อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 683 เขาเป็นบิดาของข้า
บทที่ 683 เขาเป็นบิดาของข้า
บทที่ 683 เขาเป็นบิดาของข้า
เย่ซิวตู๋ยกมือขึ้นลูบหว่างคิ้วของตน เห็นเด็กคนนี้ทำปากแจ๊บๆ นอนยกขาชี้ฟ้า หลับตานอนอย่างสบายใจเฉิบ ในใจก็ไม่ค่อยอยากจะรบกวนเขา
จากนั้นก็เห็นเศษขนมของว่างอยู่ตรงพื้นข้างๆ เขา บนท้องก็มีผ้าห่มผืนเล็กๆ คลุมอยู่ รอบตัวไม่มียุงเลยสักตัว ดูท่าแล้วเหมือนเขามาเล่นที่นี่เสียมากกว่า
เย่ซิวตู๋อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า เขากับชิงเอ๋อร์เหมือนกันทุกประการ หากง่วงหลับอยู่ในค่ายกลก็ไม่ห่วงเรื่องของกินหรือเสื้อผ้า ซึ่งคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าในกระเป๋าใบเล็กของหนานหนานเหตุใดจึงใส่ของได้มากมายเพียงนี้ ราวกับว่าในนั้นมีของทุกอย่าง
เย่ซิวตู๋ก้าวไปข้างหน้า เรียกเขาเบาๆ “หนานหนาน ตื่นเร็ว”
“ไปไกลๆ อย่ามากวนข้า ข้าง่วง…” หนานหนานโบกมือ บิดตัว จากนั้นก็พลิกตัว
แต่หินยังมีขนาดใหญ่ไม่พอ เมื่อเขาพลิกตัวจึงตกลงมาที่พื้น
เย่ซิวตู๋เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว คว้าเขาเอาไว้ในอ้อมแขนของตน เจ้าเด็กน้อยย่นจมูก เบ้ปาก หาท่าที่สบายตัวในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็หลับลึกอีกครั้ง
เย่ซิวตู๋ส่ายศีรษะ มองของเหล่านั้นที่อยู่ที่พื้นก่อนเก็บขึ้นมา จากนั้นก็อุ้มเขาค่อยๆ เดินออกจากป่าไผ่ไป
อาเจียงและอาเหอรอได้สักพักแล้ว เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ทั้งสองคนจึงยืนขึ้นพร้อมกัน
แต่ต่อมาก็ต้องอึ้งงัน เห็นหนานหนานที่อยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
เย่ซิวตู๋แสดงสีหน้าบอกให้พวกเขาเงียบไว้
ทั้งสองคนสบตากันแล้วพยักหน้า ถอยมาอยู่ด้านหลังเขา
จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปยังห้องของผู้อาวุโสเผ่าเหมิง เพิ่งจะถึงนอกประตู ก็เห็นผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเปิดประตูเดินออกมา
เมื่อเห็นเย่ซิวตู๋อุ้มหนานหนานอยู่ เขาเองก็ประหลาดใจเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว “ส่งเด็กมาให้ข้า”
เย่ซิวตู๋หันหลังเบี่ยงหลบแขนของเขาที่ยื่นออกมา จากนั้นก็เดินเลยเข้าไปข้างใน แล้วนั่งลงตรงหน้าเตียง ปรับท่าทางให้หนานหนาน ให้เขานอนต่อไป
จากนั้นก็กล่าวกับผู้อาวุโสเผ่าเหมิงที่เดินตามมาว่า “ท่านบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือ?”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแค่นหัวเราะ ทำเสียงฮึดฮัด นั่งลงตรงหน้าเขาแล้วขึ้นเสียง “ข้าบอกแล้วว่าไม่ใช่เรื่องของเจ้า ข้า…”
“ชู่ว เงียบหน่อยขอรับ” เย่ซิวตู๋รับรู้ได้ถึงหนานหนานที่ขยับตัวอย่างไม่สบายอยู่ในอ้อมแขนของเขา ลดเสียงต่ำอย่างไม่ค่อยพอใจนัก “เขานอนอยู่”
หนานหนานมีอารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรงมากหากถูกปลุกกลางคัน หากเอาแต่ปลุกเขาเช่นนี้ รับรองว่าเขาจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น และระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างแน่นอน
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงถึงกับโมโห ท่าทางของเขานี่มันอะไร นี่เขามาพูดอยู่ในห้องของตน ทั้งยังจะมาควบคุมเสียงของตนอีกหรือ?
แม้ในใจจะคิดเช่นนั้น แต่เมื่อเห็นหนานหนานนอนหลับอย่างอิ่มเอมเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะลดเสียงลง “เช่นนั้นก็วางเด็กลงบนเตียงก็ใช้ได้แล้ว อีกอย่าง ตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ที่จวนข้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาอุ้มเขาไปไหนมาไหน”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว เขาจะไม่มีสิทธิ์ได้อย่างไร นี่เป็นบุตรชายของเขา ถ้าบอกไปคงตกใจแทบตาย
“อีกอย่าง ต่อไปเด็กคนนี้ก็จะเป็นลูกศิษย์ข้า เป็นศิษย์น้องของเจ้า เจ้าอย่าคิดที่จะวางแผนทำอะไรให้วุ่นวายเล่า”
เย่ซิวตู๋กระชับร่างของหนานหนานแน่น ยิ้มพลางโคลงศีรษะ หนานหนานไม่ตกลงแน่ เขาคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปหรือไม่
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเห็นว่าเขาไม่กล่าวอะไรก็กล่าวย้ำอีกสองสามคำ ยังคิดจะพาหนานหนานกลับมา แต่สุดท้ายก็อดทนไว้
หลังจากกล่าวอยู่ครู่ใหญ่ เย่ซิวตู๋ก็รู้สึกได้ถึงร่างเล็กน้อยอ้อมแขนที่ขยับ เขาหลุบตาลง เห็นว่าเด็กน้อยเอามือขยี้ตา ราวกับว่ากำลังจะตื่นแล้ว
หนานหนานนอนหลับสบายมาก อ้าปากหาว จากนั้นก็ลืมตาอย่างงัวเงีย
คิดไม่ถึงว่าเมื่อเงยหน้า ก็เห็นหน้าที่คุ้นเคยอย่างผู้อาวุโสเผ่าเหมิง “อ๋า นี่ท่าน… ท่าน ท่าน…”
เย่ซิวตู๋วางเขาลงกับพื้น กล่าวเสียงเบา “หนานหนาน คุกเข่าเสีย ทำความเคารพผู้อาวุโสเผ่าเหมิง”
เสียงที่คุ้นเคย!!
หนานหนานหันศีรษะมาทันที เมื่อเห็นเย่ซิวตู๋ ดวงตาก็เป็นประกาย กำลังคิดจะเรียกเขา
แต่ยังไม่ทันได้กล่าวอันใด เสียงจริงจังของเย่ซิวตู๋ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “หนานหนาน เจ้าทำท่านผู้อาวุโสเผ่าเหมิงบาดเจ็บ คุกเข่าคำนับเขาเสีย”
หนานหนานกะพริบตา มองท่านพ่อของตน จากนั้นก็มองผู้อาวุโสเผ่าเหมิงที่กำลังขมวดคิ้วอย่างสงสัย ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าผู้อาวุโสเผ่าเหมิงอย่างเชื่อฟัง คุกเข่าให้เขา ก้มหัวคำนับหนึ่งครั้ง
ถึงเขาจะไม่เต็มใจอย่างมาก แต่ที่ท่านพ่อบอกก็มีเหตุผล
เขาอยากให้ตนโค้งคำนับ ก็คำนับเขาครั้งหนึ่งเถิด
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงถอยเท้าก้าวหนึ่งในทันที จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “เจ้า เจ้าจะให้ข้าเป็นอาจารย์แล้วใช่หรือไม่?”
“หา” หนานหนานรีบลุกขึ้นจากพื้น ถอยหลังไปหนึ่งก้าว “อาจารย์อะไรกัน ข้าเปล่า ข้าเพียงคำนับเท่านั้น”
พูดจบ เขาก็หันหัวไปมองเย่ซิวตู๋
เย่ซิวตู๋ยื่นมือออกไปหาเขา “หนานหนาน มานี่มา”
บนใบหน้าของหนานหนานปรากฏรอยยิ้มขึ้น เดินไปตรงหน้าเขาอย่างเชื่อฟัง ปีนขึ้นไปบนตักเขา โอบเอวของเขา เอาหน้าซบกับหน้าอกของเขา
“หิวหรือไม่” เย่ซิวตู๋นวดเข่าของเขา เห็นท่าทางขี้เกียจนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
หนานหนานลูบท้อง ราวกับจะคิดอย่างจริงจัง จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ากินอาหารแล้วก็นอนหลับ เหมือนว่าจะนอนไปกว่าสี่ชั่วยามแล้ว น่าจะหิวแล้วขอรับ”
เย่ซิวตู๋พยักหน้า หันกลับไปสั่งพ่อบ้านที่ด้านหลัง “ไปเตรียมของกินเสียหน่อยเถิด ให้ในครัวตั้งใจทำหน่อย”
“ข้าอยากกินขนมที่กินเมื่อวาน ข้าชอบมากเลย ทำเยอะหน่อยนะ กลับไปข้าจะห่อไปให้ท่านแม่กับน้องอวี้ได้ลองชิม” หนานหนานได้ยินคำว่ากินก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที รีบกล่าวเสริม
พ่อบ้านมองผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแวบหนึ่ง เห็นเขาไม่ตอบสนองอะไรก็ลอบถอนหายใจ หันหลังออกไป บอกคนรับใช้ด้านนอก จากนั้นก็กลับเข้ามาในห้องใหม่อีกครั้ง
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมองเขาทั้งสองคนไปมา ขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเย่ซิวตู๋กล่าวเบาๆ “ต่อไปอย่าไปไหนเพ่นพ่านอีกนะรู้หรือไม่ จะเป็นการสร้างปัญหาให้ตัวเอง คนที่ลำบากก็จะเป็นเจ้า เข้าใจหรือไม่?”
“เข้าใจแล้วขอรับ ต่อไปข้าจะเป็นเด็กดี” หนานหนานเห็นว่าครั้งนี้ท่านพ่อไม่เป็นเช่นคราวที่แล้ว คิดว่าเขาน่าจะไม่โกรธเรื่องที่ตนและท่านแม่หนีมาดินแดนเหมิงอีกแล้ว จึงทำตามที่เขาบอก เขาบอกอะไรก็ทำเช่นนั้น
แต่ผู้อาวุโสเผ่าเหมิง อาเจียง อาเหอ และคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างต่างก็ตกตะลึง พวกเขาเองก็ถือว่าได้ติดต่อกับหนานหนานมาแล้ว เด็กคนนี้… เพียงเห็นแวบแรกก็รู้ว่าดื้อด้าน ตอนนี้เหตุใดจึงเชื่อฟังถึงเพียงนี้
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงจ้องเย่ซิวตู๋เขม็งแล้วถาม “เหตุใดเขาจึงเชื่อฟังเจ้า?” ซิวเอ๋อร์จะต้องให้สัญญากับเขาบางอย่างเป็นแน่
หนานหนานหันมามองเขาอย่างประหลาดใจ “เขาเป็นบิดาของข้า ข้าก็ต้องเชื่อฟังพ่อข้าสิ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อะไรที่เป็นความลับ พอผ่านหนานหนานแล้วก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป ๕๕๕
ไหหม่า(海馬)