อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 687 พาลั่วลั่วไปหาผู้อาวุโสเผ่าเหมิง
ตอนที่ 687 พาลั่วลั่วไปหาผู้อาวุโสเผ่าเหมิง
ตอนที่ 687 พาลั่วลั่วไปหาผู้อาวุโสเผ่าเหมิง
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเบิกตากว้าง กลืนน้ำลายไม่กล่าวอะไรอยู่พักใหญ่
สตรีที่หมอเฒ่าฉยงซานกล่าวถึง ก็คือแม่ของหนานหนานหรือ?
เย่ซิวตู๋ยกยิ้มมุมปาก พอได้เห็นท่านอาจารย์ตกใจเช่นนั้นแล้วก็พึงพอใจเป็นอย่างมาก
เขาส่ายหน้า กระชับกอดหนานหนานเดินออกประตูไป
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงได้สติแล้วก็รีบตามออกไป ขวางไว้ตรงหน้าเย่ซิวตู๋ มองหนานหนานด้วยแววตาไม่พอใจ “เจ้าจะพาเขาไปไหน? เจ้า เจ้าปล่อยเขาลงนะ”
“แม่ของหนานหนานรอเขาอยู่ที่โรงเตี๊ยม หนานหนานไม่กลับไปคืนหนึ่งแล้ว หากยังอยู่ต่อ นางต้องเป็นห่วงแน่ขอรับ”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงไม่พอใจ เม้มปากแล้วตะคอก “เช่นนั้นก็ให้แม่ของเขามาที่นี่ด้วย เจ้านี่ก็เกินไปแล้ว อย่างไรข้าก็เป็นท่านตาเจ้า เป็นอาจารย์เจ้า นี่แม้แต่หลานสะใภ้ก็ไม่ให้ข้าได้เจอหรือ ข้าจะให้พ่อบ้านไปรับนางที่โรงเตี๊ยม ให้นางมารู้จักญาติเสียหน่อย”
เย่ซิวตู๋เหลือบตาขึ้น หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวเสียงต่ำ “ความสัมพันธ์ของข้ากับมารดาของหนานหนานยังซับซ้อนอยู่ ถึงอย่างไรตอนนี้ไม่สะดวกจะให้นางมาปรากฏตัวที่นี่เพื่อพบท่าน นางเองก็ไม่ได้อยู่โรงเตี๊ยมเดียวกันกับข้า อีกอย่าง ท่านจงอย่าไปหานางเลย อย่าไปรบกวนนาง นางมีธุระต้องจัดการ”
กล่าวถึงตรงนี้ เย่ซิวตู๋ก็เห็นว่าผู้อาวุโสเผ่าเหมิงไม่เห็นด้วยกับเขา ไม่ได้จริงจังกับคำพูดเขาเลยแม้แต่น้อย จึงหัวเราะเยาะออกมา “หากท่านไปรบกวนนาง ทำให้เรื่องของนางต้องมีปัญหา ท่านก็จะไม่เหลือเหลนแล้วนะขอรับ”
หนานหนานที่อยู่ข้างๆ พยักหน้าอย่างแรง “จริงด้วยๆ ท่านแม่มีธุระสำคัญมากต้องทำ หากท่านตาทวดไปทำมันพังเข้าล่ะก็ ท่านแม่จะต้องพาข้าจากไปไกลแน่นอน”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงสำลัก จากนั้นก็มองเย่ซิวตู๋อย่างเหยียดหยามมาก กล่าวฮึดฮัด “แค่สตรีคนเดียวยังรักษาไว้ไม่ได้ เจ้าเป็นท่านอ๋องแห่งอาณาจักรเฟิงชางไม่ใช่หรือ ฐานะสูงศักดิ์ปานนั้นยังจัดการสตรีคนเดียวไม่ได้หรือ อีกอย่างสตรีคนเดียวจะมีธุระสำคัญมากมายอันใด อีกทั้งเจ้ายังปล่อยให้นางออกไปข้างนอกตัวคนเดียวอีก”
เย่ซิวตู๋เชิดคางขึ้นเล็กน้อย ไม่สนใจอันใด “ข้ายินดีตามใจนาง ให้นางได้ทำทุกอย่างที่ต้องการ ไม่ได้หรือ?”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงลูบเคราจ้องเขม็ง ไอ้หลานอกตัญญู ไอ้หลานอกตัญญู!! ทุกอย่างที่ตนเคยสอนเขา ถูกเขาโยนลงโถส้วมไปหมดแล้วหรือ
เย่ซิวตู๋ไม่กล่าวอะไรอีก เมื่อรู้ว่าผู้อาวุโสเผ่าเหมิงรับฟังคำของเขาแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่พอใจ แต่ด้วยความรักที่เขามีต่อหนานหนาน คงไม่ยอมปล่อยให้ชิงเอ๋อร์พาหนานหนานจากไปแน่
จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็หันหลังเดินจากไป ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงไม่เต็มใจนัก ยืดคอของเขาแล้วกล่าว “นี่ หนานหนาน พรุ่งนี้ก็มาหาตาทวดอีกนะ ตาทวดจะเอาของอร่อยๆ ให้เจ้ากิน”
“ขอรับ” หนานหนานเช็ดน้ำลายแลบลิ้น ‘แผล่บ’ ดังชัดแจ๋ว สำหรับเขาแล้ว ขอเพียงมีของอร่อย ไม่ว่าจะอะไรก็ดีทั้งนั้น
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงได้ยินคำยืนยันของเขาจึงวางใจได้ ยิ้มมองพวกเขาเดินออกประตูไป
จนกระทั่งร่างของพวกเขาหายลับไป สีหน้าผู้อาวุโสเผ่าเหมิงก็เคร่งขรึมขึ้นมา
เขาสะบัดแขนเสื้อ หันหลังเดินไปยังห้องหนังสือ เมื่อมาถึงประตูห้องหนังสือก็หันหน้ามาทันที กล่าวกับอาเหอที่อยู่ด้านหลัง “เจ้าไปสืบเรื่องแม่ของหนานหนาน และเรื่องที่เกิดในเมืองหลวงช่วงนี้ด้วย”
“ขอรับ” อาเหอพยักหน้า ทันใดนั้นก็ถอยออกไป แต่พลันมีความคิดว่าหากจะต้องสืบว่าที่เมืองหลวงอาณาจักรเฟิงชางเกิดอะไรขึ้นก็เกรงว่าต้องใช้เวลาพอสมควร คาดว่าจนถึงตอนจบงานชิมสุราจึงจะบอกท่านผู้อาวุโสเผ่าเหมิงได้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งขึ้น เหมิงกุ้ยเฟยและเย่ฮ่าวถิงตอนนี้ยิ่งไม่เห็นเขาในสายตา ถึงแม้เหมิงกุ้ยเฟยจะเป็นบุตรสาวของเขา ส่วนเย่ฮ่าวถิงก็นับเป็นหลานของเขาอีกคน แต่ในความคิดของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแล้ว ก็ไม่มีใครเทียบกับเย่ซิวตู๋ หลานชายของเขาที่มีความสามารถ ชาญฉลาด และมีปานรูปดอกไม้ได้เลย
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงถอนหายใจ ปิดประตูห้องหนังสืออย่างเงียบๆ
ผ่านไปไม่นาน เขาก็นั่งอยู่ที่หลังโต๊ะหนังสือ พึมพำด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คิดไม่ถึงว่าไอ้คนแซ่ฮั่วผู้นี้ ถึงแม้จะอายุมากแล้ว แต่ตามีแววยิ่งนัก เฮอะ”
“ฮัดเช้ย…” หมอเฒ่าฉยงซานที่เพิ่งจะออกจากจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่จามออกมาอย่างแรง ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันใด
“จะต้องมีคนลอบด่าข้าลับหลังเป็นแน่” หมอเฒ่าฉยงซานส่งเสียงฮึดฮัด เพียงนึกถึงผู้อาวุโสเผ่าเหมิงที่ทะเลาะกับตนเมื่อสองวันก่อน ก็มั่นใจว่าคนผู้นั้นต้องเป็นเขา ด่าเขาในใจอย่างรุนแรงรอบหนึ่ง
ว่านเผิงหลงที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองเขา ขมวดคิ้วถาม “อาจารย์ ไม่สบายหรือขอรับ”
“ไม่มีอะไร แค่มีคนบางคนด่าข้าลับหลังเท่านั้น” หมอเฒ่าฉยงซานโบกมืออย่างไม่สนใจ
จากนั้นก็หันไปยิ้มให้อวี้ชิงลั่ว “ลั่วลั่ว ข้าไปที่โรงเตี๊ยมเจ้าดีกว่า ไม่ได้พบหนานหนานหลายวันแล้ว คิดถึงเขาเหลือเกิน”
“หนานหนานไม่อยู่โรงเตี๊ยมเจ้าค่ะ” อวี้ชิงลั่วกำลังคิดถึงสายตาที่เหมิงเคอมองนางในวันนี้ แววตาที่กำลังวางแผนจะต่อต้านนาง
เหมิงเคอจิตใจยากที่จะหยั่งถึง ทั้งยังประมาทไม่ได้ จินตนาการเพียงพื้นฐานก็ยังยากที่จะเดาออกว่าในใจนางคิดอะไร
เพียงแต่นางจะต้องระวังอีกฝ่ายไว้เท่านั้น
หมอเฒ่าฉยงซานค่อนข้างผิดหวัง แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ “เช่นนั้นเขาไปไหนเล่า ลั่วลั่ว ข้าจะบอกให้นะ หนานหนานไปข้างนอกคนเดียวอันตรายมาก ต่อไปพาเขามาด้วยเถิด ไม่เช่นนั้นให้ข้าดูแลเขาแทนไหม”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก จนต้องละความสนใจจากเหมิงเคอมาชั่วคราว
นางมองหมอเฒ่าฉยงซานแวบหนึ่ง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก “จะพาเขาไปที่นั่นทำไมกัน นิสัยเช่นเขา เกรงว่าจะทำให้ทั้งจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่วุ่นวายไปหมด”
หากหนานหนานได้พบเหมิงเคอ และรู้ว่านางส่งคนมาตามฆ่าเหมิงหลัวอวี้ จะต้องไม่ยอมอยู่ข้างกายตนอย่างสงบเป็นแน่
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิด จากนั้นก็กล่าว “ตอนนี้เขาอยู่ที่จวนผู้อาวุโสเผ่าเหมิง จริงด้วย ท่านหมอเฒ่า ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเป็นคนเช่นไร?”
เดิมทีนางอยากถามในตอนเช้า แต่เมื่อไปถึงโรงเตี๊ยมของหมอเฒ่าฉยงซานแล้วก็พบว่าเขาออกไปทำธุระข้างนอก จึงทำได้เพียงมาที่จวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ กว่าหมอเฒ่าฉยงซานจะมาถึงก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว ตอนนั้นนางเห็นว่าผู้อาวุโสสกุลเยว่และเหมิงเคอก็อยู่ด้วย จึงไม่ได้ถามอันใด
ตอนนี้ออกมาแล้ว จึงประจวบเหมาะพอดีที่จะได้สอบถาม
คิดไม่ถึงว่าเมื่อหมอเฒ่าฉยงซานได้ยิน รูม่านตาก็หดลงทันใด จากนั้นก็สูดหายใจลึก
“เจ้าว่าอะไร เจ้าว่าอะไรนะ หนานหนานอยู่ที่จวนผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหรือ?”
อวี้ชิงลั่วเห็นการแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป ก็อดไม่ได้ที่จะตกลึง “อะไรหรือ มีอะไรผิดปกติหรือเจ้าคะ”
“ผิดปกติน่ะสิ ผิดอย่างร้ายแรงเลยล่ะ เจ้าไม่รู้หรือว่าเจ้าผู้อาวุโสเผ่าเหมิงคนนั้นทั้งใจแคบและเจ้าเล่ห์ เย่อหยิ่งและดุร้าย หนานหนานไปอยู่ที่จวนเขาได้อย่างไร เช่นนั้นก็เหมือนเอาแกะไปอยู่กับเสือ จะเป็นอันตรายง่ายๆ ไม่ใช่หรือ”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว เรื่องราวร้ายแรงปานนั้นเชียวหรือ นางกลับได้ยินว่าหนานหนานมีคนเอาเกี้ยวมารับนี่
“ไม่ได้การๆ เราต้องไปที่จวนผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแล้ว ข้าไม่วางใจ ถ้าหากหนานหนานเกิดเรื่องอันใดเข้า ข้าจะต้องจัดการเขาให้ตายไปเลย ลั่วลั่ว ไปกัน ข้าจะพาเจ้าไปหาเขา”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไม่ต้องไปเชิญชิงลั่วมาหรอก ชิงลั่วมาเองเลย
ไหหม่า(海馬)