อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 676 ข้าอยากให้เจ้ายอมรับข้าเป็นอาจารย์
ตอนที่ 676 ข้าอยากให้เจ้ายอมรับข้าเป็นอาจารย์
ตอนที่ 676 ข้าอยากให้เจ้ายอมรับข้าเป็นอาจารย์
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงอึ้งงัน ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น ผู้อาวุโสสกุลเยว่หรือ เขาเป็นถึงผู้อาวุโสเผ่าเหมิงผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดจึงมีคนจำผิดเป็นผู้อาวุโสสกุลเยว่ไปได้?
เจ้าเด็กคนนี้ ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเสียเลย
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงสีหน้าไม่ดีนัก อาเจียงที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้นก็รีบกล่าวกับหนานหนาน “นี่คือผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแห่งดินแดนเหมิง” ราวกับกลัวว่าเขาจะไม่รู้จักถึงตำแหน่งและฐานะ อาเจียงก็รีบเสริม “ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมีสถานะสูงส่งมากในดินแดนเหมิง เป็น…”
“นี่พวกเจ้าฉวยโอกาสตอนที่ข้านอนหลับ หลอกข้ามาที่นี่หรือ?” หนานหนานไม่รอให้เขากล่าวจบ เด้งตัวขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว มองทั้งสามคนอย่างไม่พอใจ
เพียงกล่าวจบก็ส่งเสียงฟึดฟัดอย่างเย่อหยิ่ง หันหลังเดินจากไป
อาเจียงตะลึง เด็กคนนี้เหตุใดจึงไม่ฟังให้จบก่อนเล่า หรือเขาคิดว่าสถานะของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงสูงส่งไม่เท่าผู้อาวุโสสกุลเยว่
จริงสิ แล้วเหตุใดเขาจึงเข้าใจว่าตนจะได้พบกับผู้อาวุโสสกุลเยว่เล่า
อาเหอไม่ได้คิดมากเท่าเขา ทันใดนั้นก็ไปขวางเขาไว้ที่ด้านหน้า “หยุดนะ”
“เฮอะๆ” หนานหนานแค่นหัวเราะ “เฮอะๆ เฮอะๆ เฮอะๆ”
เขาเพียงแต่หัวเราะ ไม่กล่าวอันใด จนผู้อาวุโสเผ่าเหมิงที่อยู่ด้านหลังอดไม่ได้ที่จะย่นหน้าผาก
อาเหอมีสีหน้าบอกไม่ถูก แต่ก็ยังยกมือขึ้นตรง “เจ้าจะไปตอนนี้ไม่ได้นะ” ในเมื่อพาคนเขามาตรงหน้าผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแล้ว ก็ไม่สามารถนึกอยากจะไปก็ไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาช่างไม่ให้เกียรติผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเลย
ตอนนี้หนานหนานเริ่มกอดอก จากนั้นก็หัวเราะเฮอะๆ ต่อไป
จนกระทั่งทั้งสามคนโกรธจัดด้วยเสียงเฮอะๆ ของเขานั้น เขาก็สั่นขาแล้วกล่าว “เจ้าถูกข้าวางยาไปแล้ว หากเจ้าไม่ปล่อยข้าไป เจ้าก็จะตายเพราะพิษ ตายเพราะพิษเลยนะ ตายเพราะพิษ ตายเพราะพิษเลย”
หนานหนานกล่าวไม่หยุด ราวกับท่องคาถาอยู่
แต่อาเจียงกลับมีเปลี่ยนสีหน้าไป “เจ้าว่าอะไรนะ ยานั่นเป็นยาพิษจริงหรือ?”
อาเหอเพียงแต่ชะงักไป จากนั้นก็กลับเข้าสู่ใบหน้าไร้ความรู้สึกตามเดิม กล่าวอย่างเย็นชา “ต่อให้ตายไป เจ้าก็ต้องอยู่”
สีหน้าอย่างผู้ชนะของหนานหนานแข็งทื่อไป เขาเกลียดคนที่ไม่กลัวความตายเช่นนี้เป็นที่สุด เขาเกลียดคนภักดีประเภทนี้ที่ไม่ต้องการแม้แต่ชีวิตของตนเอง
คนประเภทนี้ไม่น่ารักเลยแม้แต่น้อย
หนานหนานไม่สนใจเขาอีก อย่างไรอาเหอก็ยังบาดเจ็บภายใน ตามเขาไม่ทันอยู่แล้ว เขากลอกตา ขยับไปทางขวา อยู่ห่างจากอาเหอไปห้าก้าว
อาเหอตะลึง คิดจะก้าวเท้าไล่ตามเขา แต่ก็รู้สึกว่าขาแข็งทื่อ ขยับไม่ค่อยได้ ช้ากว่าเดิมไปกว่าครึ่ง
หนานหนานพึงพอใจ แต่ขณะที่เขากำลังคิดจะจากไป ตรงหน้าก็มีคนคนหนึ่งมาขวางไว้
หนานหนานประหลาดใจ เห็นผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหรี่ตามองตน แก้มพองขึ้น จากนั้นก็ขยับไปทางข้างอีกสิบก้าว
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหัวเราะเย็นชา “เคล็ดวิชาฝ่าเท้าของตระกูลลู่ ช่างสมคำร่ำลือ แต่ว่า…”
ทันทีที่กล่าวจบ ก็มาขวางตรงหน้าหนานหนานอีกครั้ง
หนานหนานเบิกตากว้าง ชายชราผมขาวเคราขาวอายุมากผู้นี้ ฝีมือดีกว่าอาเจียงอาเหอเสียอีก ผิดธรรมชาติเกินไปแล้ว
“ผู้นำตระกูลลู่ตอนนี้ใช้ฝีเท้าตระกูลลู่ อาจจะยากในการไล่ตามสำหรับข้า แต่เจ้าอายุยังน้อย ถึงแม้จะมีฝีมือสูง แต่ก็ไม่มีทางหนีไปได้ไกลเกินเงื้อมมือข้าหรอก” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงลูบเครา กล่าวตามตรง เด็กคนนี้มีพรสวรรค์จริงๆ
หนานหนานมุ่นคิ้วอย่างจริงจึงขึ้นมา มองผู้อาวุโสเผ่าเหมิงอยู่นาน
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็ถามออกมาอย่างท้อใจเล็กน้อย “ท่านอยากจะทำอันใดกันแน่ ข้าจะบอกให้นะ ถึงแม้ท่านจะอายุมากแล้ว แต่ถ้ามายุ่งกับข้า ข้าก็ไม่มีทางปล่อยท่านไปแน่”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเลิกคิ้ว ชี้นิ้วไปยังโถงใหญ่ กล่าว “เข้าไปคุยข้างในเถิด ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า”
หนานหนานคิด ในเมื่อเขาไม่ได้ใช้กำลัง เช่นนั้นก็ไว้หน้าเขาเสียหน่อย
เขาเงยหน้า เดินเยื้องกรายเข้าไปข้างใน
คนรับใช้นำน้ำและชามาให้ ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเห็นหนานหนานมีท่าทางเมินเฉยก็โบกมือ ให้คนรับใช้นำอาหารว่างของแม่ครัวยอดฝีมือจากห้องครัวจวนผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมาให้
หนานหนานเห็นของว่างที่รูปร่างสวยงามเป็นพิเศษทั้งยังน่าสนใจ ดวงตาและคิ้วก็เบิกกว้างในทันที ไม่กล่าวอันใดก็ยัดสองชิ้นเข้าปากไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงยิ้มอย่างพอใจ หยิบฝาแล้วจิบชา กล่าวเสียงเบา “เจ้าชื่ออะไรหรือ?”
“หนานหนาน อื้อๆ อันนี้อร่อย ตอนกลับข้าขอห่อกลับได้หรือไม่” นี่เหมือนจะไม่เคยเห็นจากข้างนอกมาก่อนเลย น่าจะซื้อไม่ได้ อืม เขาต้องเอากลับไปให้น้องอวี้กินบ้าง
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหัวเราะอีกครั้ง ดูท่าเขาจะเป็นคนชอบกินสินะ อีกทั้งยังดูเหมือนชอบดื่มเหล้าอีกด้วย
ดี ดีมาก คนที่มีจุดอ่อนจึงจะควบคุมได้ง่าย
อย่างน้อยในกรณีนี้คงไม่เหมือนเย่ซิวตู๋ ทำหน้าเฉยชาตลอดทั้งวัน ดูเหมือนไม่มีความปรารถนาต่อสิ่งใดเลย
เขาพยักหน้าแล้วตอบ “อยากกินเท่าไรก็บอกได้เลย ในครัวมีอีกเยอะ ทำให้เจ้าได้ตลอดเวลา”
“จริงหรือ?” ในปากหนานหนานเต็มไปด้วยของกิน พูดไปก็ทำเสียงอู้อี้
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะพลางกล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่า…”
“ยังมีแต่อีกหรือ ท่านมีข้อเสนออะไร บอกมาสิ ขอเพียงข้าทำได้ ก็สามารถคุยกันได้ทั้งหมด” ฟังให้ชัดนะ เขาบอกว่าถ้าหากทำได้ นี่เป็นการเตือนที่สำคัญที่สุด ขอเพียงผู้อาวุโสเผ่าเหมิงไม่มองข้ามก็เป็นพอ
“ข้าอยากให้เจ้ายอมให้ข้าเป็นอาจารย์”
“…” หนานหนานกะพริบตา สำลักของกินที่อยู่ตรงมุมปากอย่างแรง มองผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเขม็ง
อาจารย์หรือ? ที่เขายอมทุ่มเทเพื่อพาตนมาหา ก็เพียงเพราะอยากเป็นอาจารย์ของตนหรือ
หนานหนานเกาหัว แสดงท่าทางเขินอายในทันใด
เฮ้อ คนเราหน้าตาดีเกินไปก็ไม่ดี เป็นที่นิยมขึ้นมาก็เป็นทุกข์เช่นกัน
เฮ้อ เหตุใดจึงมีคนมากมายอยากรับเขาเป็นศิษย์นักนะ เป็นเพราะเขาฉลาดจริงๆ น่ะหรือ?
เฮ้อ แล้วตอนนี้จะทำอย่างไร หากคนอื่นๆ ที่ต้องการรับเขาเป็นศิษย์ต้องทะเลาะกันเพราะเขาจะทำอย่างไรเล่า เช่นนั้นเขาจะไม่กลายเป็นนารีรูปงามเป็นเหตุหรอกหรือ อ๋า ไม่สิ เป็นหนุ่มรูปงามเป็นเหตุ
หนานหนานรู้สึกว่าคนเราหน้าตาดีก็ไม่ใช่เรื่องดี เช่นเขาที่หล่อเหลาอย่างหาได้ยาก ต้องเจอปัญหามากมาย
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเห็นว่าเขาเงียบไป ก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตา “ว่าอย่างไร เจ้าไม่พอใจหรือ”
ขณะกล่าว เขาก็มองไปยังพ่อบ้านที่อยู่ด้านข้าง
พ่อบ้านเข้าใจในทันที อธิบาย “ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมีสถานะสูงส่งมากในดินแดนเหมิง เป็นหนึ่งในหกผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้เขาเป็นผู้นำของกลุ่มผู้อาวุโส ในทั่วทั้งดินแดนเหมิง ขอเพียงผู้อาวุโสเผ่าเหมิงพูดเพียงคำเดียว ก็จะไม่มีใครมาสร้างปัญหาให้เจ้าได้แล้ว ทั้งยังจะให้ประโยชน์โดยตรงแก่ครอบครัวของเจ้า ในอนาคตต่อไปก็จะได้เป็นใหญ่ในดินแดนเหมิงนี้ กลายเป็น…”
“เช่นนั้นท่านเก่งวรยุทธ์หรือไม่” หนานหนานถามขึ้นมาทันใด
พ่อบ้านอึ้งไป มองผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแวบหนึ่ง จากนั้นก็เงียบปากอย่างว่าง่าย
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเลิกคิ้ว “เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ”
“อันนั้นไม่นับ นั่นเป็นเพียงฝีมืออันน้อยนิดของท่านเท่านั้น” หนานหนานเชิดคาง ปากก็เริ่มกินอาหารตุ้ยๆ อีกครั้ง “เช่นนั้นแล้ว ท่านแสดงให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านแน่ใจเหรอว่าจะรับเด็กอย่างหนานหนานมาเป็นศิษย์ ถ้าคุมไม่อยู่คือท่านเองจะเสียใจนะ
ไหหม่า(海馬)