อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 696 คนที่ไม่ชอบปรากฏตัว
ตอนที่ 696 คนที่ไม่ชอบปรากฏตัว
ตอนที่ 696 คนที่ไม่ชอบปรากฏตัว
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงตกใจมาก ให้ตายเถิด หมอเฒ่าฉยงซานคนนี้กำลังพยายามฆ่าเขา ด้วยการพูดถ้อยคำเหล่านี้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อหรือ?
หากสตรีผู้นี้คิดมากเรื่องเหมิงจื๋อฉีและเย่ซิวตู๋จนพาหนานหนานออกไป ซิวเอ๋อร์จะไม่เกลียดเขาจนตายหรือ? อีกทั้งจื๋อฉียังคาดหวังให้อวี้ชิงลั่วช่วยให้ตนมีลูกได้ด้วย
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงก็รีบขัดจังหวะเขาทันที “เจ้ากำลังพูดเรื่องเหลวไหลอะไร จื๋อฉีเป็นศัตรูหัวใจของแม่นางอวี้งั้นหรือ? จื๋อฉีแต่งงานแล้วเมื่อสี่ปีก่อน ดังนั้นเจ้ากำลังทำลายชื่อเสียงของหลานสาวของข้าอยู่ เจ้ารู้ตัวหรือไม่?”
แต่งงานแล้วหรือ? หมอเฒ่าฉยงซานตกตะลึง ตัวเขาเองเคยบอกว่าจะหมั้นหมายหลานสาวกับเย่ซิวตู๋ไม่ใช่หรือ?
คิ้วของเขาขมวดมุ่นด้วยความหงุดหงิด แล้วถามอย่างไม่แน่ใจ “เจ้ามีหลานสาวอีกคนหรือไม่?”
“ข้ามีหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียว เจ้าน่ะสิมีหลานสาวอีกคน” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงตะคอกอย่างเย็นชา และรู้สึกว่าตนชนะ ตอนนี้เขามีสี่ชั่วอายุคนอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ซึ่งแตกต่างจากหมอเฒ่าฉยงซานที่อยู่ตัวคนเดียว นับประสาอะไรกับหลานสาว แม้แต่ภรรยาและลูกเขาก็ไม่มี
หมอเฒ่าฉยงซานลูบเคราขณะจ้องมองเขา ต้องเป็นเล่ห์เหลี่ยมของเขาแน่นอน
“ครั้งสุดท้ายเจ้าพูดอย่างชัดเจน ว่าเจ้าจะหมั้นหลานสาวของเจ้ากับเย่ซิวตู๋ อย่าพยายามปฏิเสธเลย”
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสเผ่าเหมิง ดวงตาของนางหรี่ลง แน่นอนว่าคนที่หมอเฒ่าฉยงซานบอกนั้นคือเย่ซิวตู๋จริง ๆ และไม่น่าแปลกใจเลยที่เขารู้จักเย่ซิวตู๋ อย่างไรเสีย อูตงที่อยู่ข้างกายเย่ซิวตู๋ในตอนนั้นก็คือศิษย์ของเขา
แต่ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเย่ซิวตู๋เป็นอย่างดี และดูเหมือนจะพึงพอใจเย่ซิวตู๋มาก
อวี้ชิงลั่วเงียบลง แต่หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้แล้ว นางก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องปกติ เหมิงกุ้ยเฟยเป็นสมาชิกของเผ่าเหมิง ไม่น่าแปลกใจที่เย่ซิวตู๋ตอนเด็กจะเคยอยู่ในเผ่าเหมิงช่วงหนึ่ง และรู้จักกับผู้อาวุโสเผ่าเหมิง
อีกทั้ง… เหมิงจื๋อฉีก็แต่งงานแล้วและมีลูกแล้วจริง ๆ แล้วเหตุใดผู้อาวุโสเผ่าเหมิงจึงต้องการหมั้นหมายเหมิงจื๋อฉีกับเย่ซิวตู๋? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขากำลังต่อสู้เพื่อเอาชนะหมอเฒ่าฉยงซาน และจงใจยั่วยุเขา?
อืม เป็นไปได้สูง
หมอเฒ่าฉยงซานพูดอะไรไม่ออก เขาตระหนักได้แล้วว่าตนถูกหลอกแน่นอน เมื่อเห็นสีหน้าเย้ยหยันของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเขาก็ยิ่งกระโดดมากขึ้น และรีบยืนยันความบริสุทธิ์ของเขากับอวี้ชิงลั่วอย่างกระตือรือร้น “ลั่วลั่ว เจ้าเชื่อข้า เขาพูดเช่นนั้นจริง ๆ หากข้าโกหกก็ขอให้ถูกฟ้าผ่าเลย”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกอย่างแรง เขาเหมือนเด็กไม่รู้จักโตจริง ๆ คำสาบานเช่นนี้สามารถนำมาพูดเล่นได้หรือ?
นางย่อมเชื่อหมอเฒ่าฉยงซาน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา นางพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้โกหก นี่ก็ดึกแล้ว พวกเรากลับกันก่อนเถิด”
“เอ๊ะ?” หมอเฒ่าฉยงซานตกใจ “กลับแล้วหรือ? แต่เรายังไม่รู้เลยว่าหนานหนานอยู่ที่ใด บางทีหนานหนานอาจถูกเขาจับตัวไว้ และกำลังตกอยู่ในอันตราย”
อวี้ชิงลั่วลูบหน้าผากของตนเงียบ ๆ แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “หนานหนานคงกลับไปที่โรงเตี๊ยมแล้ว” เนื่องจากผู้อาวุโสเผ่าเหมิงรู้จักเย่ซิวตู๋ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา ดังนั้นเขาย่อมไม่ทำร้ายหนานหนาน
อีกทั้งนางยังเห็นรอยเท้าขนาดใหญ่ข้างโขดหินใหญ่ พร้อมกับเศษขนมในป่าไผ่ หากไม่มีอะไรผิดพลาด มันก็น่าจะเป็นของเย่ซิวตู๋
“เจ้าแน่ใจได้อย่างไร? ข้าคิดว่าพวกเราต้องรอจนกว่าป่าไผ่จะถูกตัดจนหมด เพื่อดูว่าหนานหนานยังอยู่ที่นั่นหรือไม่ และเราจะได้ออกไปด้วยความมั่นใจ” หมอเฒ่าฉยงซานเพียงแค่ต้องการมีปัญหากับผู้อาวุโสเผ่าเหมิง โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าตนถูกเขาหลอก
อวี้ชิงลั่วหัวเราะแห้ง ๆ “หนานหนานรู้วิธีออกจากค่ายกลในป่าไผ่ มันจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขา”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกละอายใจเล็กน้อย หากนางรู้ว่าผู้อาวุโสเผ่าเหมิงคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเย่ซิวตู๋ นางก็คงไม่ใจร้ายถึงขั้นขอให้คนไปโค่นป่าไผ่ของเขาให้เหี้ยนเช่นนี้ แต่ตอนนี้เมื่อพูดไปหมดแล้ว และสรุปได้ว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับภาวะมีบุตรยากของเหมิงจื๋อฉี ก็ทำให้เกิดเงาในใจของนางแล้ว จึงดูไม่ดีหากจะพูดกลับคำ
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงตกตะลึง หนานหนานสามารถเดินออกจากป่าไผ่ได้ด้วยตัวเองหรือ?
ใช่แล้ว นั่นคือลูกชายของซิวเอ๋อร์ ซิวเอ๋อร์เป็นคนสร้างค่ายกลในป่าไผ่ หนานหนานเป็นคนฉลาดมาก และคงเรียนรู้วิธีมาจากซิวเอ๋อร์ ฉะนั้นการเดินออกจากป่าไผ่ก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่
ทว่าในเมื่อเขามีความสามารถเช่นนั้น แล้วเหตุใดเขาจึงอยู่ในป่าไผ่ทั้งวันโดยไม่ออกมา? ผิวของเขาบอบบางมาก แล้วไม่กลัวถูกแมลงกัดหรือ?
ความสงสัยในใจของผู้อาวุโสเผ่าเหมิง ก็คือความสงสัยของเย่ซิวตู๋ในขณะนี้
เย่ซิวตู๋สั่งอาหารอร่อยมาสองสามอย่าง เมื่อเห็นลูกชายที่นั่งฝั่งตรงข้ามสวาปามอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า
“หนานหนาน พ่อเคยสอนวิธีออกจากป่าไผ่นั่นมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ”
หนานหนานยกมือขึ้นเช็ดปากมันเยิ้มของตน ริมฝีปากสีชมพูที่ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำมันเผยรอยยิ้มกว้าง “ขอรับ ข้าจำสิ่งที่ท่านพ่อสอนข้าได้”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดคราบน้ำมันบนใบหน้าของเขา จากนั้นเลิกคิ้วถาม “ในเมื่อรู้แล้ว เหตุใดจึงไม่ออกมา? อยู่ในป่าไผ่มันเย็นสบายนักหรือ? “
“เปล่าขอรับ” หนานหนานกัดขาหมู ก่อนขยับหน้าเข้าไปใกล้ แล้วขอให้เขาเช็ดปากให้อีกครั้ง “ข้าคิดว่าคนฉลาดอย่างข้า สามารถออกไปได้ด้วยความสามารถของตัวเอง โดยไม่ต้องใช้วิธีของท่านพ่อ”
เย่ซิวตู๋ถอนหายใจ เขารู้ว่าเจ้าตัวเล็กนี้มักมีความคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไปเสมอ
“จริงหรือ? แล้ววิธีของเจ้าได้ผลหรือไม่?”
“แน่นอน…” หนานหนานเกือบจะโพล่งออกมาว่า ‘ทำให้เหนื่อยเปล่า’ แต่เขาไม่สามารถพูดสิ่งที่ทำลายศักดิ์ศรีของตัวเอง ด้วยความทะเยอทะยานของผู้อื่นได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่ย้อนแย้งกับความฉลาดของตัวเองหรอกหรือ?
หนานหนานกลอกตาไปมา แล้ววางขาหมูในมือลง เขาพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าเกือบจะออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ข้ารู้สึกว่ามีชัยชนะอยู่ในสายตาแล้ว ดังนั้นข้าจึงเอนกายลงบนโขดหินและหลับไปชั่วขณะ เพื่อเก็บสถานที่นี้ไว้ในความทรงจำ คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อจะมาเสียก่อน เฮ้อ ไม่มีโอกาสให้ข้าได้ท้าทายตนเองเลยหรืออย่างไรกัน? แต่ท่านพ่อไม่ต้องห่วงขอรับ อีกสองวันข้าจะไปหาท่านตาทวดอีกครั้ง แล้วข้าจะไปที่นั่นอีกครั้งขอรับ”
พูดจบแล้ว เขาก็หยิบขาหมูในชามขึ้นมาเริ่มกินต่อ เขารู้สึกว่าขาหมูร้านนี้อร่อยมาก และเขาต้องห่อกลับไปให้น้องอวี้ชิมในภายหลัง
หนานหนานกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่เขาไม่รู้ว่าป่าไผ่ที่เขาต้องการท้าทาย กำลังจะหายไปเพราะคำพูดไม่กี่คำของมารดาเขา
เย่ซิวตู๋คีบผักสองสามอย่างลงในชามของเขา แล้วพูดอย่างหมดหวัง
“หลังจากกินผักนี้หมดแล้ว พ่อจะพาเจ้ากลับโรงเตี๊ยม อีกไม่นานแม่ของเจ้าน่าจะกลับมาแล้ว”
หนานหนานดูเหมือนจะไม่ชอบผักเหล่านั้นมากนัก แต่สายตาของบิดาเฉียบแหลมเกินไป เขาจึงจำต้องกินพวกมันอย่างไม่เต็มใจ
หลังอาหารเย็น เย่ซิวตู๋ออกจากห้องไปพร้อมกับหนานหนาน
แต่ขณะที่ทั้งสองเดินลงไปข้างล่าง จู่ ๆ ฝีเท้าของเย่ซิวตู๋ก็หยุดชะงัก
หนานหนานเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความประหลาดใจ แล้วถามว่า “ท่านพ่อ มีอะไรหรือขอรับ?”
“ไม่มีอะไรหรอก” เย่ซิวตู๋มองไปรอบบริเวณ น้ำเสียงของเขาค่อนข้างเย็นชา “ก็แค่เมื่อครู่เห็นคนที่ไม่ชอบปรากฏตัวที่นี่”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไม่ทันแล้วหนานหนาน ท่านตาทวดคงสั่งให้ทำลายป่าไผ่จนเหี้ยนไปแล้ว
ใครมาปรากฏตัวที่นี่อีก?
ไหหม่า(海馬)