อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 641 ในที่สุดก็ได้จัดการเจ้า
ตอนที่ 641 ในที่สุดก็ได้จัดการเจ้า
ตอนที่ 641 ในที่สุดก็ได้จัดการเจ้า
มีเสียงน้ำไหลเบาๆ ดังมาจากในห้อง เห็นได้ชัดว่าเบามาก แต่ในหูของเย่ซิวตู๋แล้วมันกลับดังชัดเจนอย่างน่าประหลาด
เขาเก็บกระดาษข้อความเงียบๆ วางนิ้วลงบนขอบประตู ที่ระหว่างนิ้วมีเข็มเล็กๆ อยู่ ก่อนซัดฝ่ามือออกไปเปิดกลอนประตูด้านในช้าๆ
เสียงที่แผ่วเบาเป็นอย่างมาก เมื่อถูกเสียงน้ำปกคลุมก็เหมือนจะไร้เสียงไป
จนกระทั่งประตูปิดลง เขาก็เดินมานั่งที่ด้านหนึ่ง เสียงน้ำยังคงดังไม่หยุด
ในห้องช่างร้อนอบอ้าว เย่ซิวตู๋นั่งอยู่ตรงโต๊ะ แววตามองไปยังฉากกั้นขนาดใหญ่นั้น รู้สึกคอแห้งขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
เขาหลับตาลงอย่างแรง แต่ก็ยังคงกลืนน้ำลายอย่างอกดไม่ได้
เสียงยังคงเบามาก แต่เทียบกับเมื่อครู่ตอนเข้าห้องมาที่ช้ากว่า ครั้งนี้ถือว่ามีเสียงในระดับที่ไม่สามารถควบคุมได้
เสียงน้ำหยุดลง รูม่านตาอวี้ชิงลั่วหดลงในทันใด มือกำแน่น
ทันใดนั้นนางก็เหลือบตาขึ้นมองที่ฉากกั้น ที่ข้างๆ ตรงนั้นดูเหมือนจะมีร่างที่สั่นไหวเลือนรางเพราะแสงเทียนนั่งอยู่
นางตระหนกตกใจในทันใด เมื่อครู่ก่อนนางจะอาบน้ำก็มั่นใจมากว่าลงกลอนประตูเรียบร้อยแล้ว ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาโดยไร้เสียงได้
ดวงตาของอวี้ชิงลั่วจ้องเขม็ง รีบคว้าเสื้อผ้าที่วางอยู่ตรงชั้นวางข้างๆ
แต่ก่อนที่จะสัมผัสถึง แสงเทียนในห้องก็ดับลง ด้านหน้ามืดมิดลงในทันที อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ก่อนที่จะปรับตาให้เข้ากับความมืดได้ ก็มีคนมาจับนิ้วของนางไว้แน่น ตามด้วยเสียงเสื้อผ้าที่ตกลงบนพื้น
“นั่นใคร” อวี้ชิงลั่วตกใจมาก แอบสบถในใจ
ไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีสิ่งใดปกคลุมร่างกายแม้แต่น้อย แล้วจะจัดการกับคนผู้นี้ที่ดูเหมือนจะมีวรยุทธ์แข็งแกร่งได้อย่างไร
อวี้ชิงลั่วระมัดระวังตัว ทุกเส้นประสาทในตัวนางตื่นตัวขึ้นมา นางค่อยๆ ใช้นิ้วแตะผมตัวเอง นั่นเป็นอาวุธชิ้นสุดท้ายที่นางจะสามารถใช้ได้
แต่เมื่อยกแขนได้เพียงครึ่งเดียว จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งลงมาในอ่างอาบน้ำ ข้อมือของนางถูกบีบเอาไว้อย่างแรง
น้ำกระเซ็นไปรอบด้าน อวี้ชิงลั่วอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว หลับตาลง ในวินาทีต่อมานั้นนางก็รู้สึกได้ว่ามีคนจับเอวนางไว้ กดลงกับขอบอ่างอย่างแรง
อวี้ชิงลั่วหน้าซีดในทันที จากนั้นก็ใช้ศีรษะของตนกระแทกเข้ากับอีกฝ่าย
แต่จู่ๆ ที่คอนางกลับมีอีกมือหนึ่งมาบีบไว้ นางถูกควบคุมตัวไว้ทั้งหมด ไม่สามารถขยับได้เลย
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ต้องการจะทำอะไร?” อวี้ชิงลั่วกัดฟัน คนผู้นี้เป็นโรคจิตใช่หรือไม่ ไม่สิ คนคนนี้ดูเหมือนจะรู้ความเคลื่อนไหวต่อไปของนางเป็นอย่างดี เหมือนกับว่าเป็นคนคุ้นเคย
“อื้ม…” ก่อนที่อวี้ชิงลั่วจะคิดหาเหตุผลออก ก็มีสัมผัสอุ่นๆ มาประกบที่ริมฝีปากของนาง
นางชะงักไป สัมผัสที่คุ้นเคย รสชาติที่คุ้นเคย คุ้นเคยเสียจนร่างของนางแข็งทื่อไปในทันใด สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ “ท่าน…”
“ข้าเป็นใคร ข้าต้องการจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ? ชิงเอ๋อร์ เจ้าว่าถ้าข้าได้พบเจ้าอีก ข้าจะอยากทำอันใดกัน?” เย่ซิวตู๋โน้มเข้ามาใกล้หูของนาง เสียงของเขาทุ้มต่ำและฟังดูอันตราย
อวี้ชิงลั่วเบิกตากว้าง หายใจเข้าลึกๆ ในทันที “เย่ เย่ เย่ซิวตู๋ ท่าน ท่าน ท่านมาได้อย่างไร? ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
เป็นไปได้อย่างไร? คนตรงหน้านาง จะเป็นเขาไปได้อย่างไร?
เย่ซิวตู๋แค่นหัวเราะ “ทำไม ได้เจอข้าแล้วไม่ดีใจหรือ? กลายเป็นคนพูดติดอ่างไปเสียแล้ว?”
“…” อวี้ชิงลั่วอยากจะหนีไปอย่างเงียบๆ แต่ร่างกายของนางถูกเขารั้งเอาไว้จนไม่สามารถขยับได้ ทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นและรักษาระยะห่างจากเขาเล็กน้อย
สายตาของนางค่อยๆ ปรับเข้ากับความมืดจนเห็นชายตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ทั้งยังเห็นได้ชัดเจนถึงแววตาที่ราวกับหมาป่าของเขา… และในสภาพที่ไม่ได้ใส่อะไรเลย
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจเข้าอีกครั้ง ถามตะกุกตะกัก “ท่าน ท่านมาถึงดินแดนเหมิงตั้งแต่เมื่อไร หาตัวข้าเจอได้อย่างไร รู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่ ท่าน…” ที่สำคัญที่สุด ตอนนี้ทำไมเขาถึง… ไม่ใส่เสื้อผ้าเล่า?
เย่ซิวตู๋บีบคางของนาง จากนั้นก็พุ่งเข้าไปกัดอย่างแรงครั้งหนึ่ง
ใช่ เขากัด กัดอย่างแรงเสียด้วย จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวโลหิตที่ปลายลิ้น เขาจึงปล่อยนางออกอย่างไม่เต็มใจ
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเพียงว่าริมฝีปากของนางร้อนผ่าว แต่นางไม่กล้าพูดอันใดทั้งนั้น และไม่กล้าขยับตัวเช่นกัน
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่นางรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกลาก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางยังถูกเขาคุมตัวจนไม่สามารถขยับได้อีก โดยเฉพาะสายตาของเขา ซึ่งอาจจะกลืนกินนางทั้งเป็นได้ทุกเมื่อ
นางไม่ใช่เด็กสาวอ่อนต่อโลก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความรู้ทางทฤษฎีมากมาย นางรู้ได้ชัดเจน สถานการณ์ในตอนนี้ หากมีความขัดแย้งทางวาจาหรือร่างกายใดๆ ก็อาจทำให้ระเบิดปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ
ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงกระซิบเบาๆ อย่างสุภาพ “คือว่าน้ำมันเย็นนิดหน่อยแล้ว พวกเรา… พวกเขาไปคุยกันข้างนอกก่อนดีกว่า”
“เจ้าหนาวหรือ?”
จะหนาวได้อย่างไร โดนเขากอดไว้เช่นนี้ นางร้อนไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว
แต่ทว่า…
“ใช่ ข้าหนาวเล็กน้อยแล้ว ข้ารู้ว่าตอนนี้ท่านโกรธมาก ข้าผิดเอง ข้าขอโทษท่าน เราไปคุยกันดีๆ เถอะ… อ๋า นี่ท่านทำอะไรน่ะ?”
ยังไม่ทันที่อวี้ชิงลั่วจะพูดจบก็ถูกเขาอุ้มขึ้นแล้วออกจากอ่างน้ำไปในทันที
ดวงตาของนางเบิกกว้าง รีบโอบรอบคอของเขา คิดขึ้นมาได้ว่าตนเองนั้นไม่มีเสื้อผ้าใดๆ ปกปิดเลย ใบหน้าของนางขึ้นสีแดง รีบกระซิบ “คือว่า เสื้อผ้า…”
“ไม่จำเป็น”
ไม่จำเป็นหรือ นี่เขาคิดจะคุยกับนางในสภาพนี้หรืออย่างไร? “ข้าหนาว”
“อีกเดี๋ยวข้าจะทำให้เจ้าร้อนเอง” เขากล่าว ขณะเดียวกันก็อุ้มนางออกจากหลังฉากกั้น เดินตรงไปยังเตียงนอน
“…” ในใจของอวี้ชิงลั่วมีลางสังหรณ์ไม่ดีแวบเข้ามา ต่อจากนั้นก็ถูกเขาโยนลงบนเตียง
อวี้ชิงลั่วกลิ้งไปบนเตียง ถือโอกาสคว้าเอาผ้าห่มมาห่มตัวไว้ เมื่อรู้สึกว่าตนไม่ได้เปลือยเปล่าอีกต่อไป ก็หายใจออกช้าๆ
แต่นางเพียงหายใจออกมาได้ครึ่งเดียว ร่างกายก็เปลือยเปล่าอีกครั้ง ผ้าห่มถูกเขาดึงออกแล้วทิ้งลงไปที่พื้น
“นี่…” นิ้วของอวี้ชิงลั่วเหยียดออก ก็ถูกเย่ซิวตู๋ดึงกลับเข้ามา ต่อจากนั้นร่างหนักๆ ก็ทับลงบนร่างของนาง
“เย่ซิวตู๋ ท่านใจเย็นก่อน” ไม่ว่าอวี้ชิงลั่วจะโง่เขลาเพียงไหน แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ชายผู้นี้ต้องการจะทำอันใด
เย่ซิวตู๋หัวเราะเย็นชา ประสานมือสองข้างของนางแล้ววางไว้บนหัว “ใจเย็นอะไรกัน หากข้าไม่ได้ใจเย็นมากจนปล่อยให้เจ้ามีเวลาเตรียมใจ ไม่ได้จัดการกับเจ้าเสียตั้งแต่แรก ปล่อยให้เจ้านึกอยากจะไปก็ไปอย่างไม่ละอายใจ ข้าจะทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หรือ”
“…ข้าไม่ได้นึกอยากจะไปก็ไป ข้าทิ้งข้อความไว้ให้แล้วนี่” นางกล่าวอย่างอ่อนแรง
เย่ซิวตู๋หยิบกระดาษข้อความแผ่นนั้นออกมาจากใต้หมอน ยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม “จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่มีกระดาษข้อความนี่ที่คอยเตือนสติข้าให้นึกถึงความอับอายนี้มาตลอดทาง ความโกรธของข้าคงไม่อยู่จนถึงตอนนี้เป็นแน่ ข้าต้องขอบคุณเจ้าแล้วล่ะ”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกราวกับว่าบาปกรรมตามสนอง นางยิ้มแห้ง กล่าวเบาๆ “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ท่านอับอายนะ…”
เย่ซิวตู๋ทำเสียงฮึดฮัด ไม่ฟังคำอธิบายของนางอีก โบกมือขวา ผ้าม่านเตียงหล่นลงมา ผ้าสีแดงปลิวไสว
!!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เง้อออ ลงโทษพระชายารุนแรงจังท่านอ๋อง มองแบบไม่คิดมากก็คือซีนตบจูบ มองแบบคิดมากก็คือการบังคับข่มขู่อะ คุยกันดีๆ ไม่ได้หรือไงท่าน
ไหหม่า(海馬)