อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 678 หนานหนานถูกต้อนจนมุม
ตอนที่ 678 หนานหนานถูกต้อนจนมุม
ตอนที่ 678 หนานหนานถูกต้อนจนมุม
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมองแวบหนึ่ง จากนั้นรูม่านตาก็หดลง
หนานหนานเองก็ตกใจ ก้มหน้าลงก็พบว่าป้ายอาญาสิทธิ์ที่เหมิงลู่ให้เขาไว้หล่นลงไปเพราะการต่อสู้เมื่อครู่
เขารีบเอื้อมมือไปเก็บ แต่ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงฝีเท้าไวกว่าเขา ร่างแวบผ่านไปผ่านข้างตัวเขา สัมผัสป้ายอาญาสิทธิ์ในมืออันนั้น แววตาเฉียบคมขึ้นมาทันใด
หนานหนานยื่นมือออกไป “นั่นมันของข้า เอาคืนข้ามานะ”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมองอย่างพิจารณาครู่หนึ่ง นิ้วมือกำแน่นมองไปยังหนานหนาน “ใครให้สิ่งนี้กับเจ้ามาหรือ?”
“ทำไมข้าต้องบอกท่านด้วย” เขาดูเป็นเด็กซื่อสัตย์ที่ใครถามอะไรก็ต้องตอบไปตามนั้นหรือ เขาก็มีบุคลิกของตัวเองนะ
เสียงผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเบาลงเล็กน้อย “กระบวนท่าวรยุทธ์เมื่อครู่ของเจ้านั้นเป็นวิชาของดินแดนเหมิง ป้ายอาญาสิทธิ์นี้ ก็เป็นของประมุขแห่งดินแดนเหมิง เจ้าเป็นอะไรกับท่านประมุข เหตุใดเขาจึงให้สิ่งนี้กับเจ้า?”
หนานหนานสำลัก เดิมทีอยากจะบอกว่าเหมิงลู่ให้สิ่งนี้กับเขามา
แต่คิดได้ว่าผู้อาวุโสเผ่าเหมิงผู้นี้อาจจะมีแผนที่ต้องการชิงบัลลังก์ อีกอย่างเมื่อครู่ตอนเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เปลี่ยนไปอย่าง…โกรธเกรี้ยว น่ากลัวมาก เพียงดูก็รู้ว่ามีความคิดไม่ดี
อืม ดังนั้นตอนนี้จะบอกไม่ได้ว่าตนรู้จักกับท่านปู่ลู่ และจะบอกไม่ได้ว่าตนนั้นมีปานรูปดอกไม้ และยิ่งพูดไม่ได้ว่า… ท่านปู่ลู่เคยสอนวิชาการต่อสู้ให้เขา
ดังนั้นหนานหนานจึงเชิดคาง กล่าวอย่างเย็นชา “ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดเรื่องอะไร ของสิ่งนี้ข้าเก็บได้ รีบคืนข้ามาได้แล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจล่ะนะ”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหัวเราะเยาะ “เก็บได้หรือ เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดไร้สาระของเจ้าหรือ?”
“เช่น เช่น เช่นนั้นก็เป็นประมุขแห่งดินแดนเหมิงอะไรนั่นให้ข้ามา ใช่ คนที่ดูอายุมากๆ แล้วคนนั้น ที่ไม่ต่างจากท่าน ทั้งยังใจดีมากด้วย ทั้งยังเป็นคนที่มียอดฝีมืออยู่รอบตัวมากมาย เขาเป็นคนมอบให้ข้า”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหรี่ตา “โกหกก็ยังไม่เป็น ท่านประมุขดูแล้วเหมือนอายุยังน้อยต่างหาก”
“หา ไม่ใช่ท่านประมุขหรือ? เหตุใดท่านประมุขจึงดูอายุยังน้อยเล่า ท่าน… อ๋า ใช่ๆ ก็เป็นคนที่ดูอายุยังน้อยผู้นั้น เป็นเขาที่มอบให้ข้า ของที่เขาให้ข้าแล้ว ก็ถือว่าเป็นของข้า ท่านรีบคืนข้ามาได้แล้ว” หนานหนานกล่าวอย่างน่าสงสัย กล่าวแบบครึ่งจริงครึ่งหลอก กลับทำให้ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แม้แต่อาเจียง อาเหอ จนถึงพ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเริ่มทนไม่ได้ เขาจับหนานหนานทันทีแล้วกล่าวอย่างโมโห “ยังไม่บอกความจริงกับข้าอีก บอกมา ของชิ้นนี้เจ้าได้มาจากไหน ขโมยมา หรือว่าไปปล้นเอามา”
หนานหนานปัดป้องมือของเขาสองครั้ง ก็พบว่าปัดออกไม่ได้ ทั้งยังกระชับแน่นขึ้นอีกต่างหาก
เขาเร่งรีบก้มหน้ากัดอีกฝ่าย ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงขมวดคิ้ว เพียงยกมือก็ตบไปที่หน้าผากของเขา
แต่หนานหนานเอนหลังในทันทีแล้วยกมือขึ้นต้าน
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงรู้สึกเจ็บแปลบที่กลางฝ่ามืออย่างอธิบายไม่ถูก รูม่านตาหดลง รีบปล่อยมือของหนานหนาน ก้มหน้าลงมองฝ่ามือ
มีเข็มเงินสามเล่มเสียบอยู่ตรงนั้น ส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์
“ถ้าท่านชอบป้ายอาญาสิทธิ์นั้น ข้ายกให้ก็แล้วกัน ลาก่อน” หนานหนานเมื่อเห็นว่าแผนการของตนสำเร็จ ก็รีบถอยหลัง
ฝีเท้าตระกูลลู่ในครั้งนี้เร็วกว่าสองสามครั้งก่อนหน้า เพียงใช้พลังแค่ครั้งเดียว เขาก็ถอยไปข้างหลังได้กว่า 20 กว่าเมตร
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหายใจถี่ในทันที รีบตามมาติดๆ อาเจียงอาเหอเองก็รีบติดตามมาด้วย พยายามที่จะล้อมหนานหนานเอาไว้
หนานหนานหงุดหงิด ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงผู้นี้ก็ถูกตนวางยาไปแล้ว เหตุใดยังมีแรงมากเพียงพอตามตนมาอีก นี่เขาไม่รู้สึกวิงเวียนคล้ายจะหมดสติบ้างเลยหรือ?
เขากัดฟัน หันกลับมาก็พบว่าเส้นทางด้านหลังถูกกั้นไว้หมดแล้ว หากเขาอยากจะผ่านไป อย่างไรก็เป็นไปไม่ได้
หนานหนานฮึดฮัดออกมา ทำได้เพียงขยับไปทางซ้าย
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเห็นดังนั้น แววตาก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมา ส่งสัญญาณมือให้อาเจียงและอาเหอ ทั้งสองคนถอยหลังทันที จากนั้นก็รวมตัวเองอีกครั้ง เพียงแต่ตำแหน่งเปลี่ยนไปมาก
หนานหนานคิดแต่จะหลบหนี จะมองสิ่งเหล่านี้ออกได้อย่างไร
จนกระทั่งเขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ คนทั้งคนก็ถูกบีบให้เข้าไปยังป่าไผ่ในจวนแล้ว ทำอย่างไรก็ออกไปไม่ได้
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงยืนอยู่นอกป่าไผ่ ขาสองข้างเหยียบกับพื้น กระอักเลือดออกมาเต็มปากพร้อมเสียง ‘อึก’
อาเจียงและอาเหอตกใจมาก รีบเข้ามาพยุงเขา “ท่านผู้อาวุโส”
“ไม่เป็นไร” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงโบกมือ หายใจเข้าลึกๆ เด็กคนนี้ช่างไร้ปรานีจริงๆ หากเมื่อครู่เขาไม่สูดหายใจ เกรงว่าจะขวางเขาไว้ไม่ได้แล้ว ทั้งยังไม่สามารถบังคับเขาให้หลบเข้าไปข้างในได้ด้วย
พวกอาเจียงทั้งสองคนจึงปล่อยมือที่พยุงเขา ถอยออกมาตรงจุดที่อยู่ห่างเขาไปก้าวหนึ่ง
มองไปยังป่าไผ่เขียวชอุ่ม สองสามคนเงียบไปครู่หนึ่ง สีหน้าของอาเหอยังคงไร้อารมณ์ อาเจียงเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ถามออกมา “ท่านผู้อาวุโส เด็กคนนั้น… จะปล่อยให้เขาอยู่ข้างในเช่นนี้หรือขอรับ”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงชำเลืองมองเขา “เด็กคนนั้นช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ควรให้บทเรียนเขาเสียหน่อย ให้เขาอยู่ในนั้นสักคืนหนึ่ง คงจะเชื่อฟังขึ้นมาบ้าง
ส่วนเรื่องที่ว่าแผ่นป้ายเงินนั้นเขาไปเอามาจากไหน วรยุทธ์นั้นเขาเรียนมาจากไหน ก็ไม่สนใจแล้ว
ตอนนี้เขาจะต้องกำจัดความมุ่งมั่นของอีกฝ่ายก่อน เพื่อในอนาคตอีกฝ่ายจะไม่ทำให้เขารู้สึกแย่เหมือนที่เย่ซิวตู๋ทำ ไม่เช่นนั้นเขาคงอายุสั้นลงอีกสองสามปี
อาเจียงและอาเหอสบตากัน เหตุใดผู้อาวุโสเผ่าเหมิงจึงยังไม่ยอมแพ้กับแผนการที่จะให้หนานหนานมาเป็นลูกศิษย์ของเขาอีก
แต่คิดๆ แล้วก็จริง ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงผู้นี้มักจะให้ความสำคัญกับความสามารถและการเรียนรู้ คนไม่น้อยที่อยากจะขอให้เขาเป็นอาจารย์ ต่างก็ถูกเขาปฏิเสธเพราะสติปัญญาไม่เพียงพอ
แต่เหล่าคนที่มาขอให้เป็นอาจารย์พวกนั้น สติปัญญาจะไม่เพียงพอได้อย่างไร เหล่าคนที่เคยมาเมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น ตอนนี้ถึงแม้จะไม่ได้อยู่จุดสูงสุด แต่ก็ยังเป็นถึงหัวหน้าผู้อารักขา ดูจากสิ่งนี้แล้ว ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงนั้นมีมาตรฐานของความสามารถคนสูงมากจริงๆ
ตอนนี้เห็นหนานหนานแล้ว ก็เหมือนเห็นฝนหลังจากหน้าแล้งอันยาวนาน แววตานั้นมักจะเป็นประกาย แล้วจะปล่อยเขาไปง่ายๆ ได้อย่างไร
อาเจียงพยักหน้าในทันที เช่นนั้นแล้ว เด็กคนนั้นก็คงไม่เป็นอะไร ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงคงปล่อยเขาไว้ตรงนี้ไม่ลงหรอก
“กลับไป” รู้สึกวิงเวียนหัวเล็กน้อยแล้วจริงๆ ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงกำนิ้วมือแน่น มุมปากก็เหยียดตึง
อาเหอเห็นสีหน้าของเขาไม่สู้ดี ก็รีบมาพยุงเขากลับเข้าไป
อาเจียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็หันหลังจากไปเช่นกัน
ไม่มีเสียงจากด้านหลังแล้ว หนานหนานลดความเร็วฝีเท้าลงอย่างแปลกใจ หันหน้าไปมองด้วยความสงสัย
แต่ภาพที่เห็นกลับมีแต่ต้นไผ่สูงสีเขียวชอุ่ม ราวกับว่ารอบตัวทั้งหมดล้วนมีแต่ต้นแบบเดียวกัน
หนานหนานกะพริบตา จากนั้นก็กะพริบตาอีกครั้ง จากนั้นไม่นานก็ตะโกนออกมาทันใด “อ๋า ค่ายกล ที่แท้ก็คือค่ายกล”
ช่างต่ำทรามเสียจริง ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงอะไรนั่นทำเกินไปแล้ว ไม่แปลกเลยที่ไล่ตามเขาอยู่ดีๆ ก็เลิกตามแล้ว ไม่แปลกเลยที่การเคลื่อนที่ของสองสามคนนั้นดูผิดปกติ ที่แท้ก็วางแผนเช่นนี้อยู่นี่เอง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะรับเป็นศิษย์ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย โหดร้ายเกินไปไหม
ไหหม่า(海馬)