อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 685 เรียกท่านปู่ทวด
ตอนที่ 685 เรียกท่านปู่ทวด
ตอนที่ 685 เรียกท่านปู่ทวด
เย่ซิวตู๋มือสองข้างกอดอก แค่นหัวเราะมองไปยังผู้อาวุโสเผ่าเหมิง “ไม่ใช่ว่าท่านไม่ยอมรับข้าเป็นหลาน และให้ข้าเรียกท่านว่าท่านอาจารย์เท่านั้นหรอกหรือ?”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงสำลัก จากนั้นก็กล่าวพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น “เจ้าคือเจ้า หนานหนานคือหนานหนาน จะเหมือนกับเจ้าได้อย่างไร นี่คือหลานที่รักของข้านะ”
เย่ซิวตู๋เข้าใจแล้ว ว่าในใจของท่านปู่ผู้นี้ เขาเป็นที่ชื่นชอบน้อยกว่าบุตรชายของเขามาก
แต่นี่ช่างแปลกนัก ดูเหมือนว่าหนานหนานไปที่ไหนก็มักจะมีคนรักและปกป้องเสมอ ส่วนเขาดูจะตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง นี่แปลกนัก เห็นชัดๆ ว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกกัน ต่างก็มีใบหน้าที่เคร่งขรึมและดูดีเหมือนกัน
ชิงเอ๋อร์ยังบอก ว่าตนให้ความรู้สึกเหมือนชายที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้ว
หรือเป็นเพราะ… นิสัยไม่เหมือนกันหรือ?
หนานหนานเองก็เข้าใจแล้ว นี่ไม่สำคัญว่าจะเรียกท่านอาจารย์ปู่ หรือว่าท่านปู่ทวด อย่างไรเสียเขาก็ดูเหมือนจะเป็นที่ชื่นชอบมาก เช่นนั้น…
“หนานหนาน มานี่ เรียกว่าท่านปู่ทวดสิ เด็กดี” ในใจผู้อาวุโสเผ่าเหมิงตื่นเต้นมาก นี่คือเหลนของเขา ตอนนี้เขาก็ถือว่ามีครอบครัวสี่ชั่วอายุคนแล้ว อีกทั้งเหลนคนนี้ยังฉลาดและน่ารักกว่าหลานอย่างเย่ซิวตู๋ที่แสนจะเย่อหยิ่งมากนัก ดี ดีมากจริงๆ พวกเขาจะได้มีคลื่นลูกใหม่ ให้ชาวดินแดนเหมิงได้เห็น ว่าตระกูลเขามีพันธุกรรมที่แข็งแกร่งเพียงไหน
หนานหนานตอบสนองรวดเร็ว กล่าวทันที “ท่านปู่ทวด ข้าอยากกินขนม อันที่ข้ากินไปก่อนหน้านี้ขอรับ ข้าอยากจะห่อกลับไปให้น้องอวี้ได้กินด้วย”
“ได้ๆๆ เจ้าอยากกินอะไรก็จะทำให้เจ้าทั้งหมด พ่อบ้าน รีบไปบอกทางห้องครัว อย่าให้เหลนของข้าต้องหิว” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นนี้ไว้ได้ โบกมือให้พ่อบ้านรีบไป จากนั้นก็หันกลับมากอดหนานหนาน ราวกับเกรงว่าเขาจะถูกเย่ซิวตู๋แย่งเอาไป ประหม่าอย่างมาก
กอดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ เขาก็เหมือนว่านึกบางอย่างขึ้นมาได้ ถามอย่างแปลกใจ “น้องอวี้คือใครหรือ” เขากล่าว จากนั้นก็เงยหน้ามองเย่ซิวตู๋ “ลูกสาวของเจ้าเช่นกันหรือ เช่นนั้นรีบพานางมาที่นี่เลย”
เย่ซิวตู๋กระตุกมุมปาก กล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่ใช่ขอรับ เสี่ยวอวี้เป็นสหายของหนานหนาน เรื่องนี้ประเดี๋ยวท่านก็จะได้รู้ในภายหลัง”
“อ้อ” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงพยักหน้า และไม่ได้ถามอันใดมากมาย เพียงแต่มองไปยังหนานหนาน ยิ้มแล้วกล่าว “หนานหนานของเราช่างเป็นเด็กดีนัก รู้จักดูแลสหาย มีของอร่อยหรือน่าสนุกก็ยังรู้จักคิดถึงคนอื่น ศีลธรรมช่างสูงส่งจริงๆ อีกเดี๋ยวคนพวกนั้นก็จะต้องอิจฉาข้าแน่ที่มีเหลนว่าง่ายเพียงนี้”
หนานหนานพึงพอใจกับคำชมอย่างมาก ยิ่งรู้สึกว่าตนนั้นมีข้อดีมากมายนับไม่ถ้วน ยามผู้อาวุโสเผ่าเหมิงกล่าว เขาก็เชิดหน้าสูงขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายแล้วเขาก็พยักหน้ารัว “จริงขอรับๆ ศีลธรรมของข้าสูงส่งมาตลอด ใครๆ ต่างก็ยกย่องข้า”
อาเจียงและอาเหอสบตากัน มุมปากกระตุกอย่างแรง
เย่ซิวตู๋แทบจะสำลักชาที่จิบออกมา สองคนนี้ช่างมีพันธุกรรมเหมือนกันจริงๆ ต่างก็…ไร้ยางอายเหมือนกัน
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงลูบศีรษะเล็กๆ ของเขา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้น ข้าจะสอนการต่อสู้ทั้งหมดของข้าให้กับเจ้า ข้าเองก็วางใจแล้ว ด้วยคุณสมบัติของเจ้านี้ ขอเพียงอยู่กับข้าห้าปี จะต้องประสบความสำเร็จแน่ จะได้ซึมซับประสบการณ์ของข้า”
“…” สีหน้ามีชัยของหนานหนานแข็งทื่อไปชั่วขณะ ยังชมเขาอยู่เลยไม่ใช่หรือ เหตุใดอยู่ดีๆ จึงเปลี่ยนประเด็นได้? การเปลี่ยนประเด็นเช่นนี้เขาไม่ชินเอาเสียเลย
อีกอย่าง ห้าปีหรือ????
อยู่ข้างท่านปู่ทวดไปอีกห้าปีหรือ???
หนานหนานส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังเย่ซิวตู๋ เย่ซิวตู๋ปิดถ้วยชาเบาๆ เลิกคิ้วมองไปยังหนานหนาน เมื่อครู่ไม่ใช่ว่ายังทำท่าทางเสียดายที่เจอกันช้าไปอยู่เลยไม่ใช่หรือ กล่าวจากก้นบึ้งของหัวใจเลยนี่ เขายังคิดอยู่ว่าอีกฝ่ายลืมไปแล้วว่ามีบิดาคนนี้อยู่ข้างๆ
ทว่าเห็นท่าทางเช่นนั้นของผู้อาวุโสเผ่าเหมิง เห็นได้ชัดว่าเขาเลือกตัวหนานหนานแล้ว
เย่ซิวตู๋เงียบไป กระแอมเบาๆ รอจนผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหันสายตามา เขาจึงกล่าว “ท่านประมุขของดินแดนเหมิงสอนวิชาต่อสู้ให้หนานหนานด้วยตัวเองขอรับ”
“เหมิงลู่หรือ” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงอึ้งงันไป ทันใดนั้นก็เงยหน้ามามองเขา ที่แท้เหมิงลู่ก็รู้จักหนานหนาน ที่แท้ก็รู้จักเหลนของเขาก่อนเขาเสียอีก ถึงขนาดยังสอนการต่อสู้ให้เขาด้วยตัวเองก่อนหน้าเขา นี่มันหมายความว่าอย่างไร
อีกทั้ง อีกทั้ง ตอนเขากลับมาก็ไม่เคยบอกเรื่องหนานหนานกับตน ท่านประมุขยอดเยี่ยมเพียงนั้นเลยหรือ ถึงแม้จะเป็นประมุข แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนานหนานทางสายเลือดนี่
ถึงว่าสิ หนานหนานจึงมีวิชาของเหมิงลู่ ไม่แปลกเลยที่เขาจะมีป้ายอาญาสิทธิ์ที่เหมิงลู่ให้ไว้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง
หนานหนานตกใจ รีบผละออกจากอ้อมกอดของผู้อาวุโสเผ่าเหมิง ทั้งยังปีนขึ้นไปบนตักของเย่ซิวตู๋ มือเล็กๆ ปิดปากของเขา กล่าวเบาๆ “ท่านพ่อ พูดไม่ได้ขอรับ”
“หืม ทำไมจึงพูดไม่ได้เล่า?”
หนานหนานมองผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแวบหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวเบาๆ ข้างๆ หูของเย่ซิวตู๋ “เพราะว่าท่านปู่ทวดไม่ชอบท่านปู่ลู่ เขาอาจจะอยากกำจัดท่านปู่ลู่แล้วขึ้นครองบัลลังก์เองก็ได้ ข้าเห็นหมดแล้ว ท่านปู่ทวดเมื่อเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ของท่านปู่ลู่ สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นดุร้าย ถ้าหากเขารู้ว่าข้าเกี่ยวข้องกับท่านปู่ลู่ ไม่แน่ว่าจะให้ข้าไปอยู่ข้างกายท่านปู่ลู่ จะไม่ดีกับพวกเรานะขอรับ”
เย่ซิวตู๋อึ้ง จากนั้นก็กลั้วหัวเราะออกมาแบบควบคุมตนเองไม่ได้อย่างหาได้ยาก
เขามองไปที่ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงอย่างหยอกล้อ อยากจะเห็นท่าทางตอนที่เขารู้ว่าตนเป็นอย่างไรในใจของหนานหนาน แน่นอนว่าถึงแม้คำพูดของหนานหนานจะเบา แต่ด้วยการฝึกฝนของผู้อาวุโสเผ่าเหมิง เขาย่อมได้ยินอย่างชัดเจน
เขา เขา… จะไปอยากครองบัลลังก์ได้อย่างไร?
เย่ซิวตู๋เอียงศีรษะ ถามหนานหนานอย่างสนอกสนใจ “เช่นนั้นเจ้าอยากจะอยู่ข้างไหนเล่า? เป็นข้างท่านปู่ทวดด้านนี้หรือข้างท่านปู่ลู่ด้านนั้น”
หนานหนานครุ่นคิด มองผู้อาวุโสเผ่าเหมิงด้วยความลำบากใจ จากนั้นก็กล่าวเบาๆ “ข้าอยู่กับท่านปู่ลู่มานานประมาณหนึ่ง ท่านปู่ทวด… ก่อนหน้านี้เขายังต้อนข้าเข้าไปในป่าไผ่ ข้าเอาแต่รู้สึกว่า…”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกแย่มาก รีบกอดหนานหนานเอาไว้อีกครั้ง ยิ้มอย่างใจดีมากขึ้นเรื่อยๆ “หนานหนาน เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าน่ะเคารพท่านประมุขมาก ตอนนั้นเมื่อเห็นว่าเจ้าทำป้ายอาญาสิทธิ์ตก ก็คิดว่าที่มาของมันยังเป็นปริศนา เข้าใจว่าท่านประมุขเกิดเรื่องอันใด จึงเปลี่ยนสีหน้าไปเช่นนั้น อีกอย่าง เจ้าเองก็อยู่กับข้านานอีกหน่อยได้นะ”
“เจ้าดูสิ ข้าเป็นปู่ของพ่อเจ้า ทั้งยังเป็นอาจารย์ของเขา ความสามารถของเขาก็ล้วนเป็นข้าที่สอน เจ้าคิดว่าพ่อเจ้าเก่งกาจไหมเล่า?”
หนานหนานพยักหน้า เขาเป็นผู้สนับสนุนที่ซื่อสัตย์ของท่านพ่อ ท่านพ่อต้องเก่งอยู่แล้ว
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมีความสุข จากนั้นก็กล่าวต่อไปว่า “ดังนั้น ขอเพียงเจ้าอยู่กับข้านานอีกหน่อย เจ้าเองก็จะเก่งกาจเหมือนพ่อเจ้าได้แน่”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว ยิ้ม วางถ้วยชาลง กล่าวอย่างสบายๆ “หนานหนาน ท่านปู่ทวดของเจ้าอยากจะให้หลานสาวของเขาแต่งงานกับพ่อ ตั้งแต่พ่อมาถึงดินแดนเหมิง เขาก็กล่าวถึงมันมากกว่าสิบรอบแล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ตอนนี้สรุปแล้วใครเด็กกว่ากันเนี่ย ระหว่างท่านอ๋องซิวกับหนานหนาน ได้ทีฟ้องลูกเลยนะท่าน
ไหหม่า(海馬)