อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 663 เขาแซ่ฮั่ว
ตอนที่ 663 เขาแซ่ฮั่ว
ตอนที่ 663 เขาแซ่ฮั่ว
“อีกอย่างเจ้าเป็นคนฉลาด เขาเองก็เฉียบแหลม ข้าว่าพวกเจ้าสองคนเหมาะสมกันมาก ลั่วลั่ว ถ้าหากได้เจอเขา พวกเจ้าสองคนก็ลองดูๆ กันเป็นอย่างไร” หมอเฒ่าฉยงซานยิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่าทั้งสองคนเป็นคู่ที่สวรรค์สรรค์สร้างจริงๆ ไม่มีอะไรจะดีกว่านี้ไปได้แล้ว
อวี้ชิงลั่วเริ่มแข้งขาอ่อนแรง รีบขัดจังหวะเขา เกรงว่าหากพูดไปเรื่อยๆ คงจะกล่าวไปถึงเย่ซิวตู๋ขึ้นมาจริงๆ
“หมอเฒ่า ตอนนี้เราอย่าเพิ่งพูดเลย ท่านเองก็เหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนเถิด วันหลังค่อยคุยกัน”
หมอเฒ่าฉยงซานอึ้งงัน รีบขวางตรงหน้านางไว้ “ลั่วลั่ว คุยกันแล้วไม่ใช่หรือว่าให้ข้าเลี้ยงข้าวเจ้า”
“หนานหนานยังรอข้าอยู่ที่บ้าน ข้าเองก็ไม่สบายใจที่จะปล่อยเขาไว้ที่โรงเตี๊ยม ข้าขอตัวกลับก่อนล่ะ” นางกล่าวจบก็จากไป
ถึงแม้หมอเฒ่าฉยงซานจะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังเดินเหินได้ราวกับบิน ไม่ทันไรก็ตามนางทัน “แล้วจะเป็นไรไปเล่า เดิมทีข้าก็อยากพบหนานหนานอยู่แล้ว เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าคิดถึงเขาเพียงไหน เจ้าเด็กนั่นน่าเอ็นดูมาก เรียกเขามากินข้าวด้วยกันก็พอดีเลย เขาจะต้องมีความสุขแน่”
อวี้ชิงลั่วสายตาไม่พอใจ ไร้สาระ หนานหนานโลภมากเพียงนั้น หากรู้ว่ามีอาหารให้กินโดยไม่เสียเงิน จะไม่มีความสุขได้อย่างไร
นางเหลือบตาขึ้นมองสีหน้าของหมอเฒ่าฉยงซาน ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจออกมา เห็นท่าทางแน่วแน่ของหมอเฒ่าฉยงซานเช่นนั้นแล้ว ไม่ว่านางจะกล่าวอันใด ก็เกรงว่าจะไล่เขาไปไม่ได้อยู่ดี
ช่างเถอะๆ อยากจะตามไปด้วยก็เชิญ
อวี้ชิงลั่วโบกมือ ไม่สนใจเขาอีกต่อไป เพียงแต่เดินไปยังโรงเตี๊ยมที่นางพักอยู่
แต่ตอนนี้มีสามคนตามมาทางด้านหลัง เดินข้างถนนด้วยท่าทางใหญ่โตเช่นนี้ ดูท่าจะไม่ค่อยดีนัก นางเงียบไป สุดท้ายแล้วก็เดินเข้าตรอกที่ไม่มีคน
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสี่คนก็มาหยุดที่หน้าประตูโรงเตี๊ยม
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองคนสองสามคนด้านหลัง ขมวดคิ้ว ไม่ใช่ว่าเพียงเถาเหวินฮั่นเห็นหน้านางก็ไม่พอใจแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยากตามติดนางมาราวกับตังเมเช่นนี้
นางพูดไม่ออก เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม
อวี้ชิงลั่วให้พวกหมอเฒ่าฉยงซานหาที่นั่งรอด้านล่าง ตนขึ้นไปชั้นบน จะให้พาชายสามคนเข้าห้องก็จะดูไม่ดีน่ะสิ
ในห้องเงียบมาก อวี้ชิงลั่วผลักประตูเข้าไปก็เห็นเด็กสองคนนั่งเงียบๆ อยู่บนที่นั่ง
ที่แตกต่างก็คือ เหมิงหลัวอวี้กำลังจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือ เมื่อเห็นนางก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ จากนั้นก็ลงจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่โต๊ะ รินน้ำให้นางหนึ่งแก้ว
ส่วนหนานหนานกลับนอนอยู่บนโต๊ะไม่รู้ว่ากำลังคิดอันใดอยู่ เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วก็เพียงแค่เหลือบตาขึ้นมอง จากนั้นก็กลับไปนอนต่ออย่างเฉยเมย
อวี้ชิงลั่วจิบชา เลิกคิ้วมองไปยังเหมิงหลัวอวี้ “นี่เป็นอะไรไปหรือ”
“เอ่อ… ข้าก็ไม่รู้เจ้าค่ะ เมื่อเช้าตั้งแต่ท่านน้าชิงออกไป เขาก็เป็นเช่นนั้น ข้าถามเขาสองรอบ เขาก็เพียงฮึดฮัดและไม่ตอบอันใด”
เหมิงหลัวอวี้ตอบเสียงเบา เพียงกล่าวเช่นนี้ออกไป หนานหนานทางด้านนั้นก็เริ่มฮึดฮัดขึ้นมาอีก
อวี้ชิงลั่วเกือบสำลักน้ำชา เดินเข้าไปตบหัวเข้า “มานี่ บอกแม่มาสิ เจ้ามีปัญหาอะไร เดี๋ยวแม่จะเป็นพี่สาวที่รู้ใจให้เจ้า ช่วยแก้ปัญหาให้เจ้าเอง”
หนานหนานไม่ชอบใจ พี่สาวที่รู้ใจหรือ เหตุใดท่านแม่ไปข้างนอกกลับมาก็หน้าหนาขึ้นอีกแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าเป็นแม่ กลับแสร้งทำอ่อนโยนเรียกตัวเองว่าพี่สาว เขาไม่ชินเลยเข้าใจไหม
“ท่านแม่ ข้ากำลังคิดถึงเรื่องประชุมสุราครั้งใหญ่ หากไม่มีเหล้า จะช่วยให้ท่านพ่อชนะการเดิมพันได้อย่างไร แต่ข้าคิดมาทั้งวันแล้วก็ยังคิดไม่ออก ผมข้าจะร่วงหมดหัวอยู่แล้ว”
อวี้ชิงลั่วหันศีรษะมองไปที่พื้น ไม่มีผมแม้แต่เส้นเดียว
“ข้า อวี้ฉิงหนานที่ฉลาดเฉลียว วรยุทธ์ไม่แพ้ใคร ทั้งยังรูปงามและสบายๆ แต่เรื่องเล็กๆ มากๆ เพียงนี้กลับคิดไม่ออก เอาไปพูดที่ไหนก็ขายหน้าเขาสิ”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เขาก็ยังไม่ลืมที่จะทำตัวไร้ยางอาย ดูท่าเรื่องนี้คงไม่เป็นปัญหากับเขาเท่าไรนักกระมัง
หากเป็นเช่นนั้น นางก็จะไม่สนใจแล้ว มันช่วยให้เขาไม่ออกไปเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกทั้งวันเพราะไม่มีอะไรทำ หายากที่จะเห็นเขาอยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างรู้ตัวเอง จะให้เขาไม่สบายใจสักสองสามวันจะเป็นไรไป
คิดถึงตรงนี้ นางก็ไม่สนใจหนานหนานแล้ว หันกลับมาถามเหมิงหลัวอวี้ “เสิ่นอิงล่ะ”
“ท่านลุงเสิ่นออกไปซื้อของกินเจ้าค่ะ” ขณะเหมิงหลัวอวี้กล่าว ก็มองหนานหนานแวบหนึ่ง ความหมายนั้นชัดเจน ก็เพราะเจ้าเด็กนี่ จึงไม่ได้ให้พนักงานนำอาหารมาให้ แต่ออกไปซื้อข้างนอกแทน
อวี้ชิงลั่วคิด กินอิ่มนอนหลับ แต่กลับทำตัวเหมือนฟ้าจะถล่ม ช่างเป็นจริง
“ท่านน้าชิง เหตุใดวันนี้ท่านกลับเร็วนักเจ้าคะ”
อวี้ชิงลั่วผงะ หลังจากใคร่ครวญแล้ว ก็ไม่ได้บอกนางเรื่องจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ เพียงแต่นึกขึ้นได้ในทันทีว่ายังมีพวกหมอเฒ่าฉยงซานรออยู่ด้านล่าง ตบหน้าผากตนเอง
นางรีบพาหนานหนานลงไปดีกว่า ไม่อย่างนั้นหมอเฒ่าฉยงซานรอไม่ไหวคงจะขึ้นมาแน่
ขณะคิด อวี้ชิงลั่วก็หันหน้าไปเรียกหนานหนาน “ข้างล่างมีคนอยากพบเจ้า ชวนเจ้าไปกินอาหาร เจ้าอยากไปหรือไม่”
ชวนไปกินหรือ? แววตาของหนานหนานเป็นประกาย ราวกับว่าไม่สนใจเรื่องที่ติดอยู่ในใจเมื่อครู่อีกแล้ว รีบพยักหน้ารัว “ไปๆๆ แน่นอนว่าต้องไป ใครกัน ใครที่เป็นคนดีถึงขนาดอยากเชิญข้าไปกินอาหาร”
“หมอเฒ่าฉยงซาน”
หมอเฒ่าฉยงซานหรือ ไม่เพียงแต่หนานหนาน เหมิงหลัวอวี้ที่อยู่ด้านข้างก็มองอย่างสงสัยเช่นกัน
เหตุใดหมอเฒ่าฉยงซานจึงรู้จักท่านน้าชิงได้
หนานหนานมุ่นคิ้ว ไม่ค่อยดีใจเท่าไรแล้ว “อาจารย์ของชายชุดขาวเมื่อครั้งก่อนงั้นหรือ จริงสิ ทั้งยังเป็นอาจารย์ของคนที่ชื่ออูตงนั่นอีก รู้สึกเหมือนไม่ใช่คนดีเลย”
เขาไม่เคยอยากจะไปมาหาสู่กับคนที่ไม่ดี เช่นนี้จะส่งผลต่อชื่อเสียงของเขา
อวี้ชิงลั่วเชิดคางขึ้น เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวเสียจริง
นางยกมือถูจมูก ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีเพียงนาง แม้แต่หนานหนานเองก็ไม่ได้สนใจชื่อเสียงของหมอเฒ่าฉยงซานมาตั้งแต่แรก
“หนานหนาน หมอเฒ่าฉยงซานก็คือท่านปู่ฮั่วของเจ้า ที่เมื่อก่อนเคยซื้อลูกกวาดให้เจ้าอย่างไรเล่า”
หนานหนานหันหน้ากลับมาทันที “ท่านปู่ฮั่วหรือ ท่านบอกว่าท่านปู่ฮั่วหรือ”
ท่านปู่ฮั่วก็คือหมอเฒ่าฉยงซานผู้ชั่วร้ายที่เขาด่าว่าในใจเป็นร้อยเป็นพันครั้งผู้นั้นหรือ หนานหนานสำลักน้ำลายตนเอง เขาคิดว่าอีกเดี๋ยวจะต้องแจ้งกับพระพุทธเจ้าเสียแล้ว ว่าเขาไม่เคยตั้งใจต่อว่าท่านปู่ฮั่วเลย
คนเขายังอุตส่าห์เลี้ยงขนมตน ตอนนี้ก็จะเลี้ยงข้าวตนอีก คนเช่นนี้จะเป็นคนไม่ดีไปได้อย่างไร
หนานหนานหัวเราะคิกคัก ในที่สุดก็กระโดดลงจากเก้าอี้ “ท่านแม่ เช่นนั้นเราไปกันเถอะ ไปกินข้าว น้องอวี้ มาสิ เราลงไปกัน”
อวี้ชิงลั่วกลับส่ายหน้า “เสี่ยวอวี้อยู่ที่นี่รอเสิ่นอิงกลับมาเถิด ช่วงนี้หมอเฒ่าฉยงซานกับศิษย์ทั้งสองของเขาเข้าออกจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่บ่อยยิ่งนัก ไม่ติดต่อกับพวกเขาจะเป็นการดีกว่า”
ถึงแม้นางเองจะคิดว่าเชื่อใจหมอเฒ่าฉยงซานได้ แต่เถาเหวินฮั่นผู้นั้นเป็นคนชอบสร้างปัญหา ต้องเข้าใกล้เขาให้น้อยที่สุด
เหมิงหลัวอวี้รีบพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เปิดหนังสืออ่านอีกครั้ง
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็พาหนานหนานลงข้างล่าง แต่เพียงเดินไปถึงบันได ก็เห็นเสิ่นอิงเดินเข้าประตูมาพอดี
เหมือนเขาเองก็เห็นหมอเฒ่าฉยงซานแล้ว ฝีเท้าหยุดลง มองมาอย่างสงสัย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พอเอาของกินมาล่อ เรื่องราวขุ่นเคืองทั้งหลายก็หายไปราวไม่เคยเกิดขึ้นเลยนะหนานหนาน
ไหหม่า(海馬)