อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 636 หนานหนาน นี่ข้าเอง
ตอนที่ 636 หนานหนาน นี่ข้าเอง
ตอนที่ 636 หนานหนาน นี่ข้าเอง
สีหน้าของอาเจียงดูกังวลมากขึ้นเล็กน้อย เด็กคนนี้ช่างเหมือนปลาหนีชิว การเคลื่อนไหวทั้งรวดเร็วและว่องไว หากอยากจะจับเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
เขาขมวดคิ้ว เมื่อครู่เผิงอิงลงพร้อมกับเขาไม่ใช่หรือ คนไปไหนแล้วเล่า?
“เจ้าคิดว่าอาเจียงจะจับหนานหนานได้ตอนไหนหรือ?” เผิงอิงยืนอยู่ข้างบันได หันไปมองเสิ่นอิงที่กำลังพิงราวจับดูเรื่องน่าตื่นเต้นอยู่ ถามเสียงต่ำ
เสิ่นอิงหัวเราะเยาะ “ถึงอาเจียงจะเป็นผู้อารักขาข้างกายของผู้อาวุโสเผ่าเหมิง ทักษะเองก็สุดยอด แต่หนานหนานได้รับการฝึกสอนมาจากประมุขของเผ่าเหมิงโดยตรง จะจับเขาได้โดยง่ายได้อย่างไร? ข้าว่าอาเจียงเพียงคนเดียวนั้น… จิ๊ๆ จับไม่ได้หรอก”
เผิงอิงลูบคาง พยักหน้า “ตอนนี้เด็กนั่นกำลังเล่นอย่างคึกคัก ไม่รู้ว่าหากเขารู้ว่านายท่านอยู่ชั้นบน จะตอบสนองอย่างไร?”
“เจ้าควรพูดว่า ถ้าหากแม่นางอวี้รู้ว่านายท่านมาถึงดินแดนเหมิง จะตอบสนองอย่างไรมากกว่า” เสิ่นอิงหัวเราะเบาๆ “สองวันมานี้เราลำบากกันมาก ตามหาแม่นางอวี้กันเสียหมดแรง เฮ้อ ถึงเวลาที่แม่นางอวี้ต้องลำบากบ้างแล้วล่ะ”
เขาสงสัยเป็นอย่างมากว่านายท่านจะลงโทษแม่นางอวี้อย่างไร แต่ดูจากความรักที่นายท่านมีต่อแม่นางอวี้แล้ว เกรงว่าต่อให้ในใจจะอยากหาวิธีจัดการกับนางมาเป็นร้อยเป็นพันวิธี สุดท้ายแล้วก็คงจะทำไม่ลงอยู่ดีกระมัง
“นี่ๆ นี่ อาเหอลงมาแล้ว เรารีบไปทางนั้นกัน” จู่ๆ เผิงอิงก็ผลักเขา และชี้ให้เห็นร่างที่กำลังออกมาจากห้องรับรอง
เสิ่นอิงขมวดคิ้ว ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงต้องการตัวหนานหนานเป็นอย่างมาก ฝีมือของอาเหอดีกว่าอาเจียงประมาณหนึ่ง หากเขาลงมาแล้วทั้งสองคนร่วมมือกัน เกรงว่าหนานหนานจะสู้ไม่ไหว
เขาสบตากับเผิงอิงในทันที ทั้งสองรีบซ่อนตัวใต้บันได เหลือบตาขึ้นมองอาเหอที่เร่งฝีเท้าเดินลงบันได ขณะเดียวกันแววตาก็ฉายความกังวล
“ต้องไปช่วยหรือไม่?” เผิงอิงถาม
เสิ่นอิงลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า “นายท่านไม่ได้สั่งไว้ เรารอไปก่อนเถิด ถ้าหากพวกเขาเพียงพาหนานหนานขึ้นไปข้างบน เช่นนั้นก็ไม่เป็นอะไรนัก ข้างบนยังมีนายท่านอยู่ ถ้าหากหนานหนานถูกทำร้าย พวกเราก็ค่อยลงมือ”
ขณะกล่าว ทั้งสองคนก็ค่อยๆ เดินไปยังทางฝั่งของอาเหอและอาเจียง จับจ้องสายตาอยู่ที่หนานหนาน พร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ
ดวงตาหนานหนานเบิกกว้าง มองชายที่เดินมาอยู่ข้างอาเจียงอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาชี้นิ้วอันสั่นเทาแล้วกล่าวด้วยความโกรธ “มีเรื่องอันใดผิดพลาดหรือไม่? หากมีคนเดียวก็แล้วไป ตอนนี้กลับหาคนมาช่วย พวกเจ้ามียางอายกันหรือไม่? ยังไม่ต้องพูดถึงผู้ใหญ่รังแกเด็กเลย แต่นี่ยังเอาคนมารุมกันอีก นี่พวกเจ้าเห็นว่าข้าเป็นคนอ่อนแอและรังแกได้ง่ายดายใช่หรือไม่?”
มุมปากของอาเจียงกระตุก เจ้าเอาอะไรมามองว่าร่างกายอ่อนแอกัน
เขาหันไปมองทางด้านอาเหอ “ผู้อาวุโสให้เจ้าลงมาหรือ?” ใบหน้าของเขาแข็งทื่อไปเล็กน้อย เขาคิดว่าตัวเองไม่ได้อ่อนแอ คนธรรมดาที่ไหนจะสู้เขาได้
แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับเป็นเด็กเพียงไม่กี่ขวบ นี่เขาแตะชายเสื้อของอีกฝ่ายยังไม่ได้เสียด้วยซ้ำ เอาไปพูดที่ไหนก็มีแต่จะอายเขา
อาเหอตอบ ‘อืม’ ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ผู้อาวุโสต้องการให้จัดการเร็วๆ หน่อย หากเป็นเรื่องใหญ่จะไม่ดี”
เมื่อเขากล่าวจบ ดวงตาก็หรี่ลงเล็กน้อย ค่อยๆ เดินไปทางหนานหนาน
หนานหนานมองเขาอย่างระแวดระวัง เท้าสองข้างแยกออก ตั้งท่าเตรียมต่อสู้
อาเจียงตกใจแล้วถาม “อะไรกัน ไม่เอาแต่วิ่งเล่นแล้วหรือ” ตอนนี้เขามีความกระตือรือร้นอยากจะลองดูเล็กน้อย เมื่อครู่เขารู้แล้วว่าเด็กคนนี้มีวรยุทธ์ อีกทั้งไม่น่าจะเป็นระดับต่ำต้อย ตอนนี้เขาอยากจะลองทดสอบดูว่าวรยุทธ์ของอีกฝ่ายนั้นสูงเพียงไหน มีฝีมือมากน้อยเพียงใด
ส่วนใหญ่แล้ว ยอดฝีมือเช่นเขามักจะหวงแหนพรสวรรค์
“ตลกหรือไร คนอย่างข้าจะทำเป็นแต่วิ่งเล่นหรือ ครั้งนี้ข้าน่ะ…” หนานหนานแสร้งทำเป็นหัวเราะเย็นชาอย่างสุขุม ทันใดนั้นก็กระโดดขึ้น แล้วหันหลังวิ่งออกไปจากร้านทันที “วีรบุรุษย่อมหลีกเลี่ยงเมื่อเสียเปรียบ ข้ากลับไปหาท่านแม่ก่อนล่ะ ลาก่อน”
เขาไม่ใช่คนโง่ เพียงคนเดียวเขานั้นไม่มีปัญหา แต่นี่ทั้งสองคนกลับเป็นยอดฝีมือ เขาเองก็ไม่มีวรยุทธ์ของดินแดนเหมิง แน่นอนว่าการหนีย่อมดีที่สุด
ท่านแม่บอกไว้ว่า ภูเขาเขียวตั้งตระหง่าน สายน้ำเขียวไม่หยุดไหล อย่างไรก็ต้องได้พบกันอีกไม่ใช่หรือ?
อาเจียงและอาเหอต่างก็ตะลึงไปพร้อมกัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด รีบตามออกไปในทันที
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงที่อยู่ชั้นสองประหลาดใจ สบถออกมาอย่างโมโห จะกระโดดลงจากหน้าต่างชั้นสองโดยไม่คิดอันใดทั้งนั้น
แต่เพียงแค่กำลังจะลงมือ ก็ถูกเย่ซิวตู๋จับเอาไว้เสียก่อน
“เย่ซิวตู๋ เจ้าทำอะไร ปล่อยข้า”
“ท่านอาจารย์” สีหน้าของเย่ซิวตู๋สงบนิ่ง กล่าวเตือนเขา “ท่านเป็นผู้อาวุโสแห่งดินแดนเหมิง ถ้าหากท่านกระโดดลงไปจากตรงนี้ พรุ่งนี้คนทั่วดินแดนเหมิงจะรู้เรื่อง และท่านจะสูญเสียความน่าเกรงขามไปหมดสิ้นนะขอรับ”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหยุดการกระทำแล้วค่อยๆ กลับไปนั่งลง แต่ก็ยังคงไม่พอใจ ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะอย่างแรง “เจ้าเด็กนี่ทำไมมันถึงประหลาดนัก ไม่ได้การ ข้าต้องลงไปดูเสียหน่อย”
เขาไม่ได้กระโดดลงจากหน้าต่าง แต่เดินไปทางประตู อย่างน้อยก็คงไม่สูญเสียความน่าเกรงขามกระมัง
เย่ซิวตู๋ดื่มชาเงียบๆ กล่าวเสียงเบา “การชิมสุราของตระกูลจ้าวยังไม่เสร็จสิ้น ท่านอาจารย์จะไม่อยู่ต่อแล้วหรือขอรับ? ทางด้านนั้นก็มีพวกอาเหอสองคนนั้นตามไปแล้ว”
“เฮอะ” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแค่นหัวเราะ “ก็เป็นเช่นนี้ไปแล้ว การชิมสุราจะยังดำเนินต่อไปได้อีกหรือ พ่อบ้านตระกูลจ้าวจัดการเรื่องราวได้ไม่ดี การชิมสุราดีๆ นี้ถูกเขาพังเละเทะ กลับไปก็ไม่มีของดีๆ กินแล้ว”
อีกอย่าง ต่อให้พวกอาเจียงจะไล่ตามไปแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าจะจับเด็กคนนั้นได้หรือไม่ อย่างไรเขาก็ต้องตามไปดูจึงจะใช้ได้
เย่ซิวตู๋พยักหน้า ลุกขึ้นแล้วกล่าว “เช่นนี้นี่เอง เช่นนั้นข้าเองก็ต้องขอตัวก่อน”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงขมวดคิ้ว มองเขาอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง คิดได้ว่าอย่างไรเขาก็คงหนีไม่รอด รอให้หาตัวเด็กนั่นเจอค่อยว่ากันก็แล้วกัน
คิดถึงตรงนี้ เขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วออกจากห้องไป
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเดาไม่ผิด ตอนที่พวกอาเจียงทั้งสองคนปีนออกมา ก็ทันเพียงเห็นหนานหนานวิ่งเข้าไปในตรอกมืดๆ ด้านข้าง
ทั้งสองคนสบตากัน รีบตรงเข้าไปยังตรอกมืดนั้นทันที
หนานหนานรู้สึกรำคาญใจ เหตุใดสองคนนี้จึงตามมาใกล้ชิดเพียงนี้ รู้เช่นนี้เขาน่าจะพกผงปูนมาด้วย อย่างไรก็น่าจะพอถ่วงเวลาได้บ้าง
“อา…” ขณะคิด ด้านหน้าก็ปรากฏมือคู่หนึ่งเอื้อมมาจะกอดเขาอย่างรวดเร็ว
หนานหนานรีบกระโดดเตรียมจะเตะคนผู้นั้นโดยไม่คิด คนผู้นั้นรีบกล่าว “หนานหนาน ข้าเอง”
“หืม” หนานหนานรีบดึงเท้ากลับ กว่าจะทันเห็นแบบชัดๆ ว่าคนตรงหน้าคือใคร ก็ถูกเขากอดเข้าเสียแล้ว ก่อนจะพลิกตัวเข้าไปในหน้าต่างบานหนึ่งที่อยู่ข้างๆ
ต่อจากนั้นหน้าต่างก็ปิดลง เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากทางด้านนอก
หนานหนานรีบย่อตัวลง แต่การเคลื่อนไหวตรงหน้าต่างนั้นไปกระตุ้นอาเหอเข้า ทั้งสองคนด้านนอกสบตากัน มองไปยังหน้าต่าง ขณะกำลังจะเปิดบานหน้าต่างเข้าไป จู่ๆ หน้าต่างกลับถูกคนเปิดออกมา เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาและเร่งรีบของเสิ่นอิง
“เสิ่นอิงหรือ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“ข้าเองก็ตามเด็กคนนั้นมา เมื่อครู่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวตรงหน้าต่าง เลยเข้ามาดูเสียหน่อย”
“ข้างในไม่มีคนหรือ”
เสิ่นอิงขมวดคิ้วแล้วกล่าวอย่างจริงจัง “ไม่มี”
พวกอาเหอทั้งสองคนสบถเบาๆ และไม่สนใจเสิ่นอิงอีก ตรงไปด้านหน้าอย่างรีบร้อน
รอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าของพวกเขาไกลออกไปเรื่อยๆ เสิ่นอิงก็ปิดหน้าต่างอีกครั้ง นั่งยองๆ มองไปยังหนานหนานพร้อมฝืนยิ้ม
!!
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจอคนของท่านพ่อแล้ว หนานหนานจะหนีไหม
ไหหม่า(海馬)