อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 638 ข้าจะวาดแผนที่ให้
ตอนที่ 638 ข้าจะวาดแผนที่ให้
ตอนที่ 638 ข้าจะวาดแผนที่ให้
หนานหนานตกใจจนชะงักไป ดวงตาเบิกกว้างพร้อมกับสูดน้ำมูก
“อ๋า ท่านพ่อตามหาท่านแม่หรือ เรื่องนี้ง่ายมาก ข้าจะวาดแผนที่ให้ท่าน จะต้องเข้าใจง่ายแน่นอน ท่านพ่อจะได้พบท่านแม่ในไม่ช้า” เขายิ้มอย่างประจบประแจง วิ่งตึกๆ ไปยังด้านข้างแล้วหยิบกระดาษพร้อมหมึกและพู่กันมา ปีนขึ้นไปบนโต๊ะพร้อมรอยยิ้มแล้วเริ่มวาด
ผ่านไปไม่นาน เขาก็นำภาพวาดที่วาดเสร็จแล้วแผ่ออกตรงหน้าของเย่ซิวตู๋ กล่าวอย่างเอาใจ “ท่านพ่อดูสิขอรับ หากไปตามแผนที่นี้ ท่านก็จะตามหาท่านแม่เจอโดยเร็ว”
เย่ซิวตู๋ชำเลืองมองเขา คล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ใช่ พลางส่งเสียงฮึดฮัด “เจ้าพาข้าไปหาแม่เจ้าไม่ง่ายกว่าหรือ เหตุใดต้องเสียแรงวาดแผนที่ด้วยเล่า?”
อีกอย่างก็วาดไม่ได้เรื่อง หัวมังกุท้ายมังกรเช่นนี้ ภาพดำปี๋แล้วใครจะดูออก?
“รอกลับไปถึงอาณาจักรเฟิงชาง ก็ไปเรียนวาดเขียนกับหลานเฉิงเสียให้ดีเล่า” เจ้าเด็กนี่ ที่แท้ก็มีสิ่งที่ไม่ถนัดด้วยสินะ
หนานหนานคิดว่าท่านพ่อคงจะโกรธมาก การพูดจาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ช่างน่ากลัวนัก
เขาหัวเราะแห้ง ออกแรงบีบกระดาษในมือแล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ จากนั้นก็กล่าวอย่างจริงจัง “ท่านพ่อ ข้าคิดว่าปัญหาระหว่างท่านกับท่านแม่ พวกท่านควรจะแก้ปัญหาด้วยตัวเองขอรับ จะต้องพูดคุยกันอย่างจริงจังและระมัดระวังเป็นอย่างมาก” จริงๆ แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่กล้าพาท่านพ่อไปปรากฏตัวต่อหน้าท่านแม่ ไม่เช่นนั้นท่านแม่จะต้องเข้าใจว่าเขาอยู่ข้างท่านพ่อเป็นแน่
ถึงตอนนั้นท่านแม่จะเจ็บปวดเสียใจมากเพียงใดกัน เขาเป็นคนรู้ความเช่นนี้ เชื่อฟังเช่นนี้ ทั้งยังเป็นสุภาพบุรุษเช่นนี้ จะทำเรื่องที่ทำให้สตรีต้องเป็นทุกข์ใจได้อย่างไร
มุมปากของเย่ซิวตู๋กระตุก เขายังไม่ทันได้คิดบัญชีกับอีกฝ่ายเลย แต่อีกฝ่ายยังกล้าสั่งสอนตนเช่นนี้อีกหรือ?
“ท่านพ่อ ความเชื่อใจระหว่างสามีภรรยาสำคัญมาก จริงๆ นะขอรับ นี่มาจากประสบการณ์ตรงของข้าเลย”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว “ประสบการณ์ตรงหรือ?” เหตุใดเขาจึงไม่รู้เลยว่าบุตรชายมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเรื่องสามีภรรยาเสียแล้ว?
“…” หนานหนานสำลัก พูดเร็วเกินไปแล้ว เร็วเสียจนพูดผิดถูกอย่างไม่ทันได้ผ่านสมองเสียก่อนด้วย
“ข้าหมายความว่า ข้าอยู่กับท่านแม่มาหลายปี รู้นิสัยท่านแม่อย่างชัดเจน มีประสบการณ์มากมายขอรับ” อืม เป็นความหมายนี้ต่างหาก
เย่ซิวตู๋คว้าตัวเขาไว้ ใช้ฝ่ามือบีบแก้มของเขาอย่างอดใจไม่ไหว
“ฮู่ว…” หนานหนานเกือบจะหายใจไม่ออกเสียแล้ว เขาเอนหัวไปด้านหลัง จมูกขึ้นสีแดง ผ่านไปครู่หนึ่งเย่ซิวตู๋จึงปล่อย เขาผละออกจากเงื้อมมือของเย่ซิวตู๋ในทันทีแล้วก้าวถอยหลังห่างไปสามก้าว จับจมูกของตนแล้วเรียก “ท่านพ่อ ท่านจะลอบฆ่าข้า”
เย่ซิวตู๋จ้องมองใบหน้าเล็กนุ่มนิ่มที่กำลังขึ้นสีแดง ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถอนหายใจในใจ กล่าว “เจ้ามานี่สิ”
หนานหนานส่ายหน้า “ถ้าข้าไป ข้าคงปกป้องใบหน้าหล่อๆ ของข้าไว้ไม่ได้ ข้า…” เย่ซิวตู๋จ้องเขม็ง หนานหนานตกใจ รีบกล่าวเพื่อเปลี่ยนประเด็น “ข้าหมายความว่า ต่อให้จะเป็นเช่นนั้น ท่านพ่อจะกล่าวอะไรข้าก็ต้องฟังขอรับ” กล่าวจบก็รีบบึ่งไปหยุดตรงหน้าเขาโดยไม่หยุดเลยแม้แต่น้อย
เย่ซิวตู๋ทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ กอดร่างเล็กของเขา อุ้มขึ้นมานั่งบนตัก
หยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือมาบีบแก้มเล็กของเขาแล้วถาม “ตลอดทางมานี้คงลำบากไม่น้อย ดูผอมลงแล้ว”
“ข้าไม่ได้ลำบากเลยขอรับ ท่านแม่ต่างหากที่เหนื่อยเสียแทบตาย ต้องดูแลข้า ทั้งยังต้องดูแลน้องอวี้ด้วย ที่ข้าผอมลงก็เพราะคิดถึงท่านพ่อต่างหาก”
“น้องอวี้หรือ?” เย่ซิวตู๋แปลกใจ เหตุใดจู่ๆ จึงมีคนที่เขาไม่รู้จักเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งเสียได้
หนานหนานเบิกตากว้าง กล่าวอย่างโมโห “ท่านพ่อ ข้ากล่าวไปตั้งสามเรื่อง กล่าวถึงคนสามคน แต่ท่านกลับสนใจน้องอวี้ ข้าผิดหวังกับท่านจริงๆ ท่านไม่ถามสักนิดว่าท่านแม่เหนื่อยหรือไม่ ไม่ถามเลยว่าข้าคิดถึงท่านอย่างไร ท่าน… เฮ้อ”
เย่ซิวตู๋เคาะศีรษะของเขา ยิ้มเย็นออกมา “นี่เจ้ากำลังเตือนให้ข้าคิดบัญชีกับเจ้าและแม่ของเจ้าใช่หรือไม่”
“…” หนานหนานคิดว่าตนเถียงพ่อของตนไม่ได้ คนที่ทำพลาดก่อนมักจะเสียเปรียบเสมอ “อา น้องอวี้คือเด็กผู้หญิงที่เราบังเอิญพบระหว่างทางขณะนางถูกตามฆ่าขอรับ นางอายุพอๆ กันกับข้า จริงด้วยๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือ บนร่างกายนางมีปานรูปดอกไม้เช่นเดียวกับข้า ก็เพราะเช่นนั้นเอง ข้าจึงพานางเดินทางมาด้วย”
“ว่าอย่างไรนะ?” เย่ซิวตู๋อดไม่ได้ที่จะตกใจ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะยังมีเด็กที่วัยใกล้เคียงหนานหนาน และมีปานเช่นนี้ แต่ว่าเด็กประเภทนี้ เหตุใดจึงไม่มีใครรู้จักเล่า
คนที่มีปานรูปดอกไม้ในหมู่ชาวเหมิงนั้นหายากและมักจะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเสมอ
หนานหนานพยักหน้ารัว จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดของการเดินทางอย่างลิงโลด
ไม่ได้เจอท่านพ่อมาเกือบเดือน จริงๆ แล้วในใจเขานั้นคิดถึงเป็นอย่างมาก เมื่อก่อนตอนไม่รู้ว่ามีพ่ออยู่ก็ไม่ได้รู้สึกอันใด อย่างไรเสียมีท่านแม่ที่รักเขาอย่างมากก็พอแล้ว ทว่าตั้งแต่ได้อยู่กับท่านพ่อ จึงพบว่าเมื่อต้องจากกันกลับเสียใจอย่างบอกไม่ถูก
แต่การตัดสินใจของท่านแม่ คำกล่าวของท่านแม่ก็ล้วนทำเพื่อท่านพ่อ เขาฟังคำของท่านแม่
ตอนนี้เมื่อได้พบกันอีกครั้ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากใกล้ชิดให้มากขึ้น
หนานหนานพูดคุยอย่างไม่จบสิ้น แม้แต่ตอนที่เสิ่นอิงนำอาหารกลางวันเขามา เขาก็แทบจะไม่อยากหยุดพูด เพียงแต่ตั้งใจกินไปสองคำ จากนั้นก็วางทิ้งไว้
เย่ซิวตู๋เห็นเขาท่าทางเช่นนี้ ในใจก็อ่อนยวบลงทันที เจ้าเด็กนี้ถึงขนาดวางของกินที่ชอบทิ้งไว้ ไม่ว่าในใจของเขาจะโกรธมากเพียงใด ก็ถูกการกระทำทุกย่างก้าวของเขาทำให้ใจอ่อนอยู่ดี
จนกระทั่งเขาเล่ารายละเอียดเล็กใหญ่ทั้งหมดให้ฟังแล้ว ท้องฟ้าก็มืดลง
เย่ซิวตู๋อุ้มหนานหนานเดินไปยังหน้าต่าง เขาเม้มปากแน่น
เขาคิด นี่ก็ถึงเวลาแล้ว สตรีผู้นั้น เขาเองก็แทบรอไม่ไหวที่จะได้เจอนาง
เมื่อเสิ่นอิงเข้ามาอีกครั้ง ก็นำของว่างสองสามอย่างที่หนานหนานชอบมาให้
หนานหนานหันมองเย่ซิวตู๋อย่างประหลาดใจ “ท่านพ่อ” เขาบอกว่าไม่กินไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงเอาเข้ามาอีกแล้ว
“กินเสียก่อน กินเสร็จแล้วเราจะไปพบแม่เจ้ากัน เจ้ากินให้มากอีกหน่อย” เย่ซิวตู๋มองเขา ลูบศีรษะของเขาแล้ววางเขาลงบนเก้าอี้ข้างๆ
ทันใดนั้นหนานหนานก็รู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนกองไฟ หันกลับไปมองเย่ซิวตู๋อย่างขมขื่น เหตุใดเขาจึงรู้สึกเหมือนมีภาพนิมิตเป็นอาหารมื้อสุดท้ายได้นะ ท่านพ่อพูดจาลึกซึ้งเช่นนี้ เขาจะกลืนลงคอไปได้อย่างไร?
“เป็นอะไร นี่ล้วนเป็นขนมแบบพิเศษของดินแดนเหมิงเชียวนะ ไม่ชอบหรือ?”
หนานหนานส่ายหน้าอย่างน่าสงสาร สูดหายใจเข้าลึกๆ ท่าทางราวกับจะต้องถูกประหาร หยิบลูกกวาดที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดมากิน
รอจนกระทั่งเขากินอย่างไร้รสชาติไปสองชิ้น สุดท้ายแล้วเย่ซิวตู๋ก็เลิกบังคับเขา อุ้มเขาออกจากโรงเตี๊ยมไปด้วยกัน
หนานหนานซบลงบนไหล่ของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง เม้มปากแล้วกล่าวเบาๆ “เลี้ยวซ้าย… เลี้ยวขวา… ทางแยกข้างหน้า… โรงเตี๊ยมแห่งนี้ขอรับ”
!!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไอเด็กโดนท่านพ่อวางยาด้วยความคิดถึงเสียแล้ว ชิงลั่วเตรียมตัวรับมือนะคะ
ไหหม่า(海馬)