อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 637 ท่านพ่ออย่าตีที่หน้า
ตอนที่ 637 ท่านพ่ออย่าตีที่หน้า
ตอนที่ 637 ท่านพ่ออย่าตีที่หน้า
สีหน้าของหนานหนานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จับมือเขาแล้วถามอย่างกระวนกระวาย “ท่านลุงเสิ่น เหตุใดท่านจึงมาที่ดินแดนเหมิงด้วย ท่านมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ เหตุใดมาแล้วจึงไม่บอกข้า? ไอ้หยา เมื่อครู่จู่ๆ ท่านก็มาจับข้า ข้าตกใจหมด อีกนิดข้าก็จะเตะหน้าใหญ่ๆ ของท่านแล้ว โชคดีที่ข้าชำนาญจึงรั้งไว้ทัน ท่านควรขอบคุณข้านะ”
มุมปากของเสิ่นอิงกระตุก ใบหน้าใหญ่ๆ ของเขาหรือ?
ใบหน้าของเขาทั้งคมและหล่อเหลา มีหญิงสาวตั้งมากมายมาคอยติดตาม อีกฝ่ายกลับสบประมาทเช่นนี้หรือ?
เจ้าเด็กคนนี้ ไม่ได้เจอกันเกือบหนึ่งเดือน ยังคงพูดจาไปเรื่อยเปื่อย กล่าวไปกล่าวมาก็กลับมาชื่นชมตนเอง ใบหน้าเล็กๆ ช่างหนายิ่งนัก
เสิ่นอิงส่งเสียงฮึดฮัดในใจ เขามองหนานหนานที่กำลังกล่าวเจื้อยแจ้วอย่างตื่นเต้น เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นั่งฟังหนานหนานกล่าวชื่นชมตัวเองอย่างอดททน
กล่าวตามจริงก็คือเขาไม่ได้ยินเสียงสดใสอ่อนโยนที่คุ้นหูเช่นนี้นานแล้ว ทำให้คิดถึงเป็นอย่างมาก ตอนนี้พอฟังแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่น้อย
หนานหนานพูดจนน้ำลายแตกฟองอยู่นาน ไม่ได้ยินเขาตอบอันใดกลับมาก็ชะงักไป ก่อนจะถามอย่างแปลกใจ “นี่ ท่านลุงเสิ่น เหตุใดท่านจึงไม่กล่าวอันใดเลย ข้าพูดมากไปใช่หรือไม่ ไอ้หยา จะโทษข้าก็ไม่ได้นะ อย่างไรพวกเราก็ไม่ได้เจอกันนาน นานๆ เจอทีก็จะยิ่งผูกพันนี่… ถุย กล่าวผิดเลย ได้เจอกันหลังห่างไปนาน ข้าก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ท่านลุงเสิ่นไม่ตื่นเต้นหรือ”
เสิ่นอิงมองเขาอย่างลึกซึ้ง เห็นว่าในที่สุดเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรมากมายแล้ว ก็กล่าวออกมาเบาๆ “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าน่ะตื่นเต้นมาก แต่มีคนตื่นเต้นยิ่งกว่าข้าเสียอีก”
“เอ๋ ใครกัน มีใครอื่นที่คิดถึงหนานหนานยิ่งกว่าท่านลุงเสิ่นอีกหรือ อืม แสดงว่าเสน่ห์ของข้าพัฒนาไปอีกขั้นแล้วสินะ ดีมาก”
เสิ่นอิงลูบศีรษะ เขาจะต้องถูกอีกฝ่ายโกรธจนอาเจียนเป็นเลือดแน่
“หนานหนาน เมื่อครู่ข้ายังไม่ได้บอกเจ้าว่านายท่านก็มาด้วยกันกับข้าใช่หรือไม่ หากได้พบเจ้า เขาคงจะตื่นเต้นมากเป็นแน่”
“จริงหรือ นายท่านของท่านลุงคิดถึงข้าขนาดนั้นเชียว เขารู้จัก…” จู่ๆ หนานหนานก็หายใจไม่ออกในทันใด มองเสิ่นอิงอย่างเอาเป็นเอาตาย คิดขึ้นมาได้ทีหลัง “นาย… นายท่าน นายท่านของท่านก็คือท่าน… ท่านพ่อ… ท่านพ่อของข้าหรือ”
“จากกันไปเดือนหนึ่ง ที่แท้เจ้าก็ยังจำได้สินะ”
สีหน้าของหนานหนานเปลี่ยนไปในทันที เขา เขาจะลืมได้อย่างไร ท่านลุงเสิ่นมา แสดงว่า…ท่านพ่อก็มาแล้วเช่นกันสินะ
“คือ คือๆ… ท่านลุงเสิ่น ข้ามีธุระ ข้าขอตัวก่อนนะ ไว้วันหลังเรามารำลึกความหลังกันนะขอรับ ท่านว่าอย่างไร อืม ข้าว่าหัวข้อไม่เลวเลย เช่นนั้นลาก่อนนะ”
พูดจบหนานหนานก็เตรียมจะไป เสิ่นอิงหัวเราะ แขนโอบเอวของอีกฝ่ายแล้วกอดเขาไว้
“ไม่เจอกันตั้งนาน เจ้าไม่คิดถึงท่านพ่อหรือ?”
“ท่านลุงเสิ่น ท่านทำเป็นไม่ได้พบข้าได้ไหม?” หนานหนานทำหน้าเศร้า ดิ้นขลุกๆ อยู่ในอ้อมแขนของเขา
ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดถึงท่านพ่อ เขาคิดถึงมาก แต่คิดไปคิดมาแล้ว เขาเองก็รู้ว่าท่านพ่อจะต้องไม่พอใจมากๆ ที่เขากับท่านแม่ไม่บอกลาเป็นแน่ เขาต้องรีบไปปรึกษาท่านแม่ให้เร็วที่สุด และเตรียมใจให้พร้อมจึงจะใช้ได้
อย่างน้อยที่สุด อย่างน้อยที่สุดก็ต้องผลักไสให้ท่านแม่ได้พบท่านพ่อก่อน ให้ท่านพ่อสงบสติอารมณ์ จะได้ไม่มาคิดบัญชีกับเขา?
ตอนนี้มันกะทันหันเกินไป เขาอยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป ต้องค่อยเป็นค่อยไป
เสิ่นอิงส่ายหน้า “ไม่ได้แน่นอน เมื่อครู่นายท่านอยู่บนชั้นสองของร้านสุรา ‘เซียงเว่ยซื่ออี้’ เขาได้ดูการแสดงของเจ้าตั้งแต่ต้นจนจบจากข้างบนนั้น ข้าจะทำเป็นไม่เคยพบเจ้าได้อย่างไรเล่า?”
หนานหนานตะลึงไป ทันใดนั้นก็หมดเรี่ยวแรงจะต่อสู้
เช่นนั้นก็แปลว่าท่านพ่อรู้ข่าวเกี่ยวกับเขาจริงๆ จึงให้ท่านลุงเสิ่นมาที่นี่เพื่อมาเฝ้าต้นไม้รอกระต่าย เขานี่มันโง่นัก เอาตัวเองมาติดกับดักเสียได้
เสิ่นอิงหัวเราะออกมา อีกฝ่ายไม่ดิ้น เขาก็คลายแขนที่กอดไว้หลวมๆ
หนานหนานพิงอยู่ที่ร่างของเสิ่นอิง ซบศีรษะลงบนไหล่ ในหัวกำลังคิดอย่างรวดเร็ว ชีวิตของเขาช่างย่ำแย่ ถูกท่านพ่อพบเข้าก่อน ความโกรธแรกที่มากมายที่สุดของท่านพ่อจะต้องตกมาอยู่ที่เขาอย่างแน่นอน เขาต้องหาวิธีรับมือ
เขาเงียบไปตลอดทาง เสิ่นอิงยิ้มมุมปาก อุ้มเขาเข้าไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
เมื่อขึ้นไปชั้นสอง เผิงอิงก็รอเขาอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว
เมื่อเห็นหนานหนาน เขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ หนานหนานเงยหน้าขึ้น เปิดมุมปากและทักทายเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ขอโทษเสียก่อน” เสิ่นอิงเห็นท่าทางเช่นนั้นของเขา ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเตือนเขาหนึ่งประโยค
หนานหนานส่งเสียง ‘ฮู่ว’ ออกมา แล้วก็ถูกเขาวางลงบนพื้น
เผิงอิงเคาะประตูเบาๆ สองครั้ง จากนั้นกล่าวเสียงเบา “นายท่าน เสิ่นอิงกลับมาแล้วขอรับ”
“เข้ามา”
เสียงของเย่ซิวตู๋เย็นชา หนานหนานเพียงฟังก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัว อยากจะวิ่งออกไปข้างนอกขึ้นมา
เผิงอิงกลับเปิดประตูเสียแล้ว จากนั้นก็ผลักเขาเบาๆ
จากนั้นประตูก็ปิดลงไล่หลังของเขา
หนานหนานหันหน้ากลับไปมอง ทันใดนั้นก็โมโห สองคนนั้นช่างไร้ความภักดีนัก ปล่อยให้เขาเข้ามาคนเดียวเสียได้
“หนานหนาน!” เสียงอันเย็นชาของเย่ซิวตู๋ลอยมา หนานหนานสั่นขึ้นมาอีกครั้ง
ทันใดนั้นก็หันกลับมา ไม่ทันกล่าวอันใดก็วิ่งตรงเข้าไปแล้วกอดขาของเย่ซิวตู๋ไว้ทันที แล้วร้องห่มร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร
“ท่านพ่อขอรับ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน ท่านไม่รู้อันใด ท่านไม่อยู่ข้างกายหนานหนาน หนานหนานกินดื่มไม่ลง กินไม่ได้ นอนไม่หลับเลยขอรับ”
เสิ่นอิงและเผิงอิงที่อยู่นอกประตูอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก มองหน้ากันและกัน กินไม่ได้นอนไม่หลับหรือ ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งทำให้คนอื่นจะต้องวุ่นวายอยู่ที่กิจกรรมการชิมสุราของ ‘เซียงเว่ยซื่ออี้’ หรอกหรือ ทั้งยังมีแรงไปดื่มสุรา นี่เรียกว่าไม่อยากกินไม่อยากดื่มอย่างนั้นหรือ?
ทันใดนั้นเสิ่นอิงก็นึกไปถึงตอนแรกที่อยู่เจียงเฉิง หนานหนานนอนหลับเสียจนฟ้ามืดอยู่ที่ห้องของโม่เสียน แต่เมื่อพบอวี้ชิงลั่วแล้วก็เป็นเช่นนี้ ร้องห่มร้องไห้เป็นใหญ่เป็นโต ช่างน่าสงสารและสลดใจนัก
“ท่านพ่อ ท่านฟังข้านะขอรับ ข้าจากเมืองหลวงมา ก็มาโดยไม่สมัครใจ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะท่านแม่ต้องการทำตามความต้องการของตน ท่านแม่ช่างเลวร้ายยิ่งนัก นางทิ้งข้อความเอาไว้ให้ท่าน แต่กลับไม่เตือนข้าเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นข้าจึงไม่ทันได้อธิบายเรื่องราวให้ท่านพ่อได้ฟังอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ท่านพ่อ ข้าไม่ได้อกตัญญู ข้ารักท่านมากจริงๆ ท่านเชื่อข้านะขอรับ”
เย่ซิวตู๋หรี่ตามองเขา ในใจหนานหนานเต้นตึกตัก เหตุใดท่านพ่อไม่กล่าวอันใดเลย นี่โกรธถึงขนาดไม่พูดอันใดเลยหรือ
“ท่านพ่อ ท่าน หากท่านไม่พอใจ ท่านก็ตีข้าเสียเถิด ข้ารับรองว่าจะไม่ตอบโต้ขอรับ แต่เราต้องคุยกันก่อน จะตีหน้าไม่ได้นะขอรับ ไม่อย่างนั้นหากหน้าข้าบวม ท่านพ่อข้าออกไปข้างนอก หากมีลูกชายหน้าตาขี้เหร่เช่นนี้ ท่านจะขายหน้าเอานะขอรับ”
เมื่อกล่าวจบก็ทำท่าทางอย่างไม่กลัวตายในทันที หลับตาลง ริมฝีปากยืดตรง หายใจเข้าไปลึกๆ ทำท่านั่งม้า
เฮ้อ น่าจะแทนสิ่งที่คิดได้
เย่ซิวตู๋ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ เหลือบไปมองเขาแวบหนึ่ง เงียบอยู่นานจนในที่สุดก็เอ่ยขึ้นมา “แม่ของเจ้าเล่า นางอยู่ที่ใด?”
!!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่นางอวี้ มีเด็กขายแม่ตัวเองเพื่อเอาตัวรอดหนึ่งคนล่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)