อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 645 ติดหนี้บุญคุณ
ตอนที่ 645 ติดหนี้บุญคุณ
ตอนที่ 645 ติดหนี้บุญคุณ
“อ๋า ไม่ใช่ๆ” อูเหมี่ยนเซิงรีบส่ายหน้า เห็นท่าทางเช่นนี้ของนางแล้ว ในใจเขาก็ยังมีความกังวลอยู่ คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “ข้ามีสหายคนหนึ่งกำลังป่วยหนัก หมอหลายคนมาดูอาการให้ก็ไม่ดีขึ้น”
อวี้ชิงลั่วทำท่าทางเข้าใจขึ้นมาทันที “ดังนั้นท่านเลยอยากให้ข้าไปดูอาการของสหายท่าน?”
“ข้ารู้ว่าครั้งก่อนแม่นางช่วยข้าไว้ ตอนนี้กลับมาขอร้องท่าน ให้ท่านต้องลำบาก แต่สหายคนนั้นสำคัญกับข้ามากจริงๆ ขอเพียงช่วยเขาได้ จะให้ข้าทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น” อูเหมี่ยนเซิงดูร้อนรนขณะจ้องมองนางอย่างกระตือรือร้น กลัวกว่านางจะปฏิเสธกลับมา
เสิ่นอิงที่ดูอยู่ข้างบนขมวดคิ้ว สายตาคู่นั้นจ้องมองแม่นางอวี้อย่างโจ่งแจ้งเกินไปแล้ว หลังกลับไปแล้วหากนายท่านรู้เข้า เขาคงหัวขาดเป็นแน่
ทำอย่างไรดีนะ เขาอยู่ห่างเกินไป และไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เพียงแต่ท่าทางของแม่นางอวี้กลับดูสงบเกินไป
หนานหนานที่อยู่ข้างๆ ลูบคางของตนแล้วพึมพำ “ข้าว่า ท่านรองอูผู้นี้จะต้องขอให้ท่านแม่ช่วยชีวิตคนแน่”
เสิ่นอิงประหลาดใจ มองนางอย่างสงสัย “ชายผู้นั้นรู้จักตัวตนของแม่นางอวี้หรือ?”
เหมิงหลัวอวี้กะพริบตา ตัวตนหรือ? ตัวตนอันใด? ท่านน้าชิงยังมีตัวตนที่พิเศษอันใดอีกหรือ?
หนานหนานกลับส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ แต่ครั้งก่อนท่านแม่ช่วยล้างพิษให้เขา ช่วยชีวิตเขาไว้ ชายผู้นั้นก็รู้ว่าท่านแม่มีความสามารถทางด้านนี้ ดังนั้นจึงเลี้ยงน้ำอาหารดูแลท่านแม่อย่างดี แน่นอนว่าจะต้องขอให้นางช่วยคนเป็นแน่”
ความสามารถทางด้านนี้ของท่านแม่หรือ? มุมปากของเสิ่นอิงกระตุก ทักษะทางการแพทย์อันยอดเยี่ยม ถูกคนทั้งโลกเรียกขานว่าหมอปีศาจ นี่ยังเรียกว่า ‘ความสามารถทางด้านนี้’ อยู่หรือ
“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาต้องการให้แม่นางอวี้ช่วยใคร?”
หนานหนานตะลึง มองไปยังเหมิงหลัวอวี้อย่างระมัดระวัง ช่วงนี้น้องอวี้ไม่ได้ออกไปไหน แน่นอนว่าต้องไม่รู้ว่าคนที่ชื่อเหมิงหรงกำลังป่วยหนักอยู่ตอนนี้ แต่เขาไปเดินเล่นข้างนอกทุกวัน ทั้งยังแอบเข้าไปในร้านสุรา จึงรู้เรื่องนี้ได้โดยธรรมชาติ
เฮ้อ บอกไม่ได้ ต่อให้เหมิงหรงจะไม่ได้ทำหน้าที่พ่อให้กับน้องอวี้ แต่อย่างไรน้องอวี้ก็เป็นคนจิตใจดี จะต้องไม่อยากให้ท่านพ่อของตนลำบากแน่นอน
คิดเช่นนี้แล้ว หนานหนานก็ส่ายหน้าอย่างจริงจัง “ไม่รู้สิ ข้าไม่ได้ยินที่พวกเขาคุยกัน”
เสิ่นอิงหรี่ตา เมื่อครู่หนานหนานมีท่าทางลังเล เขาจะต้องรู้เรื่องอันใดมาก่อนแน่นอน แต่หลังจากที่มองเสี่ยวอวี้แล้วกลับไม่พูดอะไร น่าแปลกจริงๆ
ในเมื่อเขาไม่พูด เสิ่นอิงก็ไม่ได้ถามอะไรอีก หันหน้ากลับมาเงียบๆ มองไปยังทั้งสองคนที่อยู่ชั้นล่างอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วดูเหมือนจะลังเล นิ้วเคาะลงกับโต๊ะ ท่าทางยากเกินจะคาดเดา
อูเหมี่ยนเซิงเห็นนางเป็นเช่นนั้น ในใจยิ่งหล่นวูบลงไปอีก
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวออกมาผ่านลำคอแห้งผาก “แม่นางถังมีเรื่องลำบากใจอันใดหรือ? ท่านวางใจเถิด ของตอบแทนนั้นจะสมน้ำสมเนื้อกับเจ้าแน่นอน ต่อไปหากแม่นางถังมีปัญหาอันใดในดินแดนเหมิง ข้าจะต้องเข้าไปช่วยโดยไม่ลังเลเป็นแน่”
อวี้ชิงลั่วลอบหัวเราะในใจ “ที่ท่านรองอูกล่าวนั้นเชื่อได้หรือไม่”
“แน่นอน”
“เช่นนั้น สหายของท่านคือใคร?” อวี้ชิงลั่วจิบชาจากถ้วย
อูเหมี่ยนเซิงถอนหายใจโล่งอก สีหน้าเองก็ผ่อนคลายลง “เขาเป็นบุตรชายของผู้อาวุโสสกุลเยว่ เหมิงหรง แม่นางถังเคยได้ยินชื่อหรือไม่?”
มือของอวี้ชิงลั่วที่ถือถ้วยชาอยู่ชะงักไป วางถ้วยลงบนโต๊ะอย่างเงียบๆ สายตาจ้องมองอูเหมี่ยนเซิง
อูเหมี่ยนเซิงถูกนางมองเช่นนั้น ใจที่กว่าจะสงบลงได้ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
“แม่นางถัง… มีเรื่องอันใดหรือ? มีปัญหาอันใดหรือไม่?”
“บุตรชายของผู้อาวุโสสกุลเยว่ เช่นนั้นสถานะของเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา อีกอย่างข้าได้ยินมาว่าอาการป่วยของท่านชายเหมิงหรงนั้นเป็นโรคที่ยากจะรักษาเป็นอย่างยิ่ง”
หัวใจของอูเหมี่ยนเซิงเต้นไม่เป็นจังหวะ นางคงไม่ขอถอนตัวหรอกใช่ไหม “แน่นอน ข้าเองก็รู้ว่าเรื่องนี้ยุ่งยากนัก แม่นางถังเพียงแค่ไปดูเสียหน่อย ข้าเองก็จะไม่บังคับให้แม่นางถังต้องรักษาเขาเป็นแน่”
อวี้ชิงลั่วใช้นิ้วเคาะโต๊ะอีกครั้ง หลังจากเคาะสองครั้ง ในใจก็หงุดหงิดขึ้นมา อยู่กับเย่ซิวตู๋นานเกินไปแล้ว นิสัยก็เลยเหมือนเขามากขึ้นทุกที
เพียงนึกถึงที่เขาหลับนอนกับตนแล้วกลับไม่บอกลา ในใจของนางก็โมโหมากจริงๆ จนชักมือกลับในทันที
อูเหมี่ยนเซิงตกใจ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเศร้าโศก ดูท่าแม่นางถังคงจะไม่เต็มใจแล้วกระมัง
“ได้ ข้าจะไป แต่ข้ามีเงื่อนไขอีกข้อหนึ่ง” อวี้ชิงลั่วจู่ๆ ก็พูดขึ้นมา
อูเหมี่ยนเซิงตะลึง ไม่รู้จะตอบสนองอย่างไร จากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “แม่นางถังตกลงอย่างนั้นหรือ? วางใจเถอะ ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขใด ขอเพียงข้าทำได้ ข้าจะต้องทำให้ดีที่สุดแน่นอน”
“ท่านกลับไปคุยกับผู้อาวุโสเผ่าเหมิงที ว่าหากข้ารักษาเหมิงหรงได้ เช่นนั้นเขาจะติดค้างข้าหนึ่งครั้ง ต่อไปจะต้องชดใช้”
อูเหมี่ยนเซิงประหลาดใจ แม่นางถังช่วยชีวิตเหมิงหรง ก็ย่อมต้องติดค้างนางเป็นธรรมดา
จู่ๆ อวี้ชิงลั่วก็หัวเราะออกมา “ท่านจงบอกเขาว่าหนี้บุญคุณนี้ไม่ง่ายที่จะตอบแทน เขาจะต้องเตรียมใจไว้ให้ดี เดี๋ยวจะมีการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร”
อูเหมี่ยนเซิงขมวดคิ้ว เรื่องมันร้ายแรงจนถึงขั้นต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเชียวหรือ? แม่นางถังผู้นี้คิดจะเล่นตุกติกอันใดกันแน่?
แต่เห็นนางกล่าวเช่นนี้ อูเหมี่ยนเซิงก็ระมัดระวังมากขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว เข้าจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกแก่ผู้อาวุโสสกุลเยว่เป็นแน่” เขาคิดว่าผู้อาวุโสสกุลเยว่นั้น เพื่อเหมิงหรงแล้วต่อให้ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวก็ยอม ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขอันใดก็ล้วนแต่จะยอมรับ
“เช่นนั้นแล้วข้าต้องขอตัวก่อน พรุ่งนี้เช้าข้าจะรออยู่ที่หน้าจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ หากตกลง ท่านก็พาข้าเข้าไปเป็นอันใช้ได้ หากไม่ตกลง ท่านก็เพียงให้คนออกมาบอกข้า ต่อไปก็ทำเหมือนไม่รู้จักกัน”
อวี้ชิงลั่วดื่มชาถ้วยสุดท้ายเสร็จ ก็วางถ้วยลงบนโต๊ะ หมุนตัวแล้วเดินออกจากโรงเตี๊ยม
หลังนางจากไปไม่นาน เสิ่นอิงก็พาหนานหนานและเหมิงหลัวอวี้ออกมาแล้วตามนางไป
หนานหนานเพียงขึ้นรถม้า ก็รีบร้อนถามนางทันที “ท่านแม่ คนผู้นั้นมาหาท่านทำไมหรือ?”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขา ก็พบว่าไม่เพียงแค่เขา แม้แต่เหมิงหลัวอวี้และเสิ่นอิงต่างก็รอคำตอบจากตนอยู่ โดยเฉพาะเสิ่นอิงที่มีแววตาเปล่งประกายราวกับพยายามจะค้นความจริงจากนางอย่างไรอย่างนั้น
มุมปากของนางกระตุกอย่างแรง “มาขอให้ข้าช่วยรักษาคน”
หนานหนานโห่ร้อง ยื่นมือออกไปหาเสิ่นอิง “ท่านลุงเสิ่น ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่า? รีบเอาเงินมาให้ข้าเลย”
เสิ่นอิงจ้องมอง “ข้าไม่ได้พนันกับเจ้า ทำไมข้าต้องให้เงินเจ้าด้วยเล่า” ความสามารถในการหาเงินของเขานั้นช่างไร้ขีดจำกัดจริงๆ
หนานหนานเม้มปากอย่างไม่พอใจ “ก็เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ท่านไม่ควรแสดงความคิดถึงข้าเสียหน่อยหรือ ท่านดูสิว่าข้าผอมลงแล้ว ท่านก็น่าจะให้เงินข้า ให้ข้าไปซื้อของกินเสียหน่อยสิ”
ที่สำคัญที่สุดคือ เงินส่วนตัวของเขาถูกท่านแม่ยึดไปแล้ว ตอนนี้เขานั้นยากจนไม่มีอันจะกิน ทั้งตัวมีเพียงเงิน 200 ตำลึงเท่านั้น จะเอาไปดื่มสุรายังไม่พอเลย
เมื่อพูดถึงการเดิมพัน จู่ๆ หนานหนานก็ได้สติ รีบคว้ามือของอวี้ชิงลั่วแล้วกล่าว “ท่านแม่ มีเรื่องด่วนที่ข้าลืมบอกท่าน”
!!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ดูท่าเรื่องด่วนที่หนานหนานจะบอกมันน่าตกใจยิ่งกว่าเรื่องที่ท่านรองอูบอกเสียอีกนะ เด็กคนนี้พูดว่ามีเรื่องด่วนทีไรใจหายแว้บทุกที
ไหหม่า(海馬)