อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 650 นางเพียงแต่ตอบสนองก็เท่านั้น
ตอนที่ 650 นางเพียงแต่ตอบสนองก็เท่านั้น
ตอนที่ 650 นางเพียงแต่ตอบสนองก็เท่านั้น
อวี้ชิงลั่วยังคงยิ้ม สายตามองพิจารณาไปยังคนไม่กี่คนตรงหน้า
ชายชุดขาวอดไม่ได้ที่จะเด้งตัวออกมา “เฮอะ ข้าบอกแล้วนี่ ท่านอาจารย์ของข้าจะมารู้จักคนเช่นเจ้าได้อย่างไร เจ้ายังกล้าบอกว่ารู้จักกับเขาดีอีก”
“อ๋า ข้ารู้จักอาจารย์ของเจ้าจริงๆ นะ หมอเฒ่าฉยงซานน่ะ ใครจะไม่รู้จัก ข้ารู้จักเขา เขาเพียงไม่รู้จักข้าเท่านั้น” ก็เขาโง่เอง คำพูดพวกนี้กลับไม่ฟังให้ดี ก็เป็นหนานหนานที่รู้ว่าสู้ไม่ได้ ทั้งยังถูกทำให้ตกใจเสียจนฉี่แทบราด โทษนางได้หรือ
ชายชุดขาวเบิกตากว้าง กัดฟันด้วยความโกรธ “เจ้า ที่แท้เจ้า…”
ว่านเผิงหลงยื่นมือออกไปขวางเขาไว้ จากนั้นก็หันไปกล่าวกับผู้อาวุโสสกุลเยว่ “ท่านผู้อาวุโส แม่นางผู้นี้ไม่รู้จักท่านอาจารย์ของข้าจริงๆ ถ้าหากนางแอบอ้างชื่อเสียงท่านอาจารย์ ข้าก็หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะระวัง”
“ใช่” ชายชุดขาวกล่าวเสริม “โดยเฉพาะเรื่องไร้สาระที่นางกล่าวเมื่อครู่ ว่าต้องให้ผู้ป่วยมีความต้องการจะฟื้นขึ้นมาเองจึงจะฟื้นขึ้นมาได้ จะเชื่อไม่ได้นะ ใครบ้างไม่รู้ว่าการรักษาผู้ป่วยต้องมีสิ่งแวดล้อมที่เงียบสงบ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่หัวเราะแห้ง มองไปยังอูเหมี่ยนเซิงทางด้านข้าง
อูเหมี่ยนเซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเบาๆ “แม่นางถังไม่ได้แอบอ้างชื่อของหมอเฒ่าฉยงซาน เพียงแต่ว่า…”
เขากล่าวได้เพียงครึ่งเดียวก็หยุดลง ราวกับว่าประโยคหลังนั้นยากเกินจะกล่าว โดยเฉพาะเมื่อมองไปยังแววตาของชายชุดขาวผู้นั้น ค่อนข้างซับซ้อนทีเดียว
อูเหมี่ยนเซิงไม่อยากจะทำให้ทั้งสองฝ่ายขุ่นเคือง แต่อวี้ชิงลั่วกับชายชุดขาวดูแล้วก็ต่างไม่ยอมแพ้
ต่อจากนั้นเสียงเย็นเยียบของอวี้ชิงลั่วก็ดังขึ้น “เพียงแต่ว่าท่านรองอูเห็นว่าศิษย์ของหมอเฒ่าฉยงซานล้วนตกอยู่ในกำมือข้า ดูแล้วฝีมือทางการแพทย์ไม่ธรรมดา จึงเชิญข้ามาที่นี่ บอกตามตรง ข้าออกมาข้างนอก ไม่จำเป็นต้องอ้างชื่อเสียงของผู้ใด แม้แต่ชื่ออาจารย์ของพวกเจ้า… ก็ไม่ได้มีค่าพอ”
อูเหมี่ยนเซิงทำตัวไม่ถูก คำพูดของแม่นางถังผู้นี้ ไม่เกรงใจกันเลยจริงๆ
ชายชุดขาวได้ยินนางพูดเกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนนั้น ก็ยิ่งโกรธเสียจนหน้าดำหน้าแดง คนทั้งคนตรงไปข้างหน้าทันที เล็งจะโจมตีอวี้ชิงลั่ว
“ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนั้นข้าไม่ทันระวัง เจ้าคิดว่าเจ้าจะจัดการข้าได้หรือ ดี ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็น ว่าจริงๆ แล้วใครกันแน่ที่ตกอยู่ในกำมือของอีกฝ่าย”
เดิมทีเขาก็อยู่ใกล้อวี้ชิงลั่วอยู่แล้ว บวกกับที่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างว่านเผิงหลง เมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ชิงลั่วก็ไม่พอใจกว่าเดิมมาก ต้องการให้ชายชุดขาวให้บทเรียนกับนางเสียบ้าง
ผู้อาวุโสสกุลเยว่มุ่นคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้กล่าวอันใดเพิ่มเติม เพียงแต่มองด้วยสายตาเย็นชาเล็กน้อยจากด้านข้าง
ส่วนท่านรองอูนั้น คิดอยากจะขวางการโจมตีของชายชุดขาวไว้ เขารู้ว่าคนผู้นี้โหดเหี้ยมเพียงใด ยิ่งไปกว่านั้นที่แม่นางถังพูดเองก็ถูก เขาเป็นคนพามาที่นี่ ถ้าหากเกิดเรื่องผิดพลาดอันใด เขาสิต้องละอายใจในตนเอง
แต่เขายืนอยู่ไกล ด้านหน้าก็มีผู้อาวุโสสกุลเยว่ อยากจะขวางไว้ก็คงไม่ทัน
แต่ถึงอย่างไร ในตอนที่ทุกคนกำลังคิดว่าอวี้ชิงลั่วกำลังจะถูกการโจมตีของชายชุดขาวนั้น อีกฝ่ายกลับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หลบไปด้านข้างก้าวหนึ่งและยื่นมือขวาออกไปอย่างรวดเร็ว เล็งตรงไปยังดวงตาของชายชุดขาว
ชายชุดขาวผู้นั้นตกใจ ยกมือขึ้นกั้นไว้โดยไม่ทันรู้ตัว
อวี้ชิงลั่วกลับส่งเสียง ‘เฮอะ’ ออกมา ยกขาขึ้นเตะเข้าไปที่เป้าของเขา
“โอ๊ะ…” ชายชุดขาวสีหน้าบิดเบี้ยวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจจะโจมตีอวี้ชิงลั่วอีกต่อไป ทำได้เพียงกุมจุดสำคัญของตนเองไว้อย่างเจ็บปวด ถอยหลังไปสองก้าวอย่างยากลำบาก
“…”
“…”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ว่านเผิงหลง ท่านรองอู หรือแม้แต่เหมิงเคอที่ยืนอยู่ไกลออกไปและคนรับใช้ในจวน ต่างก็จ้องมองอวี้ชิงลั่วด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
นางเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง เหตุใด… เหตุใดจึงได้…
ผู้อาวุโสสกุลเยว่และคนอื่นๆ หันศีรษะหนีอย่างเงียบๆ กล่าวอันใดไม่ออก พวกเขาไม่คาดคิดจริงๆ ว่าแม่นางถังตรงหน้านี้จะมีการเคลื่อนไหวเช่นนี้ได้
แต่ทว่า… พวกเขากลับเห็นได้ชัดเจน เมื่อครู่ฝีเท้าของแม่นางถังนั้นเร็วมาก นางน่าจะฝึกการต่อสู้มา
ว่านเผิงหลงย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว ช่วยพยุงชายชุดขาวขึ้นมา “เหวินฮั่น เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“อึก นังผู้หญิงคนนี้ นาง นางกล้า…” เถาเหวินฮั่นกัดฟัน จับมือว่านเผิงหลงแล้วค่อยๆ ลุกขึ้น เงยหน้าขึ้นมามองอวี้ชิงลั่วอย่างดุเดือด
อีกฝ่ายทำสีหน้าไร้เดียงสา “นี่จะโทษข้าไม่ได้นะ นี่เป็นกลยุทธ์ป้องกันตัวฝางหลางที่พื้นฐานที่สุด อย่างไรเสียข้าก็ถือว่าเป็นหญิงรูปงามคนหนึ่ง มักจะมีพวกผู้ชายที่ไม่สนอันใดเข้ามาทำตัวเจ้าชู้ใส่ข้า ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ข้าก็ฝึกฝนเสียจนถึงขั้นที่ชายหนุ่มไม่สามารถตอบโต้ได้ ตอนนี้เคยชินเสียจนทำอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว เจ้าเป็นผู้ชาย เมื่อครู่ก็คิดจะพุ่งเข้าใส่ข้า ข้าก็ต้องตอบสนองน่ะสิ”
ท่านรองอูคิดมาตลอดว่าอวี้ชิงลั่วเย็นชาและไม่แยแส คิดไม่ถึงว่า… จะมีด้าน ด้านที่หลงตัวเองเช่นนี้
เถาเหวินฮั่นพูดไม่ออก หญิงผู้นี้ช่างพูดเสียเหลือเกิน
เขาดึงแขนเสื้อของว่านเผิงหลงอย่างแรง “ศิษย์พี่ ท่าน ท่านต้องช่วยข้าแก้แค้นนะ”
“หุบปาก ข้าเตือนเจ้าแต่แรกแล้วว่าอย่าวู่วาม” ว่านเผิงหลงมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว ดุเขา
เถาเหวินฮั่นเจ็บปวดจนพูดไม่ออก ร่างกายปวดเสียจนแทบตาย แต่เขาไม่เคยกล้าจะเถียงคำพูดของว่านเผิงหลง ทำได้เพียงนำความโกรธนั้นโยนไปที่ตัวอวี้ชิงลั่ว
ว่านเผิงหลงพยุงเขามานั่งที่ด้านข้าง เมื่อกลับมา สายตาก็มองอวี้ชิงลั่วอย่างลึกล้ำ
ครู่หนึ่งก็ค่อยๆ กล่าวออกมา “ข้าได้ยินเหวินฮั่นบอกว่าแม่นางรู้จักอูตง รู้ว่าอูตงเป็นศิษย์ของอาจารย์ข้า ใช่หรือไม่”
ก็เพราะอวี้ชิงลั่วพูดชื่อของอูตงในตอนนั้น เถาเหวินฮั่นจึงเชื่อคำพูดของนางตั้งแต่แรก อย่างไรเสียคนที่รู้ว่าอูตงเป็นศิษย์ของหมอเฒ่าฉยงซานก็มีไม่กี่คน
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า “ก็ถือว่ารู้จัก… อ๋า จริงสิ อูตง นางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
ว่านเผิงหลงตกใจในทันที รีบก้าวไปข้างหน้า ครั้งนี้ ท่านรองอูเตรียมตัวพร้อมแล้ว ยืนอยู่ตรงหน้าของว่านเผิงหลง กล่าวเบาๆ “นายน้อยว่าน แม่นางถังเป็นแขกที่ข้าเชิญมา ข้าต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของนาง”
ว่านเผิงหลงมองเขาแวบหนึ่ง แล้วก็ละสายตาไปมองยังอวี้ชิงลั่ว ถามเสียงเย็น “แม่นางรู้เรื่องที่อูตงบาดเจ็บได้อย่างไร… เจ้าเป็นคนทำร้ายนางหรือ”
“นี่ ศิษย์โตของหมอเฒ่าฉยงซาน ก่อนจะพูดอะไรเจ้าควรจะคิดให้ชัดเจนเสียก่อนนะ ก่อนที่จะโทษผู้อื่น ก็ต้องมีหลักฐาน ไม่อย่างนั้นหากชื่อเสียงข้าเสียหาย เจ้าจะชดใช้ไม่ไหว” เฮอะ อูตงผู้นั้นทำตัวเอง ไม่เกี่ยวกับนางเสียหน่อย
ว่านเผิงหลงผงะ สงบสติลง น้ำเสียงลดต่ำลงเล็กน้อย “เช่นนั้นแม่นาง รู้หรือไม่ว่าใครทำร้ายอูตง?”
ถึงแม้เขาจะไม่ชอบนิสัยของอูตง แต่นางก็ยังเป็นศิษย์น้องของเขา ตอนนี้อูตงยังหมดสติและยังไม่ฟื้น ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติ แม้แต่ท่านอาจารย์ยังทำได้เพียงส่ายหัวและถอนหายใจ บอกว่าดูท่าตลอดชีวิตนี้นางจะเป็นเจ้าหญิงนิทราไปตลอดแล้ว ตอนนี้หากได้รู้เบาะแสเกี่ยวกับการที่นางได้รับบาดเจ็บ เขาก็จะต้องอยากตรวจสอบให้ชัดเจน
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองเขา “รู้สิ”
ว่านเผิงหลงดวงตาเป็นประกาย “ใครกัน ตอนนี้คนผู้นั้นอยู่ที่ไหน”
!!
……………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อ้าว สรุปอูตงยังไม่ตายแต่นอนเป็นผักงี้เหรอ
ไหหม่า(海馬)