อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 661 ข้ากลัว
ตอนที่ 661 ข้ากลัว
ตอนที่ 661 ข้ากลัว
อวี้ชิงลั่วมักจะใจร้ายกับเด็กไม่ลง โดยเฉพาะเด็กโตแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
นอกจากนี้ตัวเด็กเองก็ไม่ได้ทำอันใดผิด เพียงไม่สามารถทำตามใจตนเองได้ นางไม่อยากให้อีกฝ่ายจะต้องเจ็บปวดมากเกินไป หากยังทำต่อไปเช่นนี้ กลัวว่าเด็กจะพังทลายลงได้จริงๆ
เด็กคนนั้นรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่หลังมือ ก่อนมองไปยังสายตาที่อ่อนโยนของอวี้ชิงลั่ว
คงเพราะอยู่กับเด็กๆ มานาน สำหรับเด็กๆ แล้ว อวี้ชิงลั่วจึงให้ความรู้สึกน่าอยู่ใกล้ไปโดยปริยาย
“ข้า ข้ากลัว” ในที่สุดนางก็กล่าวออกมาเบาๆ คำหนึ่ง “หากไม่ฟังฮูหยิน ข้าต้องตายแน่”
นางเอ่ยด้วยเสียงเบามาก นอกจากอวี้ชิงลั่วแล้ว อูเหมี่ยนเซิงที่จับนางอยู่ก็ได้ยินเช่นกัน เขามองเด็กน้อยด้วยความตกใจ พูดอะไรไม่ออก
เด็กโง่ที่ไหนจะพูดเช่นนี้ออกมาได้ อีกทั้งหลังฟังความหมายของนางแล้ว หรือว่า…หรือว่าจะเป็นเหมิงเคอที่ขู่ให้นางพูด
อูเหมี่ยนเซิงเงยหน้ามองเหมิงเคอในทันใด แต่เห็นว่านางกำลังขมวดคิ้วแล้วมองไปยังเด็กที่ถูกอวี้ชิงลั่วขวางไว้ด้วยแววตาดุดัน
นี่เป็นครั้งแรกที่อูเหมี่ยนเซิงได้เห็นเหมิงเคอที่มักจะอ่อนโยนและแสนดีมีแววตาดุดันเช่นนี้ เขานึกประหลาดใจในทันที รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก ราวกับว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
บนใบหน้าอวี้ชิงลั่วปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “เจ้าบอกข้ามาสิ เจ้าชื่ออะไรหรือ”
เด็กคนนั้นคิด นางรู้อยู่แล้ว นางรู้ว่าตนไม่ใช่เสี่ยวอวี้ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงถามคำถามเช่นนี้ หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบเบาๆ “เถี่ยชิวเอ๋อร์เจ้าค่ะ ข้าเป็นบุตรสาวของผู้เฝ้าประตูจวน เถี่ยเหลียง”
“…” เหตุใดชื่อนี้จึงฟังดูขอไปทีเช่นนี้นะ อวี้ชิงลั่วเงียบไป พยักหน้าแล้วกล่าว “ชิวเอ๋อร์รู้จักคุณหนูของบ้านนี้หรือไม่”
“อืม เสี่ยวอวี้นาง… นางไม่อยู่จวนเจ้าค่ะ” นางกล่าวพลางก้มหน้าลง จากนั้นก็กล่าวเสริมเบาๆ “ฮูหยิน… กำลังส่งคนไปตามฆ่านาง”
นี่เป็นสิ่งที่นางบังเอิญไปได้ยินมา ตอนแรกเมื่อได้ยินเรื่องนี้ก็ตกใจจนฝันร้ายตลอดวัน ทั้งยังผอมซูบลง
ในขณะเดียวกัน เรื่องนี้ก็ติดค้างอยู่ในใจนางมานาน นางอยากจะกล่าวออกมา อยากจะให้คนที่ทำร้ายเสี่ยวอวี้ต้องโดนลงโทษ แต่อีกฝ่ายกลับเป็นฮูหยิน นางจึงไม่รู้จะไปบอกใคร ผู้อาวุโสสกุลเยว่ย่อมไม่มีทางเชื่อนาง ท่านพ่อท่านแม่ยิ่งไม่มีทางอยู่ข้างนางเป็นแน่
ด้วยกำลังใจและสายตาของอวี้ชิงลั่ว อีกทั้งคำพูดเมื่อครู่ของนาง ทำให้ในที่สุดนางก็มีความคิดที่จะยกมันออกจากอก
แต่ทันทีที่กล่าวออกไป นางก็ค่อนข้างนึกย้อนเสียใจ อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นคนแปลกหน้า หากกล่าวเช่นนี้ออกไปก็ไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
อวี้ชิงลั่วลูบใบหน้าของนาง จากนั้นก็ดึงเข็มเงินออกจากร่างของนาง
เพียงดึงเข็มเงินออก เถี่ยชิวเอ๋อร์ก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่าง ความรู้สึกอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเมื่อครู่หายไปแล้ว แขนขาเริ่มมีแรงอีกครั้ง
นางมองอวี้ชิงลั่วอย่างสงสัย อวี้ชิงลั่วกลับเหลือบตาไปมองอูเหมี่ยนเซิง
อูเหมี่ยนเซิงอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เหมิงเคอส่งคนไปตามฆ่าเด็กคนนั้นหรือ? เป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร เด็กคนนั้นยังไม่ทันจะห้าขวบ อีกทั้งยังเป็นเด็กผู้หญิง ทั้งยังเป็นเด็กที่เกิดจากคนรับใช้ ถึงแม้เด็กคนนั้นจะตายไป เด็กเช่นนั้นจะเป็นภัยคุกคามอันใดกับนางได้? เหตุใดนางจึงจิตใจโหดเหี้ยม ตามประทุษร้ายอีกฝ่ายได้ถึงเพียงนี้
อูเหมี่ยนเซิงเม้มปากแน่น สายตาที่มองไปยังเหมิงเคอในตอนนี้มีความซับซ้อนและสงสัยเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วกลับยืนขึ้น ตบไหล่ของเถี่ยชิวเอ๋อร์ ยิ้มพลางขยับตัวออก กล่าวกับผู้อาวุโสสกุลเยว่ “วางใจเถิดเจ้าค่ะ รักษาเด็กคนนี้ได้แน่ แต่จะต้องค่อยเป็นค่อยไป”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่มองแวบหนึ่ง พบว่าเด็กคนนั้นเงียบลงไปไม่น้อยจริงๆ จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พยักหน้าช้าๆ แล้วกล่าว “เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี ขอบคุณมากแม่นางถัง”
อวี้ชิงลั่วมองเถี่ยชิวเอ๋อร์อีกครั้ง ในใจอีกฝ่ายไม่สบายใจ ยังคงลังเล
อวี้ชิงลั่วเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว กล่าวกับผู้อาวุโสสกุลเยว่ “พรุ่งนี้ข้าจะมาดูนายน้อยเหมิงอีกครั้ง เมื่อครู่ข้าฝังเข็มให้เขาเพื่อกระตุ้นจุดฝังเข็ม พรุ่งนี้ค่อยกลับมาติดตามอาการเจ้าค่ะ”
ตอนที่เหมิงเคอไปหาเถี่ยชิวเอ๋อร์ นางเองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ถึงแม้นางจะมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อื่น แต่อาการป่วยของเหมิงหรงก็จำเป็นต้องรักษาให้หาย
“ดี… ดี” ผู้อาวุโสสกุลเยว่โล่งใจ เมื่อครู่ตอนฝังเข็ม หมอเฒ่าฉยงซานทางด้านนั้นก็ไม่ได้กล่าวอันใด ถึงขนาดพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง แววตาเป็นประกาย เขาคิดว่าการวินิจฉัยของแม่นางถังคงไม่ผิดพลาดอันใด
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีการรับรองจากหมอเฒ่าฉยงซานแล้ว แต่กับเด็กสาวอายุน้อยไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนาม ผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็ยังไม่วางใจ ในใจเขากลับเชื่อหมอเฒ่าฉยงซานมากกว่า
แต่เขาคิดว่า เมื่อมีหมอเฒ่าคอยดูอยู่ข้างๆ แล้ว ก็คงไม่มีอะไรผิดพลาดได้
ตอนนี้ในใจของเหมิงเคอยังคงสงสัย ในเมื่อแม่นางถังมีฝีมือทางการแพทย์ เหตุใดจึงไม่รู้ว่าชิวเอ๋อร์กำลังแสร้งโง่ นางผู้นี้คิดจะทำอันใดกันแน่
คิดไปคิดมาก็ยังไม่สามารถคิดหาเหตุผลได้ จึงทำความเคารพผู้อาวุโสสกุลเยว่พลางกล่าว “ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าว่าอวี้เอ๋อร์เองก็คงเหนื่อย ข้าพานางไปพักผ่อนก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ พรุ่งนี้รอแม่นางถังมา ค่อยให้อวี้เอ๋อร์มาใหม่ดีไหมเจ้าคะ”
“อืม ก็ดี” ผู้อาวุโสสกุลเยว่เหลือบมองเถี่ยชิวเอ๋อร์ เห็นว่านางมีเหงื่อออกที่หน้าผาก และยังมีน้ำตาอยู่ที่มุมตา คิดว่าน่าจะทั้งหวาดกลัวและเหนื่อยล้าแล้ว
เหมิงเคอถอนหายใจโล่งอก เข้ามาพยุงเถี่ยชิวเอ๋อร์ออกไปด้านนอก
เถี่ยชิวเอ๋อร์ก้มหน้าลง ว่าง่ายยิ่งกว่าเดิม ราวกับว่าไม่ได้ป่วยอันใด
จนกระทั่งออกจาก ‘เย่เซ่อ’ นางจึงสะบัดมือของอีกฝ่ายออก ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดด้วยความรังเกียจ กล่าวถามอย่างเย็นชา “แม่นางถังทำอันใดกับเจ้า กล่าวอันใด”
เถี่ยชิวเอ๋อร์ตัวเล็กทั้งยังผอม ถูกสะบัดออกเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเดินซวนเซ เกือบจะตกลงไปในสระน้ำ
นางรีบประคองร่างกายให้มั่นคง แต่ต่อจากนั้น จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้า พลิกไปพลิกมาเช่นนี้จึงทำให้ข้อเท้าแพลง
“ฮูหยินน้อยถามเจ้าอยู่ รีบตอบสิ” ปี้เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ตวาดออกมา
เถี่ยชิวเอ๋อร์กัดฟัน ทนเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ เดินตรงไปข้างหน้าสองก้าวช้าๆ ตอบกลับเสียงเบา “นางเพียงฝังเข็มไม่กี่เล่มบนตัวข้า เจ็บมากเจ้าค่ะ นางเห็นว่าข้าร้องไห้ จึงบอกให้ข้าทนไว้หน่อย”
จริงๆ แล้วเถี่ยชิวเอ๋อร์โกหกไม่เก่ง คำพูดเมื่อครู่นี้ เป็นสิ่งที่อวี้ชิงลั่วบอกนางก่อนจะลุกขึ้น
นางเองก็ไม่ได้พูดคล่องนัก เพราะความเจ็บปวดที่ขาทำให้เสียงของนางสั่นเล็กน้อย จึงทำให้สมจริงขึ้นมาก
เหมิงเคอหรี่ตา พยักหน้า กล่าวอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็ดี อีกไม่กี่วันข้างหน้านางจะฝังเข็มที่ร่างเจ้าอีก เพียงเจ้าทนเจ็บไว้ก็พอ อย่างไรมันก็ไม่ทำเจ้าตายหรอก”
ขอเพียงเถี่ยชิวเอ๋อร์แสร้งทำเป็นโง่เขลาเช่นนี้ต่อไป ไม่ดีขึ้นอีกเลย นางจะรอดูว่าแม่นางถังนั่นจะทำอย่างไรได้อีก
ไม่แน่ว่าหากถูกฝังเข็มมากๆ เข้า นางอาจจะกลายเป็นคนโง่ไปจริงๆ เช่นนั้นเถี่ยชิวเอ๋อร์ก็จะไม่ถูกเปิดโปงอีก
เถี่ยชิวเอ๋อร์ไม่รู้ว่าในใจนางคิดเช่นนี้อยู่ นางเพียงรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แผ่นหลัง รวมไปถึงความเจ็บปวดที่ข้อเท้า ทำให้สายตาของนางพร่ามัว รู้สึกทรมานมากขึ้น
เหมิงเคอพานางไปไกลขึ้นเรื่อยๆ อวี้ชิงลั่วหยิบของเรียบร้อย บอกลาแล้วออกจากจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่
หมอเฒ่าฉยงซานอดไม่ไหวอยากจะตามนางไปตั้งนานแล้ว แม้แต่ผู้อาวุโสสกุลเยว่ชวนรับประทานอาหารเขาก็ยังไม่เต็มใจ กล่าวว่าต้องไปเชิญอวี้ชิงลั่วไปกินอาหารสักมื้อที่โรงเตี๊ยมให้ได้
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงส่งพวกเขาออกจากจวน
ใครจะรู้ว่าเมื่ออวี้ชิงลั่วและหมอเฒ่าฉยงซานออกเดินทางได้ไม่กี่ก้าว ที่ด้านหลังก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “แม่นางถัง โปรดรอสักครู่”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เดาว่าชิงลั่วน่าจะวางแผนพาเหมิงหลัวอวี้มาเปิดตัวแบบเซอร์ไพร์ส แบบที่นังเหมิงเคอต้องตะลึงตาค้าง
ไหหม่า(海馬)