อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 682 ได้พบหนานหนาน
ตอนที่ 682 ได้พบหนานหนาน
ตอนที่ 682 ได้พบหนานหนาน
“เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหนขอรับ?” เย่ซิวตู๋ถามอีกครั้ง
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมองเขาอย่างเย้ยหยัน “ข้าบอกเจ้าไม่ได้หรอก” ที่บอกความเกี่ยวข้องยิ่งใหญ่นักหมายความว่าอันใดกัน? เขาเคยพบหนานหนานมาก่อนหรือ? หรือจะบอกว่า เพราะเรื่องที่พวกเขาเดิมพันกัน เขาเลยไปพบหนานหนานและพูดคุยกันเรียบร้อย ให้เขาไปเข้าร่วมการประชุมสุราอย่างนั้นหรือ?
เย่ซิวตู๋ถอนหายใจ “เช่นนั้นแล้ว ข้าขอตามหาในจวนแล้วกันขอรับ ไม่ช้าก็เร็วคงหาพบ”
“เจ้า เจ้า…” ที่แท้นิสัยก็เปลี่ยนยาก นิสัยช่างเปลี่ยนยากจริงๆ คนผู้นี้ก็เหมือนตอนเด็กๆ ไม่มีผิด นิสัยยังเย็นชาและดื้อรั้น ไม่ฟังอะไรกันบ้างเลย
เย่ซิวตู๋หันไปบอกพ่อบ้าน “ดูแลท่านอาจารย์ให้ดีเล่า ในเมื่อเขาบาดเจ็บแล้ว ก็เชิญหมอดีๆ มาพบเขาสักคน อย่าทำให้การรักษาล่าช้า หากหมอคนอื่นมารักษาแล้วไม่ดี ก็มาบอกข้า ข้าจะไปบอกหมอเฒ่าฉยงซาน คงเป็นอันใช้ได้”
พ่อบ้านลอบเช็ดเหงื่อ ชำเลืองมองผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแวบหนึ่ง ตอบกลับมาเบาๆ ว่า ‘ขอรับ‘
เย่ซิวตู๋ยังหน้าให้ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงอีกครั้ง จากนั้นก็หันหลังออกจากห้องไป
เพียงเขาออกจากประตู ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงก็ลงจากเตียงทันทีด้วยใบหน้าซีดเผือด “ไอ้ศิษย์อกตัญญู ไม่ช้าก็เร็วเขาจะทำให้ข้าโมโหตาย โมโหตาย”
พ่อบ้านคอยสังเกตสีหน้าของเขาอย่างระมัดระวังอยู่ด้านข้าง ลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวเบาๆ “ท่านผู้อาวุโส เด็กคนนั้นอยู่ในป่าไผ่มาหนึ่งคืนแล้ว ในนั้นทั้งชื้นและยุงชุม พาเขาออกมาดีหรือไม่ขอรับ?”
อีกทั้งตอนนี้นายน้อยเย่ก็จะตามหาในจวนแล้ว ไม่ช้าก็เร็วคงตามเจอ
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงคิด จริงๆ ด้วย เด็กคนนั้นเองก็คงได้รับบทเรียนแล้ว เขาเงยหน้า กล่าวกับคนที่ด้านนอก “อาเหอ เข้ามานี่”
เพียงกล่าวจบ อาเหอก็เข้ามาในห้อง “ท่านผู้อาวุโส”
“เจ้าไปที่ป่าไผ่ นำตัวเด็กคนนั้นออกมา ค่ายกลนั่น เจ้าคงรู้นะว่าต้องไปอย่างไร” ทั้งจวนผู้อาวุโสเผ่าเหมิงนี้ คนที่รู้ว่าจะเข้าไปอย่างไรออกมาอย่างไรก็มีเพียงเขาและอาเหอเท่านั้น คนอื่นๆ ไม่มีความสามารถนี้
เขาเองไปไม่ได้ จุดหมายใหญ่เกินไป ซิวเอ๋อร์จะรู้ได้ในทันที
“จำเอาไว้ เจ้าจะต้องพาเด็กออกมาก่อนซิวเอ๋อร์ จะให้ซิวเอ๋อร์พบกับเด็กคนนั้นไม่ได้ ใครจะรู้ว่าในใจเขาวางแผนอะไรเอาไว้ เจ้าเด็กเวรนั่นความคิดล้ำลึกมาตั้งแต่เด็ก คิดแล้วคิดอีก”
อาเหอพยักหน้า “ขอรับ”
“อีกอย่าง หลังจากพาออกมาแล้วให้เขาไปอาบน้ำกินอาหาร และได้นอนหลับอย่างสบายเสียก่อน ตบหัวเสร็จแล้วต้องลูบหลังเสียหน่อย” เช่นนี้จะได้ว่าง่ายขึ้นหน่อย เด็กหนอเด็ก เกลี้ยกล่อมได้ง่ายกว่าเสมอ อย่างไรเสียในโลกนี้ก็คงมีเด็กไม่กี่คนที่จะชอบให้ใช้ไม้อ่อนดังเช่นซิวเอ๋อร์ตอนเด็กๆ
อาเหอรับคำสั่ง ถือกระบี่ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว มองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร ก็หายใจถี่แล้วลงไปชั้นล่าง
แต่ครู่ต่อมา จู่ๆ ในอกก็แน่นขึ้นมา ขาทั้งสองข้างซวนเซแตะพื้น เกือบจะยืนไม่ไหว ใบหน้าซีดเซียว
ไม่รู้ว่าอาเจียงวิ่งมาจากทางไหน รีบพยุงเขาเอาไว้ กล่าวอย่างโกรธเคือง “ถูกพิษแล้ว ยังจะใช้กำลังภายในตามอำเภอใจอีก เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ยังเดินได้อยู่ไหม”
อาเหอส่ายหน้า ดูท่าทางเด็กคนนั้นจะไม่ได้โกหกเขา ในร่างกายของเขามีพิษจริงๆ และตอนนี้ยังร้ายแรงขึ้นด้วย
“ข้าไม่เป็นไร เดินได้อยู่” อาเหอกล่าว ผลักอาเจียงออกไปแล้วเดินหน้าไปสองสามก้าว
แต่จู่ๆ ขาทั้งสองข้างก็สั่น ทั้งร่างจะล้มไปข้างหน้า
อาเจียงโมโหออกมา ใช้แรงประคองร่างของเขา “ไป ข้าจะพยุงเจ้าไป” คนผู้นี้ช่างเก็บกดนัก ชอบทำเป็นแข็งแกร่ง ไม่แปลกใจเลยที่จะถูกวางยา ทั้งหมดก็เป็นเพราะอารมณ์ของเขาเอง
อาเหอส่ายหน้า รู้สึกแย่มากจริงๆ ทำได้เพียงยอมให้เขาพยุงตนเข้าป่าไผ่ไป
ใครจะรู้ว่าทั้งสองคนเพิ่งมาถึงหน้าค่ายกล ด้านหน้าก็มีคนคนหนึ่งมาหยุดตรงหน้า ทั้งสองจ้องเขม็ง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเจออุปสรรคเข้าแล้ว
“นายน้อยเย่”
เย่ซิวตู๋หันกลับมาช้าๆ เห็นท่าทางแปลกๆ ของอาเหอก็เม้มปากแล้วถาม “พิษในร่างเจ้า หนานหนานเป็นคนวางหรือ?” เขาเชื่อว่านอกจากยาพิษของชิงเอ๋อร์แล้ว ก็ไม่มีใครที่จะสามารถปล่อยให้อาเหอโดนพิษมาถึงตอนนี้โดยไม่ได้รับการถอนพิษเป็นแน่
อาเหอพยักหน้า เขาเองก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง
อาเจียงกลับเบิกตากว้าง “นายน้อยเย่รู้ว่าเด็กคนนั้นชื่อหนานหนานหรือ? นายน้อยเย่รู้จักเขาหรือขอรับ?” ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้พวกเขาไม่เคยบอกว่าเด็กคนนั้นชื่ออะไรนี่
เย่ซิวตู๋นิ่งเงียบ ผ่านไปครู่หนึ่งก็พยักหน้า “รู้จัก สนิทกัน”
สนิทกันหรือ?
สีหน้าอาเจียงดูมีความสุข มองอาเหอแวบหนึ่ง แล้วก็รีบกล่าว “นายน้อยเย่ช่วยบอกให้เด็กคนนั้นนำยาแก้พิษออกมาได้ไหมขอรับ อาเหอเขา…” ดูแย่มากทีเดียว
อาเหอตกใจมาก รีบผลักอาเจียงออกไป ไออย่างหนักสองครั้ง” เจ้าพูดอะไรน่ะ?” ตอนนี้พวกเขากำลังทำภารกิจอยู่ คือห้ามไม่ให้นายน้อยเย่เข้าไปในป่าไผ่ ไม่อย่างนั้นจะรายงานท่านผู้อาวุโสอย่างไร
เย่ซิวตู๋เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างเรียบเฉย “อืม”
อาเจียงลดสายตาลง ไม่มองอาเหอ ครุ่นคิดแล้วกล่าว “อีกอย่าง นายน้อยเย่ขอรับ ท่านผู้อาวุโสบาดเจ็บจริงๆ เพียงแต่พื้นฐานของท่านผู้อาวุโสยังดีอยู่ เมื่อดูแล้วจึงไม่รู้สึกว่าร้ายแรงอะไร”
เย่ซิวตู๋ชะงัก ไม่คิดเลยว่าอาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงจะจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง ไม่ได้แสร้งทำไปทั้งหมด เขาคิด ก่อนจะถามออกมา “หนานหนานเป็นคนทำหรือ?”
“เด็กคนนั้นฉลาดมากขอรับ ในมือเขาถือเข็มเงิน ท่านผู้อาวุโสไม่ป้องกันตัวจากเด็ก จึงโดนโจมตีเข้า” อืม ไม่ใช่เพราะอายุมากแล้ววิชาจึงถดถอย เพียงแต่ว่า… ประเมินศัตรูต่ำไป
“เข้าใจแล้ว” เย่ซิวตู๋พยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัวเข้าป่าไผ่ไป
จนกระทั่งแผ่นหลังของเขาห่างออกไป เข้าสู่ส่วนลึกของป่าไผ่ อาเหอจึงจ้องมองอาเจียงอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าพูดอะไรกับนายน้อยเย่น่ะ”
“ที่ท่านผู้อาวุโสบาดเจ็บเป็นเรื่องจริง ถึงแม้ปกติแล้วท่านผู้อาวุโสจะชอบเย้ยหยันนายน้อยเย่ในความจริงจังของเขา แต่จริงแล้วเขาน่ะรักนายน้อยเย่มาก และอยากให้นายน้อยเย่เป็นห่วงเขาจริงๆ ครั้งนี้นายน้อยเย่คิดว่าที่ท่านผู้อาวุโสบาดเจ็บไม่ใช่เรื่องจริง และเข้าใจท่านผู้อาวุโสผิด มันไม่ใช่สิ่งที่ท่านผู้อาวุโสต้องการนี่”
หาได้ยากที่อาเจียงจะจริงจังเพียงนี้ กลับทำให้อาเหอพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง คำพูดนี้ก็ไม่ผิด พวกเขาอยู่ข้างกายผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมาหลายปี เห็นได้ชัดถึงความรู้สึกที่ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมีต่อเย่ซิวตู๋
แม้ว่าผู้อาวุโสเผ่าเหมิงจะบอกว่าไม่ให้อภัย แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับเย่ซิวตู๋มากกว่าเหมิงจื่อเชียน หลานชายที่เติบโตมาข้างกายเขาเสียอีก
อาเหอพูดอะไรไม่ออก เริ่มเจ็บหน้าอกอีกครั้ง ทำได้เพียงหาก้อนหินเพื่อนั่งลงแล้วหลับตา “เรารอนายน้อยเย่ตรงนี้เถอะ”
“อืม” อาเจียงพยักหน้า หันไปมองป่าไผ่
เพียงเย่ซิวตู๋เข้าไปยังป่าไผ่ ก็เหมือนกับเข้าไปยังสวนหลังบ้านของตนเอง เดิมทีค่ายกลนี้เขาเป็นผู้ออกแบบ ไม่มีใครที่จะคุ้นเคยกับมัน และรู้ว่าต้องแก้ไขอย่างไรได้เท่าเขาแล้ว
ดังนั้น เพียงใช้วรยุทธ์ครู่เดียว เขาก็หาที่อยู่ของหนานหนานพบ
แต่เมื่อเขาเห็นหนานหนานอยู่ตรงหน้า ก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างอธิบายไม่ถูก คิ้วของเขากระตุกอย่างรุนแรงสองสามครั้ง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องไปเจอลูกชายในสภาพไหนกันน่ะ ถึงได้พูดอะไรไม่ออก
ไหหม่า(海馬)