อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 635 ฆ่าแกงกัน
ตอนที่ 635 ฆ่าแกงกัน
ตอนที่ 635 ฆ่าแกงกัน
เย่ซิวตู๋ชะงักมือเล็กน้อย จากนั้นก็ดื่มชาต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็กล่าวกับเผิงอิงที่อยู่ด้านหลัง “เจ้าก็ลงไปดูเสียหน่อย”
“ขอรับ” เผิงอิงกระชับมุมปาก มองผู้คุ้มกันด้านหลังผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเดินออกจากห้องไป จากนั้นก็ยกเท้าแล้วเดินตามออกไปด้วย
ความสนใจของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงยังคงอยู่ที่หนานหนานตรงชั้นล่าง มองเห็นพ่อบ้านตระกูลจ้าวที่พยายามโต้เถียงด้วยเหตุผลแต่ยังคงเสียเปรียบก็ขมวดคิ้วแน่น ดวงตาฉายแววผิดหวังอยู่เล็กน้อย
เย่ซิวตู๋มองออกชัดเจน จิบชาครั้งหนึ่งจากนั้นก็หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าว “ท่านอาจารย์คิดว่าการประชุมสุราครั้งใหญ่นี้ ตระกูลจ้าวจะได้เป็นที่หนึ่งหรือไม่ขอรับ?”
“เหอะ เจ้าจะพูดอะไรหรือ?” สุราของตระกูลจ้าวเป็นอย่างไร เขาไม่สามารถพูดออกมาได้มากนัก แต่หลังจากความวุ่นวายในวันนี้ เกรงว่าชื่อเสียงจะเสียหายเสียแล้ว
ตอนนี้เขาเพียงอยากพาเด็กคนนั้นขึ้นมาโดยเร็วที่สุด จะได้ลดความสูญเสียลงไปบ้างเล็กน้อย จะเป็นการดีที่สุดหากพ่อบ้านตระกูลจ้าวรับผิดชอบผลที่ตามมาได้ดี ไม่อย่างนั้นตระกูลจ้าวก็อย่าหวังจะมีชื่อเสียงอันใดได้อีก
เย่ซิวตู๋กลับนิ่งสงบ ไม่กังวลแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าเผิงอิงลงไปข้างล่างกับอาเจียงผู้อารักขาของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแล้ว ก็กล่าวออกมาเสียงต่ำ “ท่านอาจารย์ เหตุใดเราไม่มาเดิมพันกันล่ะขอรับ?”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงตะลึงไป หันหน้ามาอย่างประหลาดใจ “เดิมพันหรือ? เจ้ามีนิสัยสบายๆ เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
เย่ซิวตู๋ผู้นี้เป็นคนหนุ่มที่ไร้ชีวิตชีวา ตอนเด็กๆ ฉลาดสุขุม ขณะที่คนอื่นๆ นั้นเล่นซ่อนหาและเล่นการละเล่น เขาก็ส่งสายตา ‘พวกเจ้ามันโง่กันหมด’ แล้วเดินผ่านพวกเขาไปอย่างสงบแล้ว
อย่าว่าแต่การเดิมพันเลย แม้แต่การ ‘ตัดสินใจตามอารมณ์’ ก็ยังไม่เคยเกิดขึ้น
แล้วเหตุใดตอนนี้…
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหรี่ตา เป็นไปได้หรือไม่ว่าเพราะพวกเขาศิษย์อาจารย์ไม่ได้พบกันนาน นิสัยของเขาจึงเปลี่ยนไปมากแล้ว?
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงก็เหลือบตาขึ้นมองแล้วถาม “เดิมพันอย่างไร?”
“เมื่อครู่เด็กคนนั้นกล่าวไม่ใช่หรือขอรับว่าบ้านของเขาเองก็มีสุรา? รอให้ถึงตอนประชุมสุราครั้งใหญ่ เรามาดูกันว่าสุดท้ายแล้วตระกูลจ้าวจะชนะหรือเด็กคนนั้นจะชนะ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่หนึ่ง ขอเพียงเด็กคนนั้นชนะตระกูลจ้าวได้ ก็ถือว่าข้าชนะขอรับ”
“คำพูดของเด็กๆ เจ้ายังเชื่ออีกหรือ? เขาก็แค่พูดจาส่งเดชก็เท่านั้น ข้าไม่เชื่อหรอกว่าบ้านเขาจะมีเหล้าที่หมักเองที่บ้าน” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงคิดว่าวันนี้เย่ซิวตู๋ดูผิดปกติยิ่งนัก คำกล่าวมั่วๆ ของเด็กเพียงคนหนึ่งเขาก็กลับเชื่อ
เย่ซิวตู๋ส่ายหน้า “ข้ากลับเชื่อเขาเป็นอย่างมากขอรับ” คำกล่าวของบุตรชายตนเอง ในฐานะบิดาแล้ว ก็จะต้องเป็นคนแรกที่แสดงความสนับสนุนและไว้ใจ
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากพิจารณาในใจอย่างละเอียดแล้วก็หัวเราะเยาะออกมา “ได้ เช่นนั้นก็เอาตามที่เจ้าบอก หากว่าข้าชนะ เจ้าต้องยอมแต่งงานกับหลานสาวข้าแต่โดยดี แต่ถ้าเจ้าชนะ เรื่องนี้ก็แล้วกัน ข้าจะไม่กล่าวถึงอีก เป็นอย่างไร?”
เย่ซิวตู๋พยายามฝืนกระตุกมุมปาก ไม่ค่อยอยากสนใจเขาเท่าไรนัก
สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมา กล่าวอย่างเย็นชา “การเดิมพันนี้ไม่ได้มีความหมายอันใด หากข้าชนะ ท่านอาจารย์จะต้องรับปากกับข้าเรื่องหนึ่ง หากว่าข้าแพ้แล้ว เช่นนั้นก็ตามแต่ท่านอาจารย์จะจัดการขอรับ”
“เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะไม่อยากแยกจากหลานสาวข้าเพียงนี้ ถึงขนาดไม่อยากเอานางมาเดิมพัน”
เย่ซิวตู๋เริ่มหมดความอดทน “ท่านอาจารย์คิดเห็นอย่างไรขอรับ?”
“ดี เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้” อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้เสียหายอันใด ต่อให้เขาชนะ เขาเองก็คงไม่กล้าขอในเรื่องที่มากเกินไป ไม่อย่างนั้นก็จะถือว่าไม่เคารพอาจารย์ ท่านประมุขก็จะไม่รับปากเป็นแน่
“ท่านผู้อาวุโสขอรับ เด็กคนนั้น…” ทั้งสองคนต่างก็กังวลใจ ขณะที่ในใจกำลังเต้นตุบๆ จู่ๆ ผู้อารักขาอีกคนที่ด้านหลังผู้อาวุโสเผ่าเหมิงก็อ้าปากค้างและอุทานออกมา
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงขมวดคิ้ว มองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองลงไปชั้นล่างตามทิศทางที่นิ้วของเขาชี้
ต่อจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันที มองร่างที่วิ่งผ่านอาเจียงไปมาอย่างคล่องแคล่วด้วยความประหลาดใจ
“เคล็ดวิชาฝีเท้าของตระกูลลู่หรือ”
ผู้อารักขาด้านหลังคนนั้นพยักหน้า “ฝีเท้าที่รวดเร็วราวกับภาพลวงตาเช่นนี้ ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนอีกแล้วขอรับ”
คิ้วของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงผูกเป็นปม “เด็กคนนี้… ภูมิหลังไม่ใช่ต่ำต้อยเลย”
“อาเจียงจับเขาไม่ได้เลยขอรับ” ผู้อารักขากล่าวเบาๆ “ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะพอมีวรยุทธ์ด้วยขอรับ”
ไม่เพียงแต่รู้เคล็ดวิชาฝีเท้าของตระกูลลู่ แต่การเคลื่อนไหวและฝีเท้าของเขายังเป็นระเบียบ ระหว่างที่ขยับไปมาก็ดูชำนาญและคล่องแคล่วอย่างมาก ไม่อย่างนั้นหากมีเพียงเคล็ดวิชาฝีเท้าของตระกูลลู่อย่างเดียว อาเจียงก็คงจะตามทันแล้ว
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมองอยู่นาน จู่ๆ แววตาก็เป็นประกายดูสดใสขึ้นทันใด “เด็กคนนี้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี เป็นเด็กเก่งที่หายากในรอบสิบปี อาเหอ เจ้าเองก็ลงไปเสีย อย่างไรก็ต้องพาตัวเด็กคนนั้นขึ้นมาหาข้าให้ได้”
“ท่านอาจารย์จะทำอันใดขอรับ?” เย่ซิวตู๋ถาม
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงผงะ หันหน้ามามองเขาด้วยท่าทางสงบนิ่ง อดไม่ได้ที่จะตะคอกเสียงเย็น “เด็กคนนี้มีปัญญากว่าเจ้าตอนยังเด็กนัก ถ้าหากฝึกฝนเขาให้ดี จะต้องดีกว่าเจ้าเป็นสิบเท่าแน่”
ถึงแม้จะพูดเกินไปหน่อย แต่ขอเพียงเขาใช้ใจ อนาคตของเด็กคนนี้จะต้องเป็นใหญ่ได้แน่
เขาได้ฟูมฟักศิษย์คนหนึ่งที่ไม่เห็นเขาเป็นอาจารย์ เขาจะไม่สามารถฟูมฟักศิษย์อีกคนหนึ่งที่เคารพอาจารย์ไม่ได้เชียวหรือ?
เด็กคนนี้ดูๆ แล้วนิสัยมีชีวิตชีวา น่ารักกว่าเย่ซิวตู๋ตอนเด็กมาก เห็นคำพูดและการกระทำของเขา แน่นอนว่าเป็นคนฉลาดเอาแต่ใจ ตอนนี้อายุยังน้อย ยังสอนได้อีก
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงไม่พูดกับเขาให้มากความ โบกมือให้อาเหอรีบลงไปเสีย
อาเหอรับคำแล้วรีบออกจากห้องไป
เย่ซิวตู๋กลับทำเพียงจิบชาหนึ่งจิบ ไม่ได้กล่าวอันใดต่อ เพียงแต่มุมปากกลับกระตุกโดยไม่แสดงร่องรอย
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงค่อนข้างกระตือรือร้นที่จะลอง เขาไม่สนว่าเด็กคนนั้นจะเป็นใคร มีภูมิหลังมาอย่างไร ต่อให้เขาจะเป็นคนจากตระกูลลู่แห่งอาณาจักรเทียนอวี่ เช่นนั้นแล้วอย่างไร? บนโลกใบนี้มีคนตั้งมากที่อยากจะได้เขาเป็นอาจารย์ เพียงแค่เหล่าราชวงศ์และลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์ในสี่อาณาจักร ต่างก็พากันมาหาเขาอย่างอุ่นหนาฝาคั่งแล้ว
แต่ใจเขาสูงส่งกว่านั้นจึงไม่สนใจ
สายตาของเขาจับจ้องไปยังด้านล่างอีกครั้ง มองไปที่ใบหน้าของเด็กคนนั้น
ในใจหนานหนานกำลังกลัดกลุ้ม เมื่อครู่เขายังโต้เถียงกับพ่อบ้านตระกูลจ้าวอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะเถียงสู้เขาไม่ได้ จึงแอบลงมืออย่างลับๆ ให้คนมาโจมตีเขาจากด้านหลัง
ยังดีที่เขาตื่นตัวอีกทั้งยังฉลาดเฉลียว สลัดออกได้ในทันใด ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องพบเจอเรื่องไม่คาดคิด ไม่มีหน้ากลับไปพบท่านพ่อท่านแม่แล้ว
“พวกเจ้ายังไม่จบไม่สิ้นกันอีก ข้าเพียงแค่ดื่มเยอะไปชามเดียวเท่านั้น ให้ข้าจ่ายเงินก็จบเรื่องแล้ว เหตุใดจึงต้องถึงกับจะฆ่าแกงกันด้วย” หนานหนานโกรธมาก ท่านแม่สั่งสอนเขามาแล้วว่าอยู่ที่ดินแดนเหมิงห้ามใช้วรยุทธ์ที่ท่านปู่สอน เว้นแต่จะมีความจำเป็นจริงๆ
แต่ทักษะของคนผู้นี้ไม่ธรรมดา หากเขาไม่ได้ใช้วรยุทธ์ที่ท่านปู่ลู่สอนมา ก็จะยากที่จะรับมือ
มุมปากของอาเจียงกระตุก เขาเพียงจะจับไหล่ของอีกฝ่ายเท่านั้น ตั้งใจจะพาเขากลับไปพบท่านผู้อาวุโสเท่านั้นเอง เหตุใดจึงกลายเป็นพยายามจะฆ่าแกงเขาไปเสียได้?
ผู้คนรอบๆ ต่างก็พากันชี้นิ้ว ที่พูดคุยกันก็มีคำตำหนิ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร อีกฝ่ายก็ยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง
แต่ก็มีคนที่เข้าใจและดูกันอย่างคึกคัก ถึงแม้เด็กคนนี้จะเอาแต่วิ่งหนีและหลบซ่อน แต่สุดท้ายแล้วนอกจากจะหายใจหอบ ก็ไม่ได้เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย
!!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านอาจารย์แน่ใจเหรอคะว่าจะรับเด็กคนนี้เป็นศิษย์? พ่อแสบยังไง ลูกแสบกว่านั้นคูณสองนะคะ
ไหหม่า(海馬)