อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 690 หนานหนานอยู่ที่นี่
ตอนที่ 690 หนานหนานอยู่ที่นี่
ตอนที่ 690 หนานหนานอยู่ที่นี่
อวี้ชิงลั่วยังไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างผู้อาวุโสเผ่าเหมิงและหนานหนาน ดังนั้นท่าทางที่นางมีต่อเขาจึงถือว่าให้ความเคารพอยู่
“ผู้อาวุโสเผ่าเหมิง ได้ยินกิตติศัพท์ท่านมามากมายเลยเจ้าค่ะ ข้าชื่ออวี้ชิงลั่ว เป็นสหายของท่านหมอเฒ่าเจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงขมวดคิ้ว สหายหรือ? อาฮั่วผู้นี้ มีหญิงสาวเช่นนี้เป็นสหายด้วยหรือ? ล้อกันเล่นแล้ว
หมอเฒ่าฉยงซานออกอาการฟึดฟัด “ลั่วลั่ว จะมีมารยาทกับเขาไปทำไม? บอกให้เขาส่งตัวคนมาให้ก็จบเรื่องแล้วนี่”
ลั่วลั่ว????
ลั่วลั่ว!!!
‘ลั่วลั่วที่ท่านหมอเฒ่าฉยงซานกล่าวว่าจะแนะนำให้ข้าเมื่อครั้งก่อน ก็คือมารดาของหนานหนาน’ คำพูดของเย่ซิวตู๋ดังก้องอยู่ในหูของผู้อาวุโสเผ่าเหมิง เขาอ้าปากค้างทันที
หญิงสาวผู้นี้ก็คือลั่วลั่ว เป็นสตรีของซิวเอ๋อร์ เป็นแม่ของหนานหนานหรือ?
ใบหน้าของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงพลันไม่อยากจะเชื่อ ก่อนหน้านี้เขาอยากรู้มากว่าสตรีที่ซิวเอ๋อร์อยากจะเอาใจนั้นเป็นใคร คิดไม่ถึงว่าคนทั้งคนจะมาหาตรงหน้าตนในทันที
ให้ตายเถอะ เขายังไม่ทันได้เตรียมใจเลย
“นี่ ผู้อาวุโสเผ่าเหมิง รีบส่งตัวเด็กมาเสีย” หมอเฒ่าฉยงซานเห็นเขาเงียบไป ทั้งยังจ้องมองอวี้ชิงลั่วเขม็ง ก็ไม่พอใจขึ้นมาทันใด ไปขวางตรงหน้าอวี้ชิงลั่วในทันที ทั้งยังตะคอกใส่เขาอย่างโอหัง
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงได้สติกลับมา เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นของเขายังคงจ้องมองอยู่ที่ตัวอวี้ชิงลั่ว
เดิมทีเขาสงสัยอย่างมาก หญิงสาวที่ทำให้คนเย็นชาไม่แยแสอย่างซิวเอ๋อร์มาปกป้องได้เป็นคนอย่างไร หญิงสาวที่ให้กำเนิดเด็กน้อยน่ารักอย่างหนานหนานได้เป็นคนอย่างไร ตอนนี้กลับได้เจอตัวเป็นๆ แล้ว
เขาอยากดูหน่อย ว่าสตรีคนนี้แท้จริงแล้วมีความสามารถอะไร? คู่ควรกับซิวเอ๋อร์หรือไม่?
หากไม่คู่ควร เขาก็ยินดีที่จะทำให้ทั้งสองแตกหักกัน หึ ซิวเอ๋อร์เป็นหลานชายที่สำคัญที่สุดของเขา จะไม่ยอมให้หญิงสาวไร้ประโยชน์มาฉุดรั้งเขาไว้เด็ดขาด
ซิวเอ๋อร์ไม่อยากให้เขาไปรบกวนนางไม่ใช่หรือ เขาไม่ได้ไปรบกวนใดๆ เลย เพียงแต่คนเขากลับมาหาถึงที่ หากเขาไม่ทำอะไรเสียหน่อย คงจะรู้สึกเสียใจมาก
เมื่อครู่หมอเฒ่าฉยงซานบอกว่าให้ส่งตัวเด็กให้ หญิงสาวตรงหน้าก็เป็นแม่ของหนานหนาน เช่นนั้นพวกเขามาที่นี่ ก็คงเป็นเพราะหนานหนาน
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมองไปยังหมอเฒ่าฉยงซานอย่างเย็นชา ทำเสียงไม่พอใจ “เจ้าพูดอะไร เด็กที่ไหนกัน”
“ยังกล้าจะไม่ยอมรับอีกหรือ มีคนเห็นว่าอาเจียงและอาเหอคนของจวนเจ้าพาหนานหนานมาที่นี่ ว่าอย่างไร กล้าทำไม่กล้ารับหรือ ผู้อาวุโสอย่างเจ้า กลับมีความสามารถแค่นี้ หน้าซื่อใจคด” หมอเฒ่าฉยงซานตะคอก
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงโกรธเกรี้ยว “ฮั่วเหล่า หากเจ้ายังพูดไร้สาระอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก เห็นท่าทางของพวกเขาที่จะทะเลาะกันขึ้นมาอีกครั้ง ก็รีบรุดไปข้างหน้าแล้วกล่าว “ท่านผู้อาวุโสเผ่าเหมิง มีเด็กคนหนึ่งชื่อหนานหนานมาที่จวนนี้หรือไม่เจ้าคะ เด็กคนนั้นขี้เล่นและไม่รู้ความ เกรงว่าจะทำให้คนในจวนขุ่นเคืองน่ะเจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเห็นว่าคำพูดของอวี้ชิงลั่วถือว่ารู้กาลเทศะ ความโกรธก็หายไปเล็กน้อย เพียงแต่เงยหน้าจ้องมองหมอเฒ่าฉยงซานอย่างดุร้าย จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างโมโห กล่าวอย่างฮึดฮัด “อ้อ พวกเจ้าหมายถึงเด็กคนนั้น เด็กห้าขวบอารมณ์ดีผู้นั้น สวมเสื้อผ้าสีฟ้า ท่าทางกำยำน่าเอ็นดูผู้นั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ” อวี้ชิงลั่วครุ่นคิด เมื่อวานหนานหนานสวมเสื้อผ้าสีฟ้าจริงๆ
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเลิกคิ้วมองพวกเขา “พวกเจ้าเป็นอะไรกับเด็กคนนั้นหรือ?”
“เจ้าจะสนทำไมว่าพวกข้าเป็นอะไรกับเขา เจ้าเพียงต้องบอกเรามาว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหนก็พอแล้ว” หมอเฒ่าฉยงซานออกหน้าพูดอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วกัดฟันอย่างรุนแรง ทันใดนั้นก็หันมาจ้องเขา “เรื่องนี้ข้าพูดเอง หากท่านยังเอ่ยปากอีก ยาในมือข้า อย่าคิดว่าท่านจะได้ส่วนนั้นไป”
หมอเฒ่าฉยงซานสำลัก หันหน้าหนีอย่างไม่พอใจ กล่าวพึมพำ “เจ้ารู้วิธีจับจุดอ่อนข้า ช่างร้ายนัก”
อวี้ชิงลั่วขี้เกียจจะสนใจเขา จากนั้นก็หันหน้ามามองผู้อาวุโสเผ่าเหมิง
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงแปลกใจเล็กน้อย เขารู้จักฮั่วเหล่าผู้นี้ เป็นคนที่หยิ่งผยองผู้หนึ่ง ถูกคนเรียกว่าหมอเฒ่าฉยงซาน ไปที่ใดก็มีแต่คนปฏิบัติด้วยอย่างมีมารยาทและดีที่สุด คนดั่งเช่นเขา กลับถูกลั่วลั่วผู้นี้ขู่ประโยคเดียวก็หงอแล้ว
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหรี่ตาอย่างตำหนิ แต่การประเมินอวี้ชิงลั่วในใจเขากลับดีขึ้นเล็กน้อย
แต่ทว่ายังไม่พอ
เขาจิบชาอีกครั้งจากนั้นก็ถาม “เจ้ามาหาเด็กคนนั้นทำไมหรือ? ”
“ข้าเป็นแม่ของเด็กคนนั้นเจ้าค่ะ เขาไม่กลับมาคืนหนึ่งแล้ว ข้าก็เป็นกังวลเล็กน้อย” อวี้ชิงลั่วเองก็ขมวดคิ้ว ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงผู้นี้ทำท่าทางไม่รีบร้อน และไม่รู้ว่าเขามีจุดประสงค์อันใด นางทำได้เพียงตามน้ำกับเขาไป
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมั่นใจแล้วในตอนนี้ ทันใดนั้นเขาก็กล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “อ้อ ที่แท้เจ้าก็เป็นแม่ของหนานหนาน เช่นนั้นก็น่าเสียดายนัก”
“เสียดายอะไรเจ้าคะ”
“ข้าเห็นว่าเด็กคนนั้นหน่วยก้านดี เดิมทีคิดจะรับเขาเป็นศิษย์ แต่น่าเสียดาย เด็กคนนั้นปฏิเสธ ทั้งยังทำมือข้าเจ็บ วางยาข้า ข้าไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงสั่งให้คนไปจับเขา เพียงแต่เด็กคนนั้นช่างว่องไวนัก คนของข้าตามจับเขาไปถึงป่าไผ่ จากนั้นก็หาตัวเขาไม่พบแล้ว และไม่รู้ว่าเขาไปซ่อนตัวอยู่ซอกมุมไหน”
นี่เป็นความจริง เพียงแต่ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงไม่ได้กล่าวเรื่องที่สำคัญที่สุด ว่าป่าไผ่นั้นเป็นค่ายกลที่เข้าได้ แต่ออกไม่ได้
“ป่าไผ่อยู่ที่ไหน? ” หมอเฒ่าฉยงซานถามอย่างอดไม่ได้
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงชำเลืองมองเขา ลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างนอก “มากับข้า”
เขาพาทั้งสองคนไปยังป่าไผ่ก่อนหน้านี้ เพียงแต่สีหน้ายามหันหลังให้พวกอวี้ชิงลั่วทั้งสองคนกลับมีร่องรอยของการวางแผน มุมปากปรากฏรอยยิ้ม
หมอเฒ่าฉยงซานตามมาทางด้านหลัง แอบกล่าวกับอวี้ชิงลั่ว “เจ้าว่าเขาวางแผนอันใดกันแน่ ข้าคิดว่า ตอนนี้ในใจเขาจะต้องมีแผนร้ายอยู่แน่ ไม่เช่นนั้นจะยอมรับปากง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงนั้นหูดี ย่อมได้ยินชัดเจน เขาทำเสียงฟึดฟัด
อวี้ชิงลั่วหันหัวไปจ้องหมอเฒ่าฉยงซานทันที กล่าวเบาๆ “ไม่ต้องพูดเจ้าค่ะ ตามหาหนานหนานก่อน”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเผยสีหน้าพึงพอใจมาก ฝีเท้าของเขาช้าลงเล็กน้อย ราวกับว่าค่อนข้างลังเล
เพียงแต่ว่า สุดท้ายแล้วเขาก็หยุดอยู่ที่ด้านนอกป่าไผ่ ยื่นมือชี้ออกไป กล่าวกับอวี้ชิงลั่ว “เขาเข้าไปในป่าไผ่นี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปซ่อนอยู่ที่ไหน อย่างไรเสียก็ไม่มีคนเห็นเขาออกมา ให้คนเข้าไปหาก็หาไม่พบ หากเจ้าเป็นห่วงลูกชายเจ้าจริงๆ ก็เข้าไปหาเองเถิด”
อวี้ชิงลั่วเหลือบตาขึ้นมองป่าไผ่ขนาดใหญ่และสูงตระหง่าน พยักหน้าแล้วเดินเข้าไป
หมอเฒ่าฉยงซานกังวลเล็กน้อย “ลั่วลั่ว เรามาคุยกันก่อนเถิด ข้าว่าจะฟังเขาทั้งหมดไม่ได้นะ”
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเองก็ไม่ปล่อยไปง่ายๆ ทันใดนั้นก็ดึงคอเสื้อของหมอเฒ่าฉยงซาน ลากเขาเดินออกไปข้างนอกสองสามวัน กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “วันนี้เจ้ามาหาเรื่องข้าใช่หรือไม่ เจ้าพูดให้ชัดเจนสิ เหตุใดจึงเชื่อใจข้าไม่ได้เล่า”
“นั่นก็เพราะ… ลั่วลั่ว” หมอเฒ่าฉยงซานกำลังจะปฏิเสธ แต่เมื่อหันกลับมาก็เห็นว่าไร้ร่องรอยของอวี้ชิงลั่วที่เพิ่งจะเข้าไปในป่าไผ่แล้ว
เขาตกใจอย่างมากในทันใด รีบหันหน้าไปมองผู้อาวุโสเผ่าเหมิง “นี่คือค่ายกลหรือ”
…………………………………………
สารจากผู้แปล
ขังแม่เขาในค่ายกลแบบนี้ระวังเด็กมันอาละวาดนะท่าน
ไหหม่า(海馬)