อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 660 รักษาได้
ตอนที่ 660 รักษาได้
ตอนที่ 660 รักษาได้
เด็กคนนั้นตกตะลึงไปเล็กน้อย ไม่ว่านางจะมีกำลังมากเพียงใด นางก็เป็นเพียงเด็กอายุห้าขวบเท่านั้น
ตอนนี้นางกลัวฝีมือของอวี้ชิงลั่วจริง ๆ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่พ่อแม่และฮูหยินสั่งไว้ หัวใจของนางก็สั่นสะท้าน จึงยังคงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
อวี้ชิงลั่วรู้ดีว่านี่คือการแสดง เด็กคนนี้ไม่ใช่สายเลือดของเหมิงหรง แต่ต้องเป็นเด็กที่เหมิงเคอหาตัวมารับมือนาง ฉะนั้นเด็กคนนี้จะเป็นบ้าได้อย่างไร?
เฮ้อ ไม่ว่าเหมิงเคอจะมีความคิดอย่างไร นางก็รู้ทันอยู่ดี
หากนางบอกว่าเด็กไม่ได้บ้า แต่พฤติกรรมของเด็กคนนี้ก็ดูโง่เขลาเกินไปจริง ๆ หากนางบอกไปว่าเด็กไม่บ้า เหมิงเคอก็จะไม่ยอมรับ และยังทำให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่สงสัยในทักษะทางการแพทย์ของนางด้วย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็มาลองดูกัน
เหมิงเคอรีบก้าวเข้าไปถามด้วยเสียงเบาว่า “แม่นางถัง เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้? รักษาได้หรือไม่? ข้ารู้ว่าโรคที่เป็นมาตั้งแต่เกิดนั้นรักษาได้ยาก แต่ข้าก็ยังหวังว่าแม่นางถังจะทำให้ดีที่สุด อย่างไรเสียเด็กคนนี้ก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณชาย ข้าคิดหาวิธีมากมายเพื่อรักษาอาการบ้าคลั่งของนาง หากเจ้ารักษานางได้ ข้าจะขอบคุณเจ้าจริง ๆ”
อวี้ชิงลั่วปล่อยมือข้างหนึ่ง แล้วเงยหน้าพูดกับอูเหมี่ยนเซิงว่า “ท่านรองอู ช่วยดูเด็กคนนี้แทนข้าหน่อยเถิด”
นางพูดจบแล้วก็ปล่อยมืออีกข้าง ให้เขาจับข้อมือของเด็กไว้
ท่านรองอูพยักหน้า แม้เขาจะมีวิทยายุทธ์ แต่เขาก็รู้ดีเรื่องการออกแรง แรงจับของเขาจึงไม่มากนัก แต่ก็จะไม่ปล่อยให้เด็กหลุดมือออกไปอาละวาดได้
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็มองไปยังเหมิงเคอที่กำลังกลั้นหายใจรอคำตอบ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “โรคบ้าของเด็กคนนี้ค่อนข้างร้ายแรงมาก”
เหมิงเคอตกตะลึง เหตุใดนางจึงพูดเช่นนี้? หากสตรีสกุลถังคนนี้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม นางก็น่าจะรู้ชัดเจนว่าเด็กไม่ได้บ้าไม่ใช่หรือ?
หัวใจของเหมิงเคอเต้นไม่เป็นจังหวะ ลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ก้าวเข้าไปถามด้วยเสียงเบา “แต่สามารถช่วยเหลือได้ใช่หรือไม่?”
“ผู้อาวุโสสกุลเยว่ไม่ต้องกังวล ข้าสัญญาว่าจะทำให้หลานของท่านกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง” นางหมายถึงเหมิงหลัวอวี้ที่กำลังนั่งฝึกอ่านเขียนหนังสืออยู่ที่โรงเตี๊ยม
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มกว้าง เขารู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่สวรรค์เมตตาเขาแล้ว แม่นางถังคนนี้บอกว่าโรคของหรงเอ๋อร์สามารถรักษาได้ และตอนนี้นางยังบอกว่าอาการสติไม่ดีของหลานสาวของเขาก็จะหายด้วย ถ้าหายจริงเขาจะไปไหว้พระด้วยตนเอง
เหมิงเคอขมวดคิ้ว แล้วถามเสียงเบาว่า “แม่นางถัง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถรักษาได้จริง ๆ?”
“เจ้าพูดจาเหลวไหลมากเกินไปแล้วหรือไม่? แม้แต่ข้ายังชื่นชมทักษะทางการแพทย์ของลั่วลั่ว เจ้าเป็นคนธรรมดาแล้วจะรู้อะไร?” หมอเฒ่าฉยงซานร้อนใจยิ่งนัก ตอนนี้เขาแทบรอไม่ไหวที่จะจัดการปัญหาในคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่ เป็นการดีที่สุดที่จะออกไปจากที่นี่เพื่อรำลึกถึงอดีตกับอวี้ชิงลั่ว และพูดคุยเรื่องโรคที่เขาพบในช่วงนี้ พร้อมปรึกษาเรื่องวิธีรักษา
หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ แม้วัยของเขาจะล่วงเลยมาถึงตอนนี้ เขาก็ยังคงกระหายใคร่รู้
เมื่อเหมิงเคอถูกเขาตำหนิเช่นนั้น นางก็หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าหมอเฒ่าฉยงซานได้รับความเคารพอย่างสูง ตราบใดที่เขายังเป็นผู้อาวุโส มันก็ไม่ง่ายเลยที่นางจะต่อว่าเขาต่อหน้าผู้อาวุโสสกุลเยว่
ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยิ้มอย่างอับอาย และถอยหลังไปสองก้าว ทว่าเมื่อนางสบสายตากับเด็ก ก็แอบส่งคำเตือนเป็นนัย
แม้เด็กคนนี้จะยังเด็กมาก แต่นางก็จำคำศัพท์บางคำได้ชัดเจน ตัวอย่างเช่น พ่อของนางบอกว่าหากนางไม่ทำตามที่ฮูหยินสั่ง ครอบครัวของนางก็จะไม่มีที่อยู่ หรือตอนที่แม่ของนางบอกว่าถ้านางทำข้าวของเสียหาย นางจะไม่สามารถกินข้าวที่บ้านได้อีก และจะต้องเป็นทาสนวดหลังและรินน้ำชาให้พี่ชายของนางทุกวัน เพื่อแลกกับอาหาร หรือตอนที่ฮูหยินบอกว่าถ้านางไม่เชื่อฟัง ชีวิตน้อย ๆ ของนางก็จะต้องจบสิ้นลง
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เด็กน้อยก็อดตัวสั่นสะท้านไม่ได้ ดวงตาของนางมีน้ำตาคลอหน่วย และนางดูเศร้าสร้อยจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง นางพอจะเดาได้ว่าสตรีโหดร้ายอย่างเหมิงเคอจะใช้วิธีใดในการคุกคามขู่เข็ญผู้อื่น
ทว่าบางครั้งก็ไม่สามารถเลือกทั้งสองอย่างได้ ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเหมิงหลัวอวี้มีความลึกซึ้งมาก และเด็กคนนั้นได้รับความทุกข์ทรมานไม่น้อยไปกว่าใครเลย
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก แล้วขยับตัวเล็กน้อยเพื่อปิดกั้นสายตาของเหมิงเคอที่จ้องไปยังนัยน์ตาน่าเวทนาของเด็กคนนั้น ลอบถอนหายใจ
นางค่อย ๆ หยิบเข็มออกมาโบกไปมาต่อหน้านาง ความหวาดกลัวแวบวาบไปทั่วตัวเด็กทันที อวี้ชิงลั่วยกยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล หากเจ้าเป็นบ้าจริง เข็มนี้จะทำให้เจ้าดีขึ้น แต่หากเจ้าไม่ได้บ้า เข็มเล่มนี้อาจจะทำให้เจ้าไม่อาจขยับมือได้อีกเลยในอนาคต”
ทันทีที่อวี้ชิงลั่วพูดจบ นางก็ได้ยินเสียงหอบหายใจของเด็กน้อยอย่างชัดเจน
อวี้ชิงลั่วยกยิ้ม แล้วเอียงศีรษะ ก่อนปักเข็มเงินลงไปที่แขนของนาง
เด็กน้อยตัวสั่นสะท้าน และรู้สึกชาไปทั่วทั้งแขน แล้วก็ไม่สามารถยกขึ้นได้อีก นางอยากจะยกแขนขึ้น แต่ก็ไร้ประโยชน์หลังจากพยายามอยู่นาน
ความหวาดกลัวฉายชัดในแววตาของนาง แต่เมื่อเทียบกันแล้ว เห็นได้ชัดว่าชีวิตสำคัญกว่าแขน
นางกัดฟันแล้วหลับตาลงทันที ขบฟันแน่นเพื่อพยายามฝืนร่างกายที่สั่นสะท้าน
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว เด็กคนนี้… ถูกเหมิงเคอขู่ว่าอะไรกัน?
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหยิบเข็มเงินออกมาอีกครั้ง แล้วพูดเบา ๆ “หากเจ้าไม่ได้บ้า เข็มนี้จะทำให้ขาของเจ้าใช้การไม่ได้อีก จากนี้ไปข้าเกรงว่าเจ้าจะต้องนั่งบนเตียงไปตลอดชีวิต และไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถึงตอนนั้น พ่อแม่ของเจ้าก็คงไม่ต้องการเลี้ยงดูเจ้าหรอก พวกเขาจะโยนเจ้าเข้าป่าไป แล้วปล่อยให้หมาป่ามาจับตัวเจ้าไปกิน”
เด็กน้อยรู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง แม้จะหวาดกลัวอยู่ในใจ แต่นางก็เข้าใจความหมายของสิ่งที่อวี้ชิงลั่วพูด นางบอกว่าพ่อแม่ของนางจะไม่ต้องการเลี้ยงดูนางอีกต่อไปงั้นหรือ? ตอนนี้นางกำลังรับบทเป็นคุณหนูของคฤหาสน์ผู้อาวุโสสกุลเยว่ แล้วนางจะถูกโยนเข้าไปในป่าได้อย่างไร?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าหมอตรงหน้านางจะรู้จักนาง และรู้ว่านางไม่ใช่คุณหนูตัวจริง?
อวี้ชิงลั่วรอนางอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่านางลังเล แต่ก็ยังคงกัดริมฝีปากแน่น ราวกับพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้พูดอะไรออกมาอย่างเต็มที่
อวี้ชิงลั่วคิดว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นมาก และนิสัยของนางก็ไม่ได้ไปด้อยกว่าสตรีผู้นั้นเลย
นางชะงักไปครู่หนึ่ง แต่เข็มในมือของนางก็ยังคงปักลงไปในเนื้อเด็ก
เด็กน้อยรู้สึกว่าขาของนางอ่อนปวกเปียก และทั้งตัวก็ทรุดฮวบลงกับพื้น ในที่สุดนางก็ไม่อาจเก็บอารมณ์ได้อีกต่อไป และน้ำตาก็ไหลพรากทันที
มือและเท้าของนางไร้ประโยชน์ นางกลายเป็นขยะ พ่อแม่ของนางไม่ชอบให้นางเป็นคนขี้แพ้ และนางไม่เป็นที่โปรดปรานเท่ากับพี่ชายที่บ้าน แล้วตอนนี้นางไม่สามารถทำอะไรได้อีก เห็นทีนางคงจะถูกโยนทิ้งแล้วจริง ๆ
แต่ แต่นางยังต้องการรักษาชีวิตของตัวเองไว้ ฮูหยินคนนี้เป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตจริง ๆ นางเป็นคน… ฆ่าคุณหนูของคฤหาสน์นี้ นางฆ่าเสี่ยวอวี้
อวี้ชิงลั่วหยุดมือไปเล็กน้อย และเริ่มรู้สึกหมดความอดทน
นางบีบมือเด็กเบา ๆ แล้วกระซิบแผ่วเบาว่า “ครั้งนี้เจ้าไว้ใจข้าได้”
เด็กน้อยชะงัก แล้วมองนางด้วยความประหลาดใจ
…………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แน่ล่ะว่าต้องรักษาได้ เพราะเด็กคนนี้ไม่ได้บ้า
ไหหม่า(海馬)