อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 653 เด็กน้อย
ตอนที่ 653 เด็กน้อย
ตอนที่ 653 เด็กน้อย
“ถูกพิษ?” หมอเฒ่าฉยงซานตกตะลึง ใบหน้าของเขาฉายแววประหลาดใจ “บอกข้าอีกครั้งสิว่าใครถูกวางยาพิษ?”
“เถาเหวินฮั่น คุณชายเถา” เหมิงเคอพูดซ้ำ
หมอเฒ่าฉยงซานเย้ยหยัน “ความสามารถของในการล้างพิษและปรุงยาพิษของเหวินฮั่นยอดเยี่ยมมาก เขาจะถูกคนอื่นวางยาได้อย่างไร?”
เหมิงเคอถอนหายใจอีกครั้ง “แน่นอนว่าคุณชายเถาเป็นศิษย์ของหมอเฒ่าฉยงซาน ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะสามารถล้างพิษได้ แต่คราวนี้เขาถูกหลอก ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นใช้กลอุบายอะไร คุณชายเถาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนถูกวางยาตั้งแต่เมื่อใด คุณชายว่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมทำตามคำสั่งคนที่วางยา”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหมอเฒ่าฉยงซานก็เคร่งขรึมและมืดมนมากขึ้น
เหมิงเคอหรี่ตาลง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สีหน้าก็อ่อนโยนลง “ท่านหมอ โปรดเข้าไปดูเขาในคฤหาสน์เถิด ข้าเกรงว่ามันจะสายเกินไป พิษในร่างกายของคุณชายเถากำลังแพร่กระจาย เกรงว่า…”
หมอเฒ่าฉยงซานเขย่าตะกร้ายาในมือทันที แล้วเดินเข้าไปข้างใน “บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เหมิงเคอแอบเม้มริมฝีปาก แล้วรีบเดินตามไปขณะพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านหมอ โปรดเดินระวังด้วยเจ้าค่ะ”
นางเดินตามเขาไป และเมื่อทั้งสองเดินมาถึงหน้าศาลา เหมิงเคอก็ได้อธิบายทุกอย่างชัดเจนแล้ว
นางไม่ได้เพิ่มน้ำมันเติมน้ำส้ม และไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งเรื่องเพิ่มเติม เพราะสิ่งที่อวี้ชิงลั่วทำก็เพียงพอแล้วที่หมอเฒ่าฉยงซานจะเกลียดนางเข้ากระดูก นางยังพูดถึงเรื่องที่เถาเหวินฮั่นหลงใหลความงามของอวี้ชิงลั่วอย่างละเอียดด้วย ถึงแม้ว่าเถาเหวินฮั่นจะไม่ใช่ชายเจ้าชู้ที่เลวร้าย แต่ก็เป็นเรื่องปกติมากที่เขาจะถูกเล่ห์มารยาของสตรีตบตาเอาได้
หมอเฒ่าฉยงซานที่มีสีหน้าจริงจังยืนอยู่นอกศาลา ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ไม่ดี
เหมิงเคอรีบเดินเข้าประตูไปต่อหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่นางจะไปถึงประตูห้องของเหมิงหรง นางก็ได้ยินเสียงของอวี้ชิงลั่วดังแว่วมา “ข้าจะเก็บหนังสือสัญญาฉบับนี้ไว้ แต่ข้าคิดว่าด้วยศักดิ์ศรีของผู้อาวุโสสกุลเยว่ ต่อให้จะไม่มีเป็นสัญญาลายลักษณ์อักษร ท่านก็จะไม่เอาเปรียบข้า”
“แม่นางถังเป็นคนสุภาพนัก ตราบใดที่เจ้าสามารถรักษาอาการป่วยของหรงเอ๋อร์ได้ เจ้าย่อมสามารถเอ่ยปากพูดคุยได้ทุกเรื่อง” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ไม่ใช่คนโง่ แม่นางถังคนนี้รู้ว่านางกำลังจะรักษาลูกชายขอเขา และรู้จักตัวตนของเขาดี ดังนั้นนางจึงขอให้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับคำขอบางอย่างไว้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่านางต้องมีคำขออยู่ในใจแล้ว และคำขอนี้… เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องเล็ก
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็หวังว่าผู้อาวุโสสกุลเยว่จะให้ความร่วมมือกับข้าในระหว่างการรักษา”
“ย่อมได้ หากแม่นางต้องการยาขนานใด ข้าจะบอกคนรับใช้ให้ไปหามาทันที”
อวี้ชิงลั่วกลับส่ายศีรษะ แล้วยกนิ้วพูดว่า “ข้าเพิ่งบอกไปว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการปลุกคุณชายเหมิงให้ฟื้นก่อน ไม่เช่นนั้นแม้จะมีการสั่งยาและกรอกยาให้เขา ผลที่ได้ก็จะเหมือนเดิม คือแทบไม่ได้ผลอะไรเลย”
เหมิงเคอที่อยู่นอกประตูกำหมัดเล็กน้อย ขณะกัดฟันแน่น
คาดไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสสกุลเยว่จะเขียนสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรจริง ๆ หากแม่นางถังต้องการทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูล เขาก็จะต้องยอมหรือ?
ฮึ่ม โชคดีที่หมอเฒ่าฉยงซานอยู่ที่นี่แล้ว นางจึงต้องการดูว่าสตรีผู้นี้จะทำอะไรได้อีกต่อหน้าหมอเฒ่าฉยงซาน เกรงว่านางจะถูกผู้อาวุโสสกุลเยว่ตะเพิดออกจากคฤหาสน์ในไม่ช้ากระมัง
เหมิงเคอสูดหายใจเข้าลึก และเสียงของผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็ดังมาจากข้างในอีกครั้ง “สิ่งที่แม่นางบอกคือในอนาคตข้าต้องมาคุยกับหรงเอ๋อร์บ่อย ๆ และให้คนรับใช้ส่งเสียงดังมากกว่านี้ด้วย ข้าคิดว่าหรงเอ๋อร์จะต้องได้ยิน”
ในประเด็นนี้ ผู้อาวุโสสกุลเยว่เชื่อในสิ่งที่อวี้ชิงลั่วพูดจริง ๆ อันที่จริงมันมีเหตุผลมาก หากเขาหมดสติไปและไม่ได้ยินเสียงรอบกายเขาเลย หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เขาก็อาจหมดหวังและไม่มีความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอด
ดังนั้นผู้อาวุโสสกุลเยว่จึงยอมรับความคิดที่ว่าให้ส่งเสียง เพื่อให้เหมิงหรงฟื้นขึ้นโดยเร็วที่สุด
ทว่าเขาไม่กล้าไว้วางใจยาที่อวี้ชิงลั่วจะนำมาให้ในอนาคตอย่างเต็มที่ และเขาจะนำยานั้นไปให้หมอคนอื่นดูก่อนแน่นอน
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า “เป็นเรื่องดีที่ท่านผู้อาวุโสเข้าใจ แต่…”
“แต่อะไร?”
“ผู้อาวุโสสกุลเยว่มีธุระที่ต้องจัดการมากมาย และไม่สามารถมาพูดคุยกับคุณชายเหมิงได้บ่อยนัก อีกทั้งหากท่านแจ้งให้คุณชายเหมิงรู้ว่าท่านทำธุระของตัวเองและธุระของชาวเหมิงล่าช้าเพราะอาการป่วยของเขา ข้าก็เกรงว่าเขาจะรู้สึกละอายใจและไม่สบายใจที่ต้องตื่นขึ้นมาพบท่าน” อวี้ชิงลั่วส่ายหน้าและถอนหายใจ
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตกใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แม้ว่าเหมิงหรงจะไม่ได้ฉลาดเป็นพิเศษ แต่เขาก็ยังมีเหตุผล ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้ตนละเลยงาน เพราะมีเขาเป็นสาเหตุ
หลังจากคิดเรื่องนี้ ผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็ลังเล “หากเป็นเช่นนั้นก็ให้เคอเอ๋อร์มาแทน เคอเอ๋อร์เป็นภรรยาของหรงเอ๋อร์ และนางคงหน้าที่นี้ได้ดีที่สุด”
อวี้ชิงลั่วลอบเย้ยหยันอยู่ในใจ แต่สีหน้าของนางแสดงความกังวล “คือว่า…”
“ทำไม มีอะไรผิดปกติหรือ?” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ขมวดคิ้ว เขาคิดว่าอวี้ชิงลั่วดูเหมือนจะไม่ชอบเหมิงเคอ แต่สุดท้ายในใจเขาตอนนี้ก็ยังคงชอบเหมิงเคออยู่ดี
อวี้ชิงลั่วหัวเราะ “มีบางอย่างผิดปกติ ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ข้าได้ยินมาว่าฮูหยินต้องดูแลกิจการทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็กทั้งหมดในบ้านหลังนี้ หลายสิ่งหลายอย่างเหล่านั้นเพียงพอให้ฮูหยินกังวลใจอยู่แล้ว นางก็เหมือนกับท่าน หากกิจการต่าง ๆ ล่าช้าเพราะเรื่องนี้ ก็จะทำให้ชื่อเสียงของคฤหาสน์ผู้อาวุโสสกุลเยว่เสียหาย และคุณชายจะรู้สึกไม่สบายใจ”
หลังจากได้ยินสิ่งที่นางพูด ผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็เข้าใจมากขึ้น และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เช่นนั้นก็ให้คนรับใช้ในคฤหาสน์มาคุยกันข้าง ๆ หรงเอ๋อร์ได้หรือไม่?” วิธีนี้จะดีหรือไม่?
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจู่ ๆ ก็ตบมือ แล้วพูดว่า “แน่นอนว่าจะดีที่สุดหากญาติสนิทของคุณชายเหมิงมาอยู่เคียงข้างเขา ทั้งท่านและฮูหยินไม่อาจมาอยู่ได้ตลอด ไม่ทราบว่าคุณชายเหมิงมีลูกหรือไม่? เด็กน้อยมีนิสัยร่าเริงแจ่มใส และมักจะชื่นชมพ่อของตน และปกติก็ไม่ค่อยมีอะไรทำอยู่แล้ว เด็กน้อยจึงเหมาะสมที่สุด”
ผู้อาวุโสผู้อาวุโสสกุลเยว่ตกตะลึง เด็กน้อยหรือ?
หรงเอ๋อร์และเคอเอ๋อร์แต่งงานกันมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่มีลูก ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าอาย
เมื่อเห็นผู้อาวุโสสกุลเยว่ครุ่นคิดอยู่นาน อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย นี่แทบจะไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเหมิงหลัวอวี้เลยหรือ? กระทั่งผู้อาวุโสสกุลเยว่ยังไม่นึกถึงนางเลย ดูเหมือนว่าเหมิงเคอคนนี้ครอบงำคนทั้งคฤหาสน์นี้ได้แล้วจริง ๆ
ส่วนท่านรองอูนั้น หลังจากตกตะลึงไปครู่หนึ่งก็เอ่ยเตือนว่า “ข้าจำได้ว่ามีเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งอยู่ในคฤหาสน์…”
ใบหน้าของเหมิงเคอนอกประตูเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที ลอบกรีดร้องอยู่ในใจ เพราะกลัวว่าผู้อาวุโสสกุลเยว่จะนึกถึงเหมิงหลัวอวี้ที่ถูกลืมไปนานแล้ว ตอนนี้เหมิงหลัวอวี้ไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์ และถ้าเขาต้องการตรวจสอบจริง ๆ นางจะไปหาเด็กคนนั้นได้จากที่ไหน
คิดได้ดังนั้น เหมิงเคอก็รีบก้าวเข้าไปขัดจังหวะการพูดของท่านรองอู “ท่านพ่อสามี”
ทุกคนในห้องหันมามองนางเป็นตาเดียว แม้แต่ว่านเผิงหลงและเถาเหวินฮั่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็หันหน้ามามองด้วยความประหลาดใจ
“เหตุใดเจ้าจึงกลับมา?” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ถามด้วยความแปลกใจ
เหมิงเคอเหลือบมองอวี้ชิงลั่วด้วยหางตา และพูดด้วยเสียงที่ทุกคนในห้องได้ยินว่า “หมอเฒ่าฉยงซานมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
!!
……………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ระหว่างหมอปีศาจกับฮูหยินตระกูลเหมิงใครจะเป็นฝ่ายเหนือกว่า มาติดตามกันค่ะ
ไหหม่า(海馬)