อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 673 มีทองก็ไร้ประโยชน์
ตอนที่ 673 มีทองก็ไร้ประโยชน์
ตอนที่ 673 มีทองก็ไร้ประโยชน์
“!!!!!” อวี้ชิงลั่วเปลี่ยนสีหน้าทันที นิ้วมือกระตุกครู่หนึ่ง ไปนั่งอยู่ด้านข้างหนานหนาน
จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงพึมพำแผ่วเบาของอวี้ชิงลั่ว “แม่นมเซียวอายุมากแล้ว เย่ซิวตู๋ยอมให้นางมาได้อย่างไร ไม่สนใจสุขภาพของนางแม้แต่นิดเลยหรือ”
“ท่านอาเขยสนใจเจ้าค่ะ ดังนั้นพวกเราจึงเดินทางมาอย่างช้าๆ มาถึงมองโกเลียช้าไปสองสามวัน เดิมทีท่านอาเขยก็ไม่ยอมให้แม่นมเซียวมาด้วย เพียงแต่แม่นมเซียวยืนกราน แทบจะคุกเข่าขอร้องให้ท่านอาเขยพามาด้วย ท่านอาเขยเห็นนางท่าทางเช่นนั้นจึงตกลงให้นางมาเจ้าค่ะ
สีหน้าของอวี้ชิงลั่วไม่สู้ดียิ่งกว่าเดิม ที่แท้แม่นมเซียวก็ยืนกรานที่จะมาด้วย จากที่นางเข้าใจแม่นมเซียว ยิ่งแม่นมเซียวหมกมุ่นกับสิ่งหนึ่งมากเท่าไร ก็หมายความว่าอารมณ์ของนางจะดีขึ้น หรือไม่ก็… แย่ลง
เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เป็นอย่างหลัง
อวี้ชิงลั่วหันหน้ามา จ้องมองหนานหนานที่กำลังขยี้ตาอย่างงัวเงียหลังจากตื่นนอน
นางวางแผนผิดพลาดจริงๆ คิดว่าครั้งนี้จัดการเย่ซิวตู๋ให้ได้ก็พอ คิดไม่ถึงว่าทางด้านเย่ซิวตู๋ยังไม่ทันจะเรียบร้อยดี ไฟโทสะของแม่นมเซียวก็ใกล้จะปะทุขึ้นมาอีก
สีหน้าของหงเย่ยังไม่เปลี่ยน “คุณหนู จะไปโรงเตี๊ยมของท่านอาเขยหรือไม่เจ้าคะ หงเย่พาไปได้เจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าถลึงตามองนาง กล่าวอย่างหงุดหงิด “กินข้าว”
นางไม่ใช่คนโง่ รู้อยู่ชัดๆ ว่าแม่นมเซียวเองก็อยู่ที่โรงเตี๊ยมยังจะเอาตัวเองไปส่งถึงประตู ถึงตอนนั้นไฟทั้งสองกองของนางและเย่ซิวตู๋รวมกัน คงจะเผานางจนกลายเป็นเถ้าเลยกระมัง
หงเย่พยักหน้า จากนั้นก็ลงไปสั่งอาหารกับพนักงานอย่างรู้ความ
เหมิงหลัวอวี้พบว่าเมื่อมีหงเย่มาคอยดูแล อาหารการกินก็ดูจะเยอะขึ้นมาหน่อย ปกติแล้ว ถึงแม้หนานหนานเองจะชอบกินอาหารเหลา แต่นั่นก็ยังเป็นอาหารธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้ดีเท่าตอนนี้ ยิ่งท่านน้าชิงยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขอเพียงกินให้อิ่มได้ก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เหมิงหลัวอวี้ยังยากที่จะเริ่มลงมือ มองหงเย่ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ถาม “ท่านน้าหงไม่นั่งลงกินด้วยกันหรือ”
“หงเย่เป็นคนรับใช้เจ้าค่ะ” หงเย่ส่ายหน้า ยิ้มพลางกล่าว
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองนาง จากนั้นก็เริ่มกล่าวฟึดฟัด “แม่นมเซียวไม่อยู่ นี่เราอยู่ข้างนอกจวน จะมีกฎเกณฑ์อันใดมากมาย เจ้ายืนอยู่ข้างๆ เราก็คงอึดอัดเวลากิน นั่งลงกินด้วยกันเถิด”
“เจ้าค่ะ” หงเย่ไม่เกรงใจ นั่งลงอย่างใจเย็น
แต่ช่วงเวลาจากนั้นกลับใช้ตะเกียบสะอาดคีบอาหารสองอย่างให้อวี้ชิงลั่ว กล่าว “ท่านอาเขยบอกว่า ช่วงนี้คุณหนูดูผอมลง ให้คุณหนูกินเยอะหน่อย ให้มีเนื้อเพิ่มขึ้นก็จะดี ทั้งยังบอกว่าเพียงคุณหนูอวบขึ้นอีกเพียงนิดเดียว เขาก็รู้ได้ทันทีเจ้าค่ะ”
คำพูดนี้หงเย่ไม่เข้าใจ แต่เย่ซิวตู๋สั่งให้นางมาบอก นางเพียงทำตามก็ใช้ได้
แต่อวี้ชิงลั่วเป็นคนที่เข้าใจ อวบขึ้นเพียงนิดเดียวก็รู้ได้หรือ เพราะสัมผัสอย่างนั้นหรือ เพียงคิดถึงสิ่งที่ไอ้คนผู้นั้นกระทำกับนางกลางดึก ใบหน้าของนางก็ขึ้นริ้วสีแดง ก้มหน้ากินอาหารในทันที
หนานหนานรู้สึกแปลกใจมาก เอียงศีรษะมองแม่ของตนอย่างพิจารณา มองอยู่นานก็กล่าวออกมา “เหตุใดข้าจึงไม่เคยสังเกตเห็นว่าท่านแม่อ้วนผอมตรงไหนบ้างเล่า?”
อวี้ชิงลั่วกลอกตา ไม่อยากจะสนใจเขา ไร้สาระ เจอกันอยู่ทุกวัน จะสังเกตอะไรได้เล่า
หนานหนานไม่ได้กล่าวอะไรอีก หลังจากได้ยินว่าแม่นมเซียวมาที่มองโกเลียได้หนึ่งชั่วโมง อารมณ์ของเขาก็ดิ่งลง ในใจเป็นกังวล
กังวลเสียจนวันต่อมาเขาก็ไม่ได้กินข้าวดีๆ แล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะออกไปข้างนอก ต้องอยู่ในโรงเตี๊ยมอ่านหนังสือกับเหมิงหลัวอวี้ทั้งวัน กลัวว่าถ้าออกมาจะพบกับแม่นมเซียวที่ข้างทาง
จนกระทั่งตอนบ่าย ในที่สุดเขาก็เริ่มทนไม่ไหว เมื่อวานเขาอยู่ในห้องทั้งวันไม่ได้ออกไปไหน ถ้ายังอยู่ต่อ เขาจะต้องโกนผมตัวเองเป็นแน่
หนานหนานคิดว่าแม่นมเซียวมาถึงดินแดนเหมิง นางไม่คุ้นเคยกับสถานที่ ทั้งนางยังทำตามกฎอย่างมาก จะต้องไม่มีทางออกไปไหนคนเดียวจะได้ไม่เกิดปัญหาอันใด
อืม วิเคราะห์เช่นนี้แล้ว หนานหนานก็วางใจไปได้ครึ่งหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปข้างนอก
ตั้งแต่ได้พบกับเย่ซิวตู๋ หนานหนานก็ไม่ได้ไปที่ ‘เซียงเว่ยซื่ออี้’ เพื่อชิมสุราอีกเลย ตอนนี้งานสุราครั้งใหญ่ใกล้เข้ามาแล้ว ตลอดเส้นทางอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของสุรา
ความตะกละของหนานหนานถูกถึงดูดออกมาในทันที ตรงไปยัง ‘เซียงเว่ยซื่ออี้’ จนแทบจะไม่คิดอันใด
เพียงแต่เหมือนว่าเขาจะลืมเรื่องสำคัญไปเรื่องหนึ่ง…
“เจ้าอีกแล้ว ยังกล้ามาอีกหรือ?” เจ้าของร้านจดจำเขาขึ้นใจ เพียงเห็นเขาปรากฏตัว สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที มองหนานหนานและกัดฟัน
ครั้งก่อนเขาก่อเรื่องโกลาหล กิจกรรมการชิมสุราของตระกูลจ้าวก็จบลงก่อนกำหนด
พ่อบ้านตระกูลจ้าวถึงขนาดโยนความผิดส่วนใหญ่ให้กับเขา เจ้าของร้านมีปัญหามากมาย แต่สุราตระกูลจ้าวนั้นไม่เลวจริงๆ แม้แต่ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงที่ปรากฏตัวอย่างไม่รู้สาเหตุ ก็ทำให้เขากังวลอยู่ในใจ
ถ้าหากตระกูลจ้าวและผู้อาวุโสเผ่าเหมิงไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เขาจะมาปรากฏตัวที่นี่โดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร
เขาอยากจะมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลจ้าว และคิดว่ากว่าผู้อาวุโสสกุลหมิงจะมาที่นี่สักครั้งได้นั้นยากเพียงใด แต่ไม่คิดเลยว่าทั้งหมดนี้จะพังลงเพียงเพราะเด็กคนนี้
ใบหน้านั้นของหนานหนาน ประทับอยู่อย่างลึกซึ้งในใจของเจ้าของร้าน ต่อให้จะกลายเป็นขี้เถ้า เขาก็จำได้อยู่ดี
“…” หนานหนานมองเจ้าของร้านผู้นั้นที่ทำท่าทางราวกับจะกินเขา ทันใดนั้นก็ถอยหลังสองสามก้าว หัวเราะแห้งๆ แล้วกล่าว “ไอ้หยา ช่างบังเอิญเสียจริง”
เจ้าของร้านกัดเสียจนรากฟันจะพังลง “บังเอิญหรือ ไอ้เจ้าเด็กเวรนี่ วันนี้หากไม่ได้สั่งสอนเจ้า คงจะผิดต่อโรงเตี๊ยมของข้านัก พวกเจ้า มาจับมันให้ข้าที”
หนานหนานคำราม เจ้าของร้านผู้นี้ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว เขาเพียงแต่มาดื่มเหล้าไม่ใช่หรือ มีอย่างที่ไหนทำมาค้าขายแต่ไล่ลูกค้าออกมา เจ้าของร้านผู้นี้จะต้องเป็นคนฟุ่มเฟือยที่เปิดโรงเตี๊ยมไม่ได้เป็นแน่
“ข้า ข้ามีเงินนะ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจ แต่เขาได้กลิ่น วันนี้สุราในโรงเตี๊ยมนั้นหอมมาก หอมเสียยิ่งกว่าสุราของตระกูลเจ้าวันนั้นมากเหลือเกิน
เจ้าของร้านแค่นหัวเราะ “เงินหรือ วันนี้ต่อให้เจ้ามีทอง ข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าไปแน่” ความสูญเสียที่เขานำมาให้ตน ไม่ใช่สิ่งที่จะชดใช้ได้ด้วยเงิน
หนานหนานเบิกตากว้าง ถอยหลังหนึ่งก้าว “ข้าไม่มีทอง แต่ข้ามีวรยุทธ์ คนอย่างพวกเจ้าเพียงคนสองคน ดูไม่ได้กระฉับกระเฉงอันใดนัก คิดว่าพวกเขาจะจับข้าได้หรือ”
เจ้าของร้านผู้นั้นโง่หรือไม่? ครั้งก่อนก็ปล่อยเขาหลุดไปได้ไม่ใช่หรือ เช่นนั้นเขาคิดว่าคนที่ดูปวกเปียกอย่างกับสตรีจะจับตนไว้ได้หรือ?
เจ้าของร้านเย้ยหยัน ทันใดนั้นก็ปรบมือให้กับทางด้านหลัง สายตายังคงจับตาดูหนานหนานอยู่ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ามีวรยุทธ์ แต่โรงเตี๊ยมของข้ามีคนไปมามากมาย นอกจากพวกสหายแล้ว ก็ย่อมมี…อันธพาล”
ทันทีที่กล่าวจบ ชายห้าหกคนที่สวมเสื้อผ้าแบบเดียวกันทั้งหมดก็เดินมาจากทางด้านหลังเขา
หนานหนานมองแวบหนึ่ง กัดริมฝีปาก คนพวกนี้ล้วนมีวิชาการต่อสู้จริงๆ
เจ้าของร้านแววตาเย็นชา กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “จับมันมาให้ข้า”
“ขอรับ” คนห้าหกคนนั้นตอบพร้อมกัน ทันใดนั้นก็พุ่งเข้ามาหาหนานหนาน
“ช้าก่อน!!” ทันใดนั้นเอง เสียงทุ้มต่ำก็ดังมาจากทางด้านหลังของเจ้าของร้าน
เพียงหนานหนานฟังก็รู้สึกว่าคุ้นหู แต่เมื่อเหลือบตาขึ้นมอง ก็ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คิดว่าจะรอดเหรอหนานหนาน ท่านพ่อมาแล้วล่ะมั้งนั่น
ไหหม่า(海馬)