อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 669 ไม่ได้มาพบเจ้า
ตอนที่ 669 ไม่ได้มาพบเจ้า
ตอนที่ 669 ไม่ได้มาพบเจ้า
อวี้ชิงลั่วอึ้งงัน เหลือบตาขึ้นมองหมอเฒ่าฉยงซาน จากนั้นก็มองไปยังคนรับใช้ที่เพิ่งมาส่งข่าว เห็นว่าใบหน้าของเขาดูไม่น่าไว้ใจก็เลิกคิ้วในทันที ส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่ล่ะ ข้ายังมีธุระ ไม่ไปดีกว่า”
หมอเฒ่าฉยงซานไม่พอใจ “ลั่วลั่ว เจ้าไปกับข้าเถอะ มีเรื่องดีๆ รอเจ้าอยู่นะ”
เขาจะต้องให้ลั่วลั่วและเด็กคนนั้นได้พบกันให้ได้ หากทั้งสองคนนี้คลาดกันไปจะน่าเสียดายมาก แต่คำพูดนี้จะพูดไปตรงๆ ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นลั่วลั่วจะต้องอายและไม่อยากไปแน่นอน ใช่หรือไม่เล่า?
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองเขา เห็นสายตาเช่นนั้นของเขา ก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีอันใด
“ไม่ไป หนานหนานยังรอข้าอยู่ที่โรงเตี๊ยม ข้ายุ่งมากนะ ตามนี้ ลาก่อนเจ้าค่ะ” นางต้องกลับไปหาเสิ่นอิง คราวหน้าจะได้ไม่ต้องโดนเขาวางแผนใส่อีก ไม่อย่างนั้นนางจะดูโง่มาก
อวี้ชิงลั่วเพิ่งกล่าวจบก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่กล่าวอะไรต่อ
หมอเฒ่าฉยงซานกล่าวว่า ‘นี่’ ออกมา จากนั้นก็ขวางหน้านางไว้สองสามก้าว “ลั่วลั่ว เจ้าช่างไม่ไว้หน้าข้าเลยนะ”
“เงินทั้งหมดของหนานหนานถูกข้ายึดไว้แล้ว หากเขาหิว ข้าก็จะบอกว่าเป็นเพราะท่าน ให้เขาโกรธท่านไปเลยดีไหม”
“คือ…” หมอเฒ่าฉยงซานลำบากใจ เรื่องนี้ เจ้าหนานหนานตัวน้อยจะหิวไม่ได้เชียว แต่เขาอยากให้ลั่วลั่วได้ไปเจอคนผู้นั้นเป็นอย่างมากนะ ทำไมเรื่องนี้ถึงได้ยุ่งเหยิงเพียงนี้เล่า?
หมอเฒ่าฉยงซานได้รู้จักอวี้ชิงลั่วสองแม่ลูกไม่นานนัก หากว่าได้อยู่ด้วยกันนานแล้ว จะต้องไม่ถูกอวี้ชิงลั่วขู่ภายในประโยคเดียวได้แน่ ในโลกใบนี้ใครจะทนหิวก็ได้ แต่หนานหนานจะไม่มีวันทำเช่นนั้นกับตนเองแน่
หมอเฒ่าฉยงซานลังเลอยู่นาน แววตาของเขาเป็นประกาย ทันใดนั้นก็ผลักว่านเผิงหลงออกมาข้างหน้า “เช่นนั้นให้เผิงหลงไปดูแลหนานหนาน เป็นอย่างไร”
มุมปากอวี้ชิงลั่วกระตุก ทำไมเขาถึงดื้อรั้นเพียงนี้นะ?
“ไม่เอา”
“ทำไมเล่า?” เหตุใดลั่วลั่วผู้นี้จึงรับมือได้ยากนัก ไม่รู้จักเคารพคนแก่บ้างเลยหรือ
อวี้ชิงลั่วมือสองข้างกอดอก มองว่านเผิงหลงอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ยิ้มแล้วกล่าว “ข้าไม่ไว้ใจเขา ไม่วางใจจะปล่อยลูกให้คนอื่นมาดูแล”
“…” ว่านเผิงหลงงุนงงมาก นี่เขาดูเป็นคนไม่น่าไว้ใจเพียงนั้นเลยหรือ?
หมอเฒ่าฉยงซานเริ่มพ่นลมเป่าเคราแล้วจ้องเขม็งมองอวี้ชิงลั่ว “เช่นนั้นเจ้าวางใจปล่อยให้หนานหนานอยู่ที่โรงเตี๊ยมตามลำพังได้อย่างไร?” ข้ออ้าง ข้ออ้างแน่นอน
“นั่นมันคนละเรื่องกัน” อวี้ชิงลั่วเงยหน้ามองท้องฟ้า จากนั้นก็เดินไปด้านข้างสองสามก้าว “นี่ก็สายมากแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
ครั้งนี้นางไม่ให้โอกาสเขาได้ตอบสนอง ก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว เพียงหันหลังก็หายวับไป
หมอเฒ่าฉยงซานโกรธมาก โบกมือให้เถาเหวินฮั่นไปขวางนางไว้ เขาไม่มีวรยุทธ์ก็จริง แต่เถาเหวินฮั่นและว่านเผิงหลงนั้นมี หากจะขวางนางย่อมไม่มีปัญหาอันใด
เถาเหวินฮั่นยังไม่ทันได้ลงมือ ก็ถูกว่านผิงหลงดึงเอาไว้ เมื่อสบตากับแววตาโกรธเกรี้ยวของหมอเฒ่าฉยงซาน ว่านเผิงหลงก็ทำอันใดไม่ถูก “ท่านอาจารย์ ผู้อาวุโสเหมิงและคนอื่นๆ ยังรออยู่นะขอรับ อนาคตยังอีกยาวไกล ยังมีโอกาสอีก แม่นางถังเป็นคนแน่วแน่ ยิ่งท่านอยากให้นางไป นางยิ่งไม่อยากไปขอรับ”
เมื่อครู่เขาอยู่ไม่ไกล ก็ได้ยินว่าคนรับใช้ผู้นั้นกล่าวอันใด พอจะเดาได้ว่าท่านอาจารย์มีแผนอะไรอยู่ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ท่านอาจารย์จะมีความคิดอยากเป็นพ่อสื่อแล้ว ไม่น่าเชื่ออย่างยิ่ง
คำพูดของว่านเผิงหลงนั้นได้ผลกับหมอเฒ่าฉยงซานอย่างยิ่ง เขาครุ่นคิด ทำได้เพียงพยักหน้าแล้วกล่าว “ก็ได้ อย่างไรทุกคนก็อยู่ในดินแดนเหมิง สถานที่เล็กเพียงนี้ อย่างไรก็ต้องให้พวกเขาได้พบกัน”
เขากล่าวจบ ก็กล่าวกับคนรับใช้ที่มารับพวกเขา “ไปเถิด นำทางไป”
คนรับใช้ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าอย่างมีความสุข เชิญให้พวกเขาขึ้นรถม้า
รถม้ามุ่งหน้าไปยังจวนของผู้อาวุโสเผ่าเหมิง เมื่อไม่มีอวี้ชิงลั่วอยู่ข้างกาย หมอเฒ่าฉยงซานก็กลับมาทำสีหน้าเคร่งขรึมไร้อารมณ์อีกครั้ง บุคลิกที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเช่นนี้ทำให้ศิษย์อย่างว่านเผิงหลงและเถาเหวินฮั่นไม่คุ้นชินเอาเสียเลย
ในใจเถาเหวินฮั่นเศร้าโศกเป็นที่สุด ท่านอาจารย์ดีกับแม่นางถังเกินไปแล้ว ดีเสียจนเขาอิจฉาแทบตาย
“ท่านอาจารย์ ข้าคิดว่าอาการหมดสติของอูตง เกี่ยวข้องกับแม่นางถังขอรับ”
ว่านเผิงหลงขมวดคิ้วทันที หันไปมองเถาเหวินฮั่นแวบหนึ่ง
หมอเฒ่าฉยงซานค่อยๆ ชำเลืองมองเขา “เจ้าคิดจะพูดอันใด เจ้าจะบอกว่าที่อูตงกลายเป็นเช่นนี้ เป็นฝีมือลั่วลั่วหรือ?”
นั่นคือสิ่งที่เถาเหวินฮั่นคิดอยู่ในใจ เขาคิดว่าอวี้ชิงลั่วและอูตงดูจะไม่เป็นมิตรต่อกัน ตอนที่กล่าวถึงอูตง สีหน้าของนางดูลุ่มลึก น้ำเสียงก็มีความเสียดสี ทั้งสองคนนั้นจะต้องไม่ถูกกันเป็นแน่
หมอเฒ่าฉยงซานทำเสียงฮึดฮัดอีกครั้ง “เจ้าอย่ามาทำให้ข้าต้องคิดอะไรแปลกๆ โทษที่เจ้าไปก่อเรื่องวุ่นวายข้างนอก ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้าเลยนะ
อูตงเป็นคนอย่างไร หมอเฒ่าฉยงซานนั้นรู้ดี ไม่กี่ปีมานี้ ถึงแม้เขาจะหมกมุ่นอยู่กับการแพทย์ แต่ก็ยังสอนลูกศิษย์สามคนด้วย
แต่กับนิสัยและบุคลิกของพวกเขานั้น เขาไม่ค่อยจะสนใจมากนัก เขาทุ่มเทให้กับการศึกษายาสมุนไพร ดังนั้นตราบใดที่ทั้งสามคนไม่ทำเรื่องที่อุกอาจจนเกินไป เขาก็ไม่ยุ่ง
เขารู้ว่าอูตงเป็นคนใจแคบ ดังนั้นจึงให้นางออกไปฝึกฝนกับเย่ซิวตู๋ คิดไม่ถึงว่า…
ถ้าหากว่าอาการหมดสติของนางนั้นเกี่ยวข้องกับลั่วลั่วจริงๆ เขาก็ไม่กล้าพูดว่าใครถูกใครผิด เขาเองก็เชื่อว่าทางด้านลั่วลั่วมีเหตุผลมากกว่า
เถาเหวินฮั่นไม่กล้าพูดอะไรอีก ดูเหมือนการกระทำของตนภายนอกนั้นไม่ได้ใจกว้าง เมื่อสองสามวันนี้ได้พบท่านอาจารย์อีกครั้ง ยังไม่ถูกเขาสั่งสอนให้สาสมก็ถือว่าดีมากแล้ว
ว่านเผิงหลงส่ายศีรษะและถอนหายใจ ยกม่านขึ้นแล้วมองออกไปด้านนอก
ผ่านไปไม่นาน เสียงทุ้มต่ำของเขาก็ดังขึ้น “อาจารย์ ถึงแล้วขอรับ”
ทันทีที่กล่าวจบ รถม้าก็หยุดลง คนขับรถม้านำเก้าอี้ตัวเล็กมาวาง เปิดม่านด้วยความเคารพแล้วให้พวกเขาลงจากรถม้า
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงและผู้อาวุโสสกุลเยว่ต่างก็เป็นผู้มีคุณธรรมและบารมีสูงสง เพียงแต่ในหมู่ผู้อาวุโสทั้งหก ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงอายุมากที่สุด อายุมากกว่าผู้อาวุโสคนอื่นๆ มากนัก ส่วนฐานะของเขาก็เป็นรองเพียงท่านประมุข
ดังนั้นจวนของเขาจึงถูกบูรณาการอย่างยิ่งใหญ่และหรูหรามากกว่าใคร คนรับใช้ของเขาก็ถูกสั่งสอนและเลี้ยงดูอย่างเป็นระเบียบมากกว่าเช่นกัน
สาวใช้ที่นำพวกเขาไปยังประตูไม่ได้กล่าวอันใดสักคำ จนกระทั่งเข้าไปในห้องโถงหน้า ก็ถอยหลังออกมาอย่างเงียบๆ
มีคนนำชามาให้อย่างรวดเร็วที่โถงด้านหน้า หมอเฒ่าฉยงซานจิบคำหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก
ต่อจากนั้นก็มีเสียงของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงดังตามมา “ฮั่วเหล่า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เหตุใดมาถึงดินแดนเหมิงแล้วจึงไม่มาทักทายข้าเลย ถ้าหากข้าไม่ให้คนไปเชิญ เจ้าคงไม่คิดจะก้าวข้าวมาในจวนของข้าเลยใช่หรือไม่?”
อายุของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงนั้นไม่ห่างจากหมอเฒ่าฉยงซานมากนัก ทั้งคู่ก็ถือว่ารู้จักกันมาหลายปี ถึงแม้ความสัมพันธ์จะธรรมดา แต่ก็เคยติดต่อกันบ้างสองสามครั้ง
หมอเฒ่าฉยงซานวางถ้วยลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นเดินไปทักทาย
เพียงแต่เห็นว่าเขามาคนเดียว ก็อดไม่ได้ที่จะมุ่นคิ้ว เอนตัวไปทางด้านหลังเขา ขมวดคิ้วแล้วถาม “เหตุใดจึงมีเจ้ามาเพียงคนเดียวเล่า?”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเปลี่ยนสีหน้า “หมายความว่าอย่างไร เจ้าอยู่ที่จวนข้า ไม่พบข้าแล้วอยากจะพบใครกัน?”
“ข้ามาพบเย่ซิวตู๋”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอ่อ ไม่ต้องอาศัยท่านหมอจับคู่ให้ พวกเขาก็คู่กันอยู่แล้วค่ะ แถมมีโซ่ทองคล้องใจแล้วด้วย
ไหหม่า(海馬)