อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 649 อวี้ชิงลั่วแอบอ้างชื่อหรือ
ตอนที่ 649 อวี้ชิงลั่วแอบอ้างชื่อหรือ?
ตอนที่ 649 อวี้ชิงลั่วแอบอ้างชื่อหรือ?
เสียงของคนรับใช้ผู้นั้นเบามาก แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้กำลังพูดให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่ฟังเพียงคนเดียวเท่านั้น
อวี้ชิงลั่วอยู่ห่างจากผู้อาวุโสสกุลเยว่เพียงก้าวเดียวก็ได้ยินอย่างชัดเจนเช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงอูเหมี่ยนเซิงที่ฝึกการต่อสู้และหูดีอย่างน่าอัศจรรย์ เขาขมวดคิ้ว มองไปทางอวี้ชิงลั่วอย่างรู้สึกผิด
แต่อีกฝ่ายกลับดูเหมือนไม่เห็นอะไรเลย และเหมือนจะไม่ได้ยินคำกล่าวของคนรับใช้ด้วย กล่าวกับผู้อาวุโสสกุลเยว่ต่อไป “ผู้อาวุโสเยว่ เสียงในหอเย่เซ่อนี้เบาอยู่เสมอหรือเจ้าคะ แม้แต่เสียงก้าวเท้าเบาๆ ก็ยังไม่มีให้ได้ยินเลยหรือ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่งงงวย ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ยังพยักหน้า “ใช่”
“เฮ้อ” อวี้ชิงลั่วหัวเราะเบาๆ “ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ไม่แปลกเลยที่ตอนนี้นายน้อยเหมิงยังไม่ฟื้น”
“แม่นางหมายความว่าอย่างไร” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตกใจ ถามด้วยความประหลาดใจ
อวี้ชิงลั่วเหลือบตามองเหมิงหรงที่อยู่บนเตียงแวบหนึ่ง “ถึงแม้นายน้อยเหมิงจะยังหมดสติอยู่ แต่ก็ไม่ใช่คนตายเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นผู้อาวุโสสกุลเยว่เลิกคิ้ว นางก็ไม่ได้สนใจอันใด กล่าวต่อไป “ถึงแม้เขาจะยังหลับตาอยู่ แต่ก็ยังได้ยินเสียงจากภายนอก สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นจากภายนอก อาการของนายน้อยเหมิงตอนนี้ ก็เหมือนกำลังคลำทางอยู่ในความมืดเพียงคนเดียว เขาต้องการแสงสว่างเล็กน้อยเพื่อชี้ทางให้เจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่และอูเหมี่ยนเซิงสบตากัน หมายความว่าอย่างไร
“เสียงจากภายนอกของเรา ก็เหมือนโคมไฟสำหรับเขา ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ท่านห้ามไม่ให้ทุกคนทำเสียงดัง ก็เหมือนกับว่านายน้อยเหมิงต้องดิ้นรนหาทางออกในความมืดเพียงลำพัง ท่านกลับตัดทางออกเดียวของเขาทิ้ง”
อาการนี้ก็เหมือนกับผู้ป่วยที่นอนเป็นผัก แต่อาการของเหมิงหรงนั้นยังเบากว่านั้นมาก
ผู้อาวุโสสกุลเยว่อ้าปากค้างทันที เขา เขาตัดทางออกเดียวของเหมิงหรงทิ้งไปอย่างนั้นหรือ
“แม่นางถัง นี่เจ้า… เจ้าพูดจริงหรือ”
“เฮ้อ ไม่แปลกใจเลยที่นายน้อยเหมิงหมดสติกว่าเดือนก็ยังไม่ฟื้น ท่านไม่ให้ใครมาคอยปลุกเร้าอยู่ข้างกายเขา เพื่อบอกเขาว่ามีคนอีกเท่าไรที่หวังให้เขาฟื้นกลับมา ให้เขาได้รู้ถึงความหมายการมีอยู่ต่อไปของตนเอง เขาจะฟื้นได้อย่างไร ถ้าหากท่านหลงทางอยู่ในโลกมืดมิด ไม่มีเส้นทางให้ไป ไม่มีเสียงใด ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นที่ต้องการ ต่อให้ท่านจะมีความต้องการมากเพียงไหน อยากจะอยู่ต่อมากเพียงไหน สุดท้ายความต้องการนั้นก็จะเสื่อมถอยไปเอง”
“หมอรักษาโรคเพื่อช่วยชีวิตคนป่วย สิ่งสำคัญที่ต้องมีไม่ใช่เพียงทักษะทางการแพทย์ แต่ยังต้องพึ่งความต้องการมีชีวิตอยู่ของผู้ป่วยด้วย ความคิดที่อยากจะอยู่ต่อไป ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วย ในบางครั้งสิ่งเหล่านี้ก็สำคัญกว่าฝีมือทางการแพทย์ของผู้เป็นหมอนัก”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าวันนี้นางพูดมากไปเสียหน่อย เหมือนกับว่ากำลังให้บทเรียนกับผู้อื่น ซึ่ง… มันเหนื่อยมากจริงๆ
อูเหมี่ยนเซิงพยักหน้าอยู่ข้างๆ “ที่แม่นางถังกล่าว ก็ดูมีเหตุผลยิ่งนัก”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น หรือว่าเขาทำผิดไปทั้งหมดหรือ ตลอดระยะเวลานานมานี้ มีหมอมากมายมาที่นี่ เกือบทุกคนต่างก็จับชีพจรของเหมิงหรง สั่งยาให้ แต่ไม่เคยมีใครพูดมาก่อนว่าโลกภายนอกเบาเกินไป
ทั้งยังไม่เคยมีใครบอกเลย ว่าการจะรักษาอาการของเหมิงหรงได้นั้น ที่จำเป็นมากกว่าคือความมุ่งมั่นของเหมิงหรง
“เช่นนั้น เช่นนั้นแม่นางคิดว่าต่อไปควรทำอย่างไร”
“ทุกวันต้องหาคนมาคอยพูดคุยข้างๆ หูเขา บอกเขาว่าโลกภายนอกเกิดอันใดขึ้น ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ดี เรื่องใหญ่ก็ดี ในจวนไม่ควรจะไร้ชีวิตชีวาเพียงนี้ ทุกคนเคยทำอันใดก็ให้ทำเช่นนั้นหรือ ก็เหมือนกับนายน้อยเหมิงยังสบายดีอยู่ โดยเฉพาะกับ ‘เย่เซ่อ’ แห่งนี้ ยิ่งมีเสียงดังขึ้นหน่อยยิ่งดีเจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ชะงัก ถึงแม้เขาจะลังเลอยู่บ้าง แต่กลับรู้สึกว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ไปแล้ว ก็สู้ทำตามที่แม่นางผู้นี้บอกไปเสียเถอะ ลองดูเสียหน่อยก็ไม่เป็นอันตรายใดกับเหมิงหรง
คิดถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็เตรียมจะพยักหน้า จู่ๆ ด้านนอกกลับมีเสียงอันยิ่งยโสที่คุ้นเคยดังเข้ามา
“ไร้สาระ ไร้สาระเกินไปแล้ว ข้าเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเลย ว่าการรักษาคนป่วย ไม่ได้พึ่งฝีมือการแพทย์ของหมอ แต่ต้องอาศัยคนป่วยให้หายป่วยเองเสียอย่างนั้น”
ทันทีที่กล่าวจบ ชายหนุ่มรูปงามในชุดขาวก็โบกพัดเดินเข้ามา
ด้านหลังของเขา ตามมาด้วยชายที่ลมหายใจนุ่มนวล ท่าทางสงบ
เพียงผู้อาวุโสสกุลเยว่เห็นพวกเขา ก็รีบเดินรุดเข้าไปแล้วกล่าว “นายน้อยว่าน พวกท่านมาแล้วหรือ เชิญทางนี้”
ท่าทีของเขานั้นเมื่อเทียบกับที่ปฏิบัติต่ออวี้ชิงลั่วแล้ว มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่านเผิงหลงทั้งสองคนนั้นไม่เคยรักษาเหมิงหรงให้หายดีได้ แต่อย่างไรก็อาการดีขึ้นมาบ้างแล้ว อีกอย่าง เบื้องหลังพวกเขาก็ยังเป็นหมอเฒ่าฉยงซาน การทำให้พวกเขาขุ่นเคือง ก็เหมือนทำให้หมอเฒ่าขุ่นเคือง ถึงตอนนั้นเหมิงหรงก็คงไม่มีทางออกจริงๆ แล้ว
“ผู้อาวุโสสกุลเยว่ นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร” ท่าทางของชายชุดขาวยังคงหยิ่งยโส “มีข้ากับศิษย์พี่สองคนคอยรักษาอาการให้บุตรของท่านอยู่ ท่านยังไม่พอใจ ยังจะต้องไปหาคนนอกมาอีก อีกอย่างยังเป็นคนอายุน้อย ทั้งยังเป็น… สตรีอีกหรือ”
จู่ๆ เสียงของชายชุดขาวก็หยุดลง เหลือบตาขึ้นมองอวี้ชิงลั่วอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็มุ่นคิ้วเล็กน้อย
เมื่อครู่ตอนเดินเข้ามาเขากวาดตามองแต่ด้านบน จึงไม่เห็นอวี้ชิงลั่วที่นั่งอยู่ข้างเตียง ตอนนี้เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว ก็พบว่า… ตนรู้จักหญิงผู้นี้
ผู้อาวุโสสกุลเยว่กระอักกระอ่วนเล็กน้อย ทำได้เพียงกล่าวยิ้มๆ “แม่นางถังผู้นี้เองก็เป็นหมอฝีมือดีท่านหนึ่ง ได้ยินว่า…” น้ำเสียงของผู้อาวุโสสกุลเยว่หยุดลง ทันใดนั้นก็คิดถึงสิ่งที่อูเหมี่ยนเซิงกล่าวไว้ ดูเหมือนชายชุดขาวและแม่นางถังผู้นี้เคยพบกัน ทั้งยังเคยมีเรื่องกันด้วย
และด้วยเหตุนี้นี่เอง เขาจึงได้เลือกวันนี้ว่านเผิงหลงทั้งสองคนไม่อยู่ ให้แม่นางถังเข้ามาดูอาการของเหมิงหรง
คิดไม่ถึง ว่าชายชุดขาวผู้นี้จะหยิ่งยโสมาก ถึงขนาดเข้ามาโดยตรง
เช่นนี้… ควรทำอย่างไรดีเล่า
“เป็นนางนั่นเอง” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ทันใดนั้นก็มีเสียงตะคอกด้วยความโมโหที่ข้างหู เสียงดังมากเสียจนเขาตกใจจนตัวสั่นอย่างอดไม่ได้
เพียงเงยหน้า ก็พบชายชุดขาวชี้ไปยังอวี้ชิงลั่วแล้วกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “ศิษย์พี่ เป็นนาง ครั้งก่อนเป็นนางที่วางยาข้า อีกทั้งยังบอกด้วยว่านางคุ้นเคยกับท่านอาจารย์”
ว่านเผิงหลงมองไปตามมือของเขา มุ่นคิ้วเล็กน้อย เขามักจะเก็บอารมณ์เอาไว้ในใจเสมอ แต่ทุกครั้งที่เกี่ยวข้องกับการที่มีคนเอาชื่อของท่านอาจารย์ไปแอบอ้าง เขาก็จะรังเกียจและไม่พอใจเป็นอย่างมาก
และด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมักจะดุชายชุดขาว
เขามองอวี้ชิงลั่วอย่างละเอียด อีกฝ่ายยืนขึ้นแล้ว พิงอยู่ข้างเตียงไม้แกะสลัก และมองว่านเผิงหลงอย่างพิจารณาเช่นกัน
ในบรรดาศิษย์สามคนของหมอเฒ่าฉยงซาน น่าจะมีเพียงว่านเผิงหลงคนเดียวที่พอดูใช้ได้
ผ่านไปนานก็ได้ยินว่านเผิงหลงกล่าวเสียงทุ้ม “แม่นางเป็นใครกันแน่ ที่ผ่านมาท่านอาจารย์ของข้ามักหมกมุ่นอยู่แต่กับยา เพื่อนของเขาที่ไปมาหาสู่ ข้าก็รู้จักหมด แต่ข้ากลับไม่เคยพบแม่นาง นี่แม่นางอ้างว่าเป็นเพื่อนกับท่านอาจารย์เพื่อไปโกหกผู้อื่น ทั้งยังมาโกหกถึงจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ นี่จะเล่นแรงเกินไปแล้วหรือไม่ ถ้าหากทำให้คนอื่นถึงแก่ชีวิต เจ้าไม่ได้ออกจากประตูนี้ไปแน่”
ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสสกุลเยว่ แม้แต่อูเหมี่ยนเซิงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง หันหน้าไปมองอวี้ชิงลั่วอย่างประหลาดใจ
แม่นางถังและหมอเฒ่าฉยงซานไม่รู้จักกันหรือ นางกำลังโกหกอยู่หรือ
!!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ต่อให้ไม่รู้จักหมอเฒ่าฉยงซาน ชื่อเสียงหมอปีศาจก็ดังไม่แพ้ใครนะ
ไหหม่า(海馬)