือห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยว…”
กล่าวได้เพียงครึ่งเดียว เขาก็หยุดในทันที จ้องมองไปยังร่างเล็กที่อยู่ชั้นล่างด้วยแววตาที่ลุกโชน ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง
!!
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ก็คนเขาไม่อยากแต่ง อาจารย์อย่าบังคับกันสิ
ท่านพ่อเจอหนานหนานแล้วใช่หรือไม่
ไหหม่า(海馬)