อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 657 มีเด็กอยู่ในบ้านหรือไม่
ตอนที่ 657 มีเด็กอยู่ในบ้านหรือไม่?
ตอนที่ 657 มีเด็กอยู่ในบ้านหรือไม่?
ใบหน้าของเหมิงเคอซีดเผือดอยู่แล้ว เมื่อเห็นหมอเฒ่าฉยงซานชี้มาที่นางและพูดเช่นนี้ หน้าของนางก็ยิ่งซีดราวกับกระดาษ
นางจะรู้ได้อย่างไรว่าหมอเฒ่าฉยงซานรู้จักกับสตรีแซ่ถังคนนี้จริง ๆ อีกทั้งยังปฏิบัติกับนางดีกว่าลูกศิษย์ของตนด้วย
บัดนี้ราวกับว่านางถูกใครบางคนตบอย่างรุนแรง จนรู้สึกหนาวยะเยือกไปทั่วทั้งร่าง และไอเย็นนั้นก็ลามขึ้นมาจากฝ่าเท้าของนาง
ครู่หนึ่งสายตาของทุกคนในห้องก็จับจ้องมาที่นางเป็นตาเดียว เหมิงเคอรีบโบกมือและส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
“ไม่หรือ?” หมอเฒ่าฉยงซานเย้ยหยัน “เจ้าบอกว่าเหวินฮั่นถูกคนชั่ววางแผนเล่นงานไม่ใช่หรือ? คนชั่วหรือ? ลั่วลั่วหรือที่เป็นคนชั่ว? เจ้าเป็นถึงฮูหยินใหญ่ ทว่าการกระทำและวาจาไม่เหมาะสม อีกทั้งยังมีอคติด้วย เจ้าหลอกให้ข้าเข้ามาด้วยการพูดเกินจริง โดยบอกว่าเหวินฮั่นจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน และเจ้าก็ใจร้ายกับคนที่ต้องการช่วยชีวิตสามีของเจ้า ลั่วลั่วต้องมาทำอะไรที่นี่อีก? ในเมื่อไม่มีใครชอบนาง นางก็ย่อมรู้สึกไม่ดีที่จะอยู่ที่นี่ต่อ ไปกันเถิดลั่วลั่ว”
ใบหน้าของเหมิงเคอกลายเป็นซีดขาวหม่นหมองเพราะคำพูดของเขา แต่นางก็ไม่อาจโต้เถียงได้เลยแม้แต่คำเดียว นางคิดว่าหมอเฒ่าฉยงซานจะเป็นห่วงลูกศิษย์ตัวเองมากและจะต้องเกลียดคนที่เข้ากันกับลูกศิษย์ของเขาไม่ได้จนเข้ากระดูก นอกจากนี้นางยังรู้สึกรำคาญเล็กน้อยที่ถูกอวี้ชิงลั่วยั่วยุ ดังนั้นนางก็หวังว่าหมอเฒ่าฉยงซานจะปรากฏตัวและทำให้อวี้ชิงลั่วอับอาย นางจึงเลือกใช้ถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรงต่อหน้าเขา
ทว่าผลลัพธ์นั้นเหนือความคาดหมายของทุกคน และสิ่งที่ทำให้นางอายยิ่งกว่าก็คือหมอเฒ่าฉยงซานพูดสิ่งที่นางพูดให้เขาฟังต่อหน้าทุกคนซ้ำอีกรอบ ไม่ว่าอย่างไร คนผู้นี้ก็ไม่ยอมน้อยหน้าใครและไม่ยึดตามเหตุผลทั่วไป
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ขมวดคิ้วขณะมองไปยังเหมิงเคอ คาดไม่ถึงเลยว่านางจะพูดถ้อยคำดูถูกคนอื่น ต่อหน้าหมอเฒ่าฉยงซานเช่นนี้ วันนี้เคอเอ๋อร์เป็นอะไรไป? เหตุใดจึงดูเหมือนคนใจแคบนัก?
อวี้ชิงลั่วลอบยกนิ้วโป้งให้หมอเฒ่าฉยงซานเงียบ ๆ โดยเฉพาะเมื่อนางเห็นว่าเขาหันหน้ามายิ้มให้นาง นางรู้ว่าแท้จริงแล้วหมอคนนี้เป็นคนโปร่งใส เกรงว่าระหว่างทางเหมิงเคอคงจะพูดเป็นนัยให้เขาฟังว่านางเป็นหญิงชั่ว และหมอเฒ่าฉยงซานก็ตัดสินได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเหมิงเคอนั้นไม่ดี และนี่คือการช่วยนางกล่าวโทษเหมิงเคอ
โดยเฉพาะเมื่อเห็นท่าทางของผู้อาวุโสสกุลเยว่ นางก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น
ผู้อาวุโสสกุลเยว่มีความประทับใจที่ดีต่อเหมิงเคอ ความรู้สึกไว้วางใจอย่างลึกซึ้งของเขานั้นแปลกประหลาดมาก ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่นางยอมรับไม่ได้ ตอนนี้นางจึงต้องคิดหาวิธีลดทอนความรู้สึกดีของผู้อาวุโสสกุลเยว่ที่มีต่อเหมิงเคอทีละนิด ซึ่งการเปลี่ยนจากความชอบไปสู่ความเกลียดชังเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
เมื่อนึกได้ดังนั้น อวี้ชิงลั่วก็ทำตามคำพูดของหมอเฒ่าฉยงซาน ด้วยการเดินออกไป
ผู้อาวุโสสกุลเยว่กระวนกระวายมากทันที เขารีบก้าวเข้าไปอธิบายด้วยความสำนึกผิด “ท่านหมอ ท่านหมอโปรดอยู่ต่อเถิด แม่นางถัง เคอเอ๋อร์ไม่ได้หมายความเช่นนั้น นางพูดจาเหลวไหล ฉะนั้นอย่าเสียเวลาไปเถียงกับนางเลย ไม่ต้องห่วง บ้านนี้ไม่มีใครกล้าละเลยเจ้าหรอก”
อวี้ชิงลั่วไม่พูด แต่หมอเฒ่าฉยงซานตะคอกอย่างเย็นชา “ละเลยไปแล้ว”
“ท่านหมอ…” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ทำอะไรไม่ถูก หมอเฒ่าฉยงซานไม่ได้ใจดีและคุยด้วยง่ายเหมือนในข่าวลือ
แม้แต่ว่านเผิงหลงที่อยู่ด้านข้างก็ยังประหลาดใจเล็กน้อย อาจารย์ของเขาใจดีจริง ๆ เมื่อเขาพบผู้ป่วยที่ต้องการการรักษา เขามักจะเข้าไปจับชีพจรโดยไม่เอ่ยคำใดสักคำ เมื่อเทียบกับหมอปีศาจที่ลึกลับและคาดเดาไม่ได้แล้ว อาจารย์มีความเห็นอกเห็นใจมากกว่านัก
เหตุใดวันนี้ช่างผิดปกติ?
นอกจากนี้เขายังทนเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของผู้อาวุโสสกุลเยว่ไม่ได้ สุดท้ายเขาก็อยู่ในคฤหาสน์มานาน จึงเห็นว่าผู้อาวุโสสกุลเยว่กังวลเรื่องอาการป่วยของเหมิงหรงมากเพียงใด ผู้อาวุโสสกุลเยว่สามารถละทิ้งทุกสิ่งได้จริง ๆ เพื่อช่วยบุตรชายคนนี้
ดังนั้นว่านเผิงหลงจึงก้าวเข้าไปพูดว่า “ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านไม่ลองตรวจคุณชายเหมิงก่อนเล่าขอรับ อาการของคุณชายเหมิงแปลกมากจนศิษย์คนนี้ทำอะไรไม่ถูกเลยขอรับ”
“เจ้าก็จะรั้งข้าไว้ด้วยหรือ?” หมอเฒ่าฉยงซานจ้องเขม็ง
ว่านเผิงหลงสำลักและนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาไม่กล้าพูดอะไรอีกในทันที และรีบถอยห่างเพื่อหลีกทางให้เขา
หมอเฒ่าฉยงซานพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วเดินไปข้างหน้าต่อไป
แต่หลังจากเดินไปได้สองก้าว อวี้ชิงลั่วก็หยุดเขาไว้ เขาจึงหันกลับมามองนาง พร้อมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
อวี้ชิงลั่วยกยิ้ม แล้วพูดว่า “ท่านหมอ ท่านอย่าได้โกรธเคืองเลย เป็นเรื่องปกติที่สตรีผู้นี้จะใส่ร้ายข้า อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่คิดว่านางจะสนใจอาการป่วยของคุณชายเหมิงมากนักหรอก ไม่เช่นนั้นนางคงจะไม่หยาบคายกับหมอเช่นนี้ แต่ไม่คิดเลยว่านางจะไม่สนใจถึงเพียงนี้ เกรงว่าในใจของนางคงจะมีความแค้นส่วนตัวกับเขาด้วย ไม่เช่นนั้นเหตุใดนางจึงไม่พูดถึงอาการป่วยของคุณชายเหมิงให้ท่านฟัง แต่กลับพูดจาใส่ร้ายข้าให้ท่านฟังแทน?”
ดวงตาของเหมิงเคอเบิกกว้าง สตรีผู้นี้พูดจากลับกลอกถึงเพียงนี้
แต่ผู้อาวุโสสกุลเยว่ฟังถ้อยคำเหล่านี้ ใช่แล้ว หรงเอ๋อร์ป่วยหนัก แต่สิ่งแรกที่เคอเอ๋อร์พูดเมื่อนางพบหมอเฒ่าฉยงซาน ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับอาการของหรงเอ๋อร์ แต่พยายามเอาชนะแม่นางถังทุกวิถีทาง พฤติกรรมเช่นนี้ช่าง…
ผู้อาวุโสสกุลเยว่มองเหมิงเคอด้วยสายตาแปลก ๆ
เหมิงเคอตกใจจนน้ำตาไหลพราก “ไม่ ข้าแค่กังวลว่าหมอเฒ่าฉยงซานจะจากไป ข้าจึงพูดเรื่องที่คุณชายเถาถูกวางยา…”
“แต่ผู้อาวุโสสกุลเยว่กำลังกังวลเรื่องลูกชายของเขาจริง ๆ” อวี้ชิงลั่วรู้ว่านางกำลังจะใช้แผนแสดงอารมณ์ นางจึงรีบขัดจังหวะทันที แล้วมองไปที่ผู้อาวุโสสกุลเยว่ด้วยท่าทางที่เป็นมิตรมาก “ในฐานะที่หมอเปรียบดังพ่อแม่ สิ่งที่ทำให้เป็นห่วงและกังวลที่สุดก็คือลูก ๆ ของพวกเขาเอง ผู้อาวุโสสกุลเยว่กังวลเรื่องอาการป่วยของคุณชายเหมิงนัก หากพวกเราไม่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ข้าเกรงว่าผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็จะล้มป่วยเช่นกัน เพื่อเห็นแก่ผู้อาวุโสสกุลเยว่ เราควรช่วยเหลือเขา”
“ใช่แล้วๆ แม่นางถังเป็นคนใจดีมาก และหมอก็เป็นหมอที่มีเมตตาด้วยเช่นกัน โปรดอยู่ต่อตามสบายเถิด” อูเหมี่ยนเซิงที่เงียบมานานรีบตกลงทันที ตอนนี้เมื่อเห็นว่าหมอเฒ่าฉยงซานและแม่นางถังรู้จักกัน และทักษะทางการแพทย์ของแม่นางถังก็ได้รับการยืนยันจากหมอเฒ่าฉยงซานอีกครั้ง เขาก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นอีกในใจ
ผู้อาวุโสสกุลเยว่พยักหน้า และมองอวี้ชิงลั่วด้วยความซาบซึ้ง
ไม่ว่าเป้าหมายสูงสุดของนางจะเป็นอะไร แต่ในตอนนี้เขารู้สึกโล่งใจอย่างแท้จริง
เมื่อเห็นดังนั้น ในที่สุดหมอเฒ่าฉยงซานก็พยักหน้า “ไม่เป็นไร ตามใจลั่วลั่วแล้วกัน”
มีรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้อาวุโสสกุลเยว่ เขารีบสั่งให้คนรับใช้ไปชงชาชั้นดีมา ตอนนี้เขาไม่กล้าละเลยอวี้ชิงลั่วเลยแม้แต่น้อย
อวี้ชิงลั่วเชิดคางขึ้น แล้วพูดกับหมอเฒ่าฉยงซานว่า “ท่านสัมผัสชีพจรของเขา”
หมอเฒ่าฉยงซานรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง เขาก็นึกได้ว่าเขาสามารถพูดคุยเรื่องทักษะทางการแพทย์ของอาการนี้กับนางได้ เขาจึงพยักหน้าและสัมผัสชีพจรของเขา
จากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ลูบเคราและถามอวี้ชิงลั่วว่า “เจ้าว่าอย่างไร?”
“แม่นางถังบอกว่าต้องทำให้คุณชายเหมิงฟื้นก่อนขอรับ” ว่านเผิงหลงก้าวเข้ามาพูดด้วยเสียงเบา ตามที่อวี้ชิงลั่วบอกไว้ก่อนหน้านี้
หมอเฒ่าฉยงซานตบต้นขาของตน แล้วพยักหน้าหลายครั้ง “อืม สมเหตุสมผลจริง ๆ ลั่วลั่ว เจ้าเก่งมาก ทำเช่นนั้นกันเถิด”
อวี้ชิงลั่วยกยิ้ม แล้วหันไปมองผู้อาวุโสสกุลเยว่ ก่อนชำเลืองมองเหมิงเคอด้วยหางตา และพูดเบา ๆ ว่า “อย่างที่ข้าพูดไปแล้วก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ท่านมี… เด็กอยู่ในบ้านหรือไม่?”
!!
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เธอเตรียมตัวหลุดจากตำแหน่งคนโปรดของบ้านได้เลยนังเหมิงเคอ เจตนาร้ายชัดเจนขนาดนี้
น้องอวี้คงจะได้กลับบ้านมาหาพ่อแล้วสินะ
ไหหม่า(海馬)