อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 651 ถูกวางยาพิษอีกครั้ง
ตอนที่ 651 ถูกวางยาพิษอีกครั้ง
ตอนที่ 651 ถูกวางยาพิษอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วหัวเราะ “คนผู้นั้นตายไปแล้ว”
ตายหรือ? เขาตายหลังจากทำร้ายอูตงหรือ? “ผู้ใดเป็นคนฆ่าเขา?”
“บิดาของลูกข้า”
“…” ว่านเผิงหลงมองอวี้ชิงลั่วด้วยความประหลาดใจ “แม่นางแต่งงานแล้วหรือ?”
ดูนางวางตัวสบาย ๆ ท่าทางเช่นนี้… ดูไม่เหมือนสตรีที่แต่งงานและมีลูกแล้วเลยจริง ๆ
และคำพูดเมื่อสักครู่นี้ของนางก็แปลกมาก ‘พ่อของลูก’ หมายความว่าอย่างไร? พ่อของลูกก็ต้องเป็นสามีของนางไม่ใช่หรือ?
อวี้ชิงลั่วไม่ตอบคำของเขา นางยังไม่ได้แต่งงาน นางยังไม่ได้แต่งงาน แต่นางมีลูกวัยห้าขวบ และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพ่อของเด็กอยู่ที่ไหน ทิ้งนางและลูกหายสาบสูญไป
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกเจ็บปวดใจมาก และไม่มีกะจิตกะใจจัดการกับว่านเผิงหลงเลย
ว่านเผิงหลงต้องการจะถามอีก แต่อวี้ชิงลั่วโบกมือแล้วพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เจ้าไม่ต้องถามข้า คนที่ทำร้ายอูตงตายไปแล้ว ส่วนสาเหตุที่ทำร้ายอูตงนั้น ข้าไม่รู้” ถึงรู้ข้าก็จะไม่บอกเจ้า
ว่านเผิงหลงอ้าปากเตรียมพูด แต่ในที่สุดเขาก็เงียบไป
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้ก็ไม่ได้เข้าใจยากแต่อย่างใด อย่างน้อยศัตรูของอูตงก็ถูกสังหารไปแล้ว
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็มองไปยังผู้อาวุโสสกุลเยว่ ที่กำลังเฝ้าดูด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วถามด้วยความเย้ยหยันว่า “ผู้อาวุโสสกุลเยว่ มาทำสัญญากันเถิดเจ้าค่ะ หากข้าสามารถรักษาอาการป่วยของคุณชายเหมิงได้ ท่านต้องยอมรับทุกคำขอของข้า”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาไม่คาดคิดว่านางจะเปลี่ยนหัวข้อเร็วถึงเพียงนี้
ส่วนเถาเหวินฮั่นซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ก็คลายความเจ็บปวดลงเล็กน้อย และเริ่มสร้างปัญหาอีกครั้ง
“แค่เจ้าหรือ? เจ้าสามารถรักษาอาการป่วยของคุณชายเหมิงได้หรือ?”
“หากข้ารักษาไม่ได้ แล้วเจ้ารักษาได้หรือไม่?” อวี้ชิงลั่วเย้ยหยัน “คนที่ล้มลงสองครั้งด้วยน้ำมือของข้ามีสิทธิ์พูดด้วยหรือ?”
หัวใจของเถาเหวินฮั่นแทบกระอักเลือด โดยเฉพาะเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าศิษย์พี่ของเขาเช่นนี้ เขารู้สึกว่าเขาทำให้อาจารย์ของเขาต้องขายหน้าไปแล้ว
เขารู้สึกหงุดหงิดมากจึงพูดเย้ยหยัน “เจ้าคงดีแต่โอ้อวด ในเมื่อเจ้าต้องการให้เขียนสัญญา และได้เรียกร้องจากผู้อาวุโสสกุลเยว่ ดังนั้นผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็จะเรียกร้องจากเจ้าด้วยเช่นกัน เขาฝากชีวิตของลูกชายของเขาไว้กับเจ้า แล้วหากเจ้าทำให้อาการของเขาแย่ลง หรือ… วิญญาณหลุดจากร่างขึ้นมา เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร?”
“ข้าจะทำอะไรได้อีก? หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะพาวิญญาณของเจ้าหลุดลอยไปกับข้าด้วยก็แล้วกัน อย่างน้อยตอนเดินทางไปยมโลกก็ยังมีคนให้ข้าแกล้งเพื่อคลายความเบื่อหน่าย”
เถาเหวินฮั่นผงะไปครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะเสียงดัง “วิญญาณหลุดไปกับเจ้าหรือ? เจ้าจะตายทั้งทียังต้องการจะลากข้าไปด้วยอีกหรือ? ฝันไปเถิด เจ้าพอจะมีทักษะอยู่บ้าง แต่ถ้าเจ้าต้องการชีวิตของข้า อึก…”
เสียงของเขาขาดห้วงกะทันหัน และรูม่านตาของเขาก็หดตัวอย่างรุนแรง
ผู้อาวุโสสกุลเยว่และท่านรองอู ที่กำลังฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองเงียบ ๆ ต่างก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ และพบว่าใบหน้าของเถาเหวินฮั่นเปลี่ยนเป็นสีเขียวเล็กน้อย และการแสดงออกของเขาก็ดูเจ็บปวดทรมาน
ว่านเผิงหลงอุทานออกมา เพราะเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ แล้วรีบก้าวเข้าไปคว้าข้อมือของเขาเพื่อจับชีพจร
วินาทีต่อมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปกะทันหัน ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองอวี้ชิงลั่ว “เจ้า เจ้าวางยาพิษเหวินฮั่นหรือ?” ตั้งแต่เมื่อใดและทำอย่างไร? เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าสตรีผู้นี้… มาจากที่ใด?
อวี้ชิงลั่วเริ่มพิงเตียงไม้แกะสลักอีกครั้ง “คุณชายว่าน ข้าบอกแล้วว่ารูม่านตาของข้ามีปฏิกิริยาโดยสัญชาตญาณ ปฏิกิริยานี้ไม่แค่สามารถจับตามองเขาได้รวดเร็วเท่านั้น แต่ยังสามารถวางยาพิษเขาได้ด้วย”
“แล้วยาแก้พิษเล่า??”
“แน่นอนว่ามียาแก้พิษ ทว่าศิษย์น้องของเจ้าไม่เชื่อว่าข้าจะรักษาคุณชายเหมิงได้ ดังนั้นโปรดรบกวนให้เขาอยู่กับข้าสักสองสามวัน เมื่อคุณชายเหมิงฟื้นแล้ว ข้าจะให้ยาแก้พิษแก่เขา”
“เจ้า…” ว่านเผิงหลงโมโหมาก เขาจ้องมองอวี้ชิงลั่วด้วยสายตาเกรี้ยวกราด “เหตุใดแม่นางจึงอยากเป็นศัตรูกับพวกเรา?”
อวี้ชิงลั่วเหยียดนิ้วของนางออก แล้วโบกมือไปทางซ้ายและขวา “เจ้าคิดผิดแล้ว ข้าแค่พิสูจน์ความสามารถของข้าให้คนที่ไม่เชื่อในทักษะทางการแพทย์ของข้าเห็น คุณชายว่านยังกังวลอยู่ไม่ใช่หรือ ว่าข้าจะแอบอ้างชื่ออาจารย์ของเจ้าข้างนอก? ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าข้าโกหกอยู่อีกหรือไม่?”
ว่านเผิงหลงพูดไม่ออก เขามองกลับไปที่เถาเหวินฮั่น แต่พบว่าผิวของเขาดูดีขึ้นมาก แม้ว่าเขาจะยังอ่อนแรง แต่ก็ยังดูมีแรงมากกว่าเมื่อสักครู่นี้
หากเป็นเช่นนี้ พิษก็จะยังไม่คร่าชีวิตของเถาเหวินฮั่นในเร็ว ๆ นี้
อาจารย์ใกล้จะกลับมาแล้ว ด้วยความสามารถของอาจารย์ พิษในร่างกายของเถาเหวินฮั่นจะถูกกำจัดให้เขาหายได้อย่างแน่นอน แล้วกลับมาหานางเพื่อคิดบัญชี
เมื่อเห็นว่าพวกเขาหยุดพูดแล้ว อวี้ชิงลั่วก็หันไปมองผู้อาวุโสสกุลเยว่ “ท่านประมุข ท่านต้องการเขียนสัญญาตอนนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ?”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่มองไปรอบ ๆ แล้วพยักหน้าหลังจากนั้นครู่หนึ่ง “…ตกลง”
“ท่านพ่อสามี” จู่ ๆ เหมิงเคอที่เฝ้ามองเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้ว สิ่งที่นางกังวลคือแม่นางถังจะขอให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่เขียนหนังสือหย่าให้นางจริง ๆ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เหมิงเคอรู้สึกเสมอว่าสิ่งที่หญิงสาวพูดที่หน้าประตู ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองนางด้วยความเย้ยหยัน “ฮูหยินออกไปก่อนได้หรือไม่? ท่านอยู่ที่นี่แล้วข้ารักษาไม่สะดวก”อวี้ชิงลั่วต้องการสงบศึกกับนางก่อนจริง ๆ แต่เมื่อนางนึกถึงสายตาของเด็กน้อยเหมิงหลัวอวี้ที่มองเข้ามา นางก็รู้สึกไม่สบายใจ เมื่อเห็นว่าเหมิงเคอยังคงมีชีวิตที่ดีและสุขสบาย อวี้ชิงลั่วก็นึกอยากจะตบนางสักที
เหมิงเคอตกตะลึงจนเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ไม่พอใจ แม้ว่าเหมิงเคอจะเป็นลูกสาวของผู้อาวุโสสกุลอื่น แต่เขาก็เฝ้าดูนางเติบโตและปฏิบัติต่อนางเหมือนลูกสาวของตัวเองเสมอ ดังนั้นเขาย่อมไม่อาจทนเห็นนางถูกดูหมิ่นเช่นนี้ได้
แต่ตอนนี้อาการป่วยของเหมิงหรงร้ายแรงมาก เหมิงเคอ… หากเจ้าจะน้อยใจก็ต้องทนน้อยใจไปก่อน เขารู้สึกว่าแม่นางถังดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่เหมิงเคอ แต่เหมิงเคอไม่เคยออกจากเผ่ามองโกเลียเลย แม้แต่คฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็แทบไม่ได้ออกไปด้วยซ้ำ เช่นนั้นจะมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนได้อย่างไร?
“เคอเอ๋อร์ เจ้าไปสั่งคนในครัวให้เตรียมอาหารเพิ่มด้วยเถิด”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และทำได้เพียงหาเรื่องให้เหมิงเคอออกจากที่นี่ จากนี้ไปต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้สองคนนี้เจอกัน
เหมิงเคอระงับความโกรธในใจอย่างสงบ นางผงกศีรษะช้า ๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้วพ่อสามี” นางพูดแล้วเงียบไปชั่วครู่ ก่อนหันกลับมามองอวี้ชิงลั่ว “แม่นางถังชอบอาหารรสชาติเช่นไร? ข้าจะให้แม่ครัวปรุงให้เป็นพิเศษ”
นางแสร้งทำเป็นใจกว้าง มีน้ำใจ อดทนและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ หากอวี้ชิงลั่วสร้างปัญหายุ่งยากให้นางอีกก็จะกลายเป็นคนใจแคบ
ยิ่งกว่านั้นคือทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นผู้ชาย พวกเขาย่อมเห็นใจหญิงงามที่ถูกรังแกไม่ใช่หรือ?
จู่ ๆ อวี้ชิงลั่วก็คิดถึงเย่ซิวตู๋มาก หากชายคนนั้นอยู่ใกล้ ๆ เขาย่อมจะยืนเคียงข้างนางโดยไม่มีเงื่อนไขแน่นอน แต่ตอนนี้เขายังคงโกรธนางอยู่ เจ้าบ้า จะโกรธไปอีกนานเพียงใดกัน
“…” เมื่อเห็นว่านานแล้วนางก็ยังไม่ตอบ เหมิงเคอก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย และมองไปที่ผู้อาวุโสสกุลเยว่ด้วยสีหน้าทำอะไรไม่ถูก
ผู้อาวุโสสกุลเยว่กำมือแน่น ผู้หญิงสกุลถังคนนี้ไม่ให้เกียรติพวกเขาเกินไปแล้ว
“แม่นางถังดูถูกอาหารที่บ้านของข้าหรือ?”
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ความไร้ยางอายของหมอปีศาจเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นแหละ พวกท่านอย่าเพิ่งตกใจไป
ไหหม่า(海馬)