อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 697 หนานหนานน้อยหัวรุนแรง
ตอนที่ 697 หนานหนานน้อยหัวรุนแรง
ตอนที่ 697 หนานหนานน้อยหัวรุนแรง
คนที่ไม่ชอบงั้นหรือ? คนที่ท่านพ่อไม่ชอบก็คือคนที่หนานหนานไม่ชอบด้วย
หนานหนานเตรียมพร้อมทันที สีหน้าท่าทางดูตื่นเต้น “ท่านพ่อ คนผู้นั้นอยู่ที่ใด ข้าจะทุบตีเขาให้สาสม”
“…” เย่ซิวตู๋ไม่ได้เอ่ยคำใด เขาจูงมือเด็กน้อยเดินออกไปข้างนอก “หนานหนาน หากเจ้าไม่รีบกลับไป แม่ของเจ้าจะลงโทษเจ้า”
คนหัวรุนแรงตัวน้อยนี้คิดแต่จะโจมตีคนอื่น
หนานหนานผิดหวังมาก และเริ่มพูดว่า “ท่านพ่อขอรับ ท่านรู้หรือไม่ว่าคนเราไม่ควรอ่อนโยนเกินไป? ท่านแม่พูดไว้ดีมากว่า ม้าดีมักถูกคนขี่ คนดีมักถูกคนอื่นรังแก เราต้องปกป้องสิทธิของเราอย่างหนักแน่น อืม ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่ท่านแม่กล่าวไว้ขอรับ”
“…” เย่ซิวตู๋ยื่นแขนไปอุ้มเขาเข้าไปในรถม้า แล้วหันไปสั่งเผิงอิงที่เป็นคนขับรถม้าว่า “ไปเถิด”
หนานหนานไม่พอใจ “ท่านพ่อ ท่านกำลังฟังข้าอยู่หรือไม่”
“อืม ฟังอยู่” เย่ซิวตู๋นั่งข้างเขา เพื่อไม่ให้เขาขยับตัวไปมาและหกล้ม
“เช่นนั้นท่านก็ต้องเห็นด้วยกับความคิดของข้าใช่หรือไม่? อ่า ไม่สิ ท่านเห็นด้วยกับความคิดของท่านแม่ใช่หรือไม่?”
“…” เย่ซิวตู๋กลัวจริง ๆ ว่าหากตนไม่ตอบตามที่เขาต้องการ เขาจะพูดให้ร้ายตนต่อหน้าชิงเอ๋อร์ในภายหลัง
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม สิ่งที่แม่ของเจ้าพูดนั้นสมเหตุสมผลดี และสิ่งที่เจ้าพูดก็สมเหตุสมผลมากเช่นกัน”
หนานหนานรู้สึกตื่นเต้นมาก เขากระโดดลงจากรถม้าเข้าสู่อ้อมแขนของเย่ซิวตู๋ “เช่นนั้นเราก็กลับไปจัดการกับคนคนนั้นกันเถิดขอรับ”
เย่ซิวตู๋คิดกับตัวเองว่า ครั้งหน้าเขาจะไม่พูดถึงคนที่ไม่ควรพูดถึงต่อหน้าลูกอีก ช่วงนี้ชีวิตของเด็กน้อยคนนี้น่าเบื่อหน่ายเกินไปหรือ? เห็นทีต้องหาอะไรให้เขาทำเพื่อลดความคึกคะนองของเขาลงบ้างแล้ว
“หนานหนาน อีกสองวันจะมีการเทศกาลชิมสุรา และเจ้าต้องเข้าร่วมการแข่งขันแทนโม่เสียน เจ้าดื่มเก่งมาก แต่เจ้ายังไม่รู้พื้นฐานของการดื่ม พรุ่งนี้มาที่โรงเตี๊ยมของพ่อ แล้วให้โม่เสียนช่วยสอนเจ้า ไม่เช่นนั้นก็กลัวว่าเจ้าจะพูดไม่ออกเมื่อขึ้นสังเวียน”
หนานหนานจ้องมองพ่อ และก็ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อ แค่ดื่มยังไม่พออีกหรือขอรับ?”
“ย่อมไม่พอ ต้องทำตามคำแนะนำเบื้องต้นอยู่เสมอ” เย่ซิวตู๋บีบจมูกของเขาและส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เจ้าตัวเล็กคนนี้รู้วิธีกินดื่มนัก
เดิมทีเขาตั้งใจจะให้โม่เสียนขึ้นเวทีไปจัดการเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการดีกว่าสำหรับเขา หากจะหาอะไรให้หนานหนานทำ
หนานหนานถอนหายใจและกลายเป็นคนไร้ชีวิตชีวาไปทันที ล้มตัวนอนอยู่บนรถม้า พลางครุ่นคิดถึงปัญหามากมาย
แต่จะว่าไปแล้วก็ยังไม่ได้ดื่มสุราที่เพิ่งหมักของท่านลุงโม่เลย อืม ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ และพยายามให้มากขึ้นดีกว่า
เมื่อนึกได้ดังนั้น เขาก็ไม่รังเกียจที่จะทำอีกต่อไป
ไม่ช้ารถม้าก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูโรงเตี๊ยมที่อวี้ชิงลั่วพักอยู่ แล้วหนานหนานก็กระโดดลงจากรถม้า
เผิงอิงยื่นกล่องใส่ขนมให้ทันที แล้วถามเขาว่า “ต้องการให้กระหม่อมถือขึ้นไปให้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“ไม่ต้องหรอก ข้าถือเองได้ ลาก่อนขอรับท่านพ่อ ลาก่อนขอรับท่านอาเผิง”
มือทั้งสองข้างของหนานหนานถือกล่องอยู่ ขณะรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนของโรงเตี๊ยม
ทันทีที่ประตูเปิดออก เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะวางกล่องลงบนโต๊ะตรงหน้าเหมิงหลัวอวี้ “น้องอวี้ ข้านำมันกลับมาฝากเจ้าโดยเฉพาะ มันอร่อยมาก ลองชิมดูสิ”
เหมิงหลัวอวี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหันหน้ามามองด้วยความงุนงง แล้วมองกล่องบนโต๊ะขณะฝืนยิ้ม “อืม ขอบคุณนะหนานหนาน”
หนานหนานขมวดคิ้ว เอียงศีรษะมองนางอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็จับหัวของนางให้หันกลับมา แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “น้องอวี้ เจ้าเป็นอะไรไป? เจ้าไม่มีความสุขหรือ? บอกข้ามาว่าใครรังแกเจ้า แล้วข้าจะช่วยล้างแค้นให้เจ้าเอง”
เหมิงหลัวอวี้ส่ายหน้า “ข้าสบายดี” จากนั้นนางก็หันกลับไปมองกล่องบนโต๊ะ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่ของข้าใช่หรือไม่? ข้าแค่หิวนิดหน่อย เจ้าช่วยเปิดให้หน่อยได้หรือไม่?”
หนานหนานพยักหน้า แล้วเปิดกล่องขนมให้นาง
เหมิงหลัวอวี้บิขนมชิ้นเล็ก ๆ เข้าปาก แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อร่อยมาก”
หนานหนานกระโดดลงจากเก้าอี้ด้วยความโมโห และพุ่งออกจากห้องราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ จากนั้นครู่หนึ่งเขาก็วิ่งไปอยู่หน้าประตูห้องข้าง ๆ ที่เสิ่นอิงพักอยู่ แล้วเคาะอย่างแรงเสียงดัง ‘ปังปังปัง’
เสิ่นอิงเดินออกมาจากห้องอย่างเกียจคร้าน เขายืนพิงกรอบประตูแล้วถามว่า “มีอะไรหรือขอรับ?”
“ใครรังแกน้องอวี้”
เสิ่นอิงส่ายหน้า จากนั้นชี้ไปข้างหลังเขา แล้วพูดว่า “ลองถามนางดูเถิดขอรับ”
หนานหนานหันหน้าไปเห็นหงเย่กำลังเดินถืออ่างน้ำอยู่ที่ทางเดิน หงเย่กลับไปที่โรงเตี๊ยมในตอนเช้า นางจึงไม่ได้ติดตามอวี้ชิงลั่วไปยังคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลหมิง เมื่อเสิ่นอิงรู้ว่านางอยู่เป็นเพื่อนเหมิงหลัวอวี้ เขาจึงกลับไปนอนหลับที่ห้อง
ใครจะรู้ว่าหลังจากตื่นขึ้น ประตูก็ถูกหนานหนานเปิดออก
เมื่อเห็นว่าเสิ่นอิงไม่รู้อะไรเลย หนานหนานก็ผลักเขาเข้าไปในห้อง แล้ววิ่งไปอยู่ข้างหงเย่
เสิ่นอิงเกือบทรงตัวไม่อยู่ เขากัดฟันด้วยความหงุดหงิด เจ้าตัวเล็กนี่เปลี่ยนอารมณ์เร็วกว่าเปลี่ยนหน้าหนังสืออีก เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีประโยชน์ ก็ผลักเขาทิ้งไปโดยไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ ช่างน่าหงุดหงิดยิ่งนัก
เมื่อเห็นเขาวิ่งมาหา หงเย่ที่ถืออ่างน้ำด้วยมือข้างหนึ่ง ก็รีบใช้มืออีกข้างหยุดเขาไว้ “หนานหนาน เกิดอะไรขึ้น?”
“น้องอวี้เป็นอะไร?” เมื่อเห็นว่านางไม่สะดวกที่จะถืออยู่เช่นนี้ หนานหนานจึงรีบรับอ่างน้ำมาถือไว้ทันที ด้วยท่าทางสุภาพและมีน้ำใจ
หงเย่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจ แล้วก้มตัวลงพูดเบา ๆ ว่า “วันนี้เมื่อหม่อมฉันพาเสี่ยวอวี้ลงไปกินอาหารเย็นที่ชั้นล่าง คนที่นั่งโต๊ะข้าง ๆ ได้พูดถึงสถานการณ์ในคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่ โดยเล่าว่าคุณชายเหมิงหรงอยู่ในอาการหมดสติไป และไม่ยอมฟื้นขึ้นมา ถึงอย่างไรท่านก็เป็นพ่อของนาง แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันบ่อยนัก แต่นางก็มีความห่วงใยอยู่ในใจเสมอ แม้ว่าเสี่ยวอวี้จะบอกว่าไม่เป็นอะไร และดูเหมือนว่านางไม่แยแส แต่นางย่อมกังวลว่าพ่อของนางจะไม่ฟื้นขึ้นมา และไม่มีแม้แต่โอกาสที่พ่อและลูกสาวจะได้ทำความรู้จักกัน”
เมื่อหงเย่พูดจบ นางก็หยิบอ่างน้ำมา แล้วพาหนานหนานเข้าไปในห้อง
เหมิงหลัวอวี้กินขนมทีละน้อย แต่นางดูเหม่อลอยยิ่งนัก เมื่อเห็นหนานหนานกลับมาที่ห้องและมองหน้านาง ร่องรอยของความหม่นหมองก็ฉายแววในดวงตาของนาง
หนานหนานเห็นนางเป็นเช่นนี้แล้วก็รู้สึกอึดอัด
แม้ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาเขาจะไม่มีท่านพ่ออยู่เคียงข้างเขา แต่อย่างน้อยเขาก็มีท่านแม่ที่รักเขาเช่นเดียวกับแม่นมเก๋อ และต่อมาเขายังได้พบกับท่านอาถังป๋ายชือ ท่านน้าจิน ท่านปู่ฮวาและท่านย่าอู๋ เรียกได้ว่ามีญาติที่รักเขามากมายอยู่รอบกายเขา นอกจากสุขภาพที่ย่ำแย่ในตอนที่เขายังเด็ก และอาการเจ็บป่วยที่เคยเป็นมาก่อนแล้ว เขาก็ไม่ได้ขาดอะไรอีก และชีวิตของเขาก็ยอดเยี่ยมมาก
เมื่อเทียบกับเหมิงหลัวอวี้ หนานหนานรู้สึกว่าตนโชคดีกว่ามาก
เขาเดินไปอยู่ข้างเหมิงหลัวอวี้ ก่อนจับมือนางอย่างระมัดระวังและกระซิบว่า “ไม่ต้องกังวลนะ ท่านแม่ของข้า…”
“หนานหนาน?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างนอกประตู ขัดจังหวะคำพูดของหนานหนาน
หลังจากนั้นประตูก็เปิดออกทันใด เผยให้เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยของอวี้ชิงลั่ว
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สงสารน้องอวี้เหมือนกันนะคะ พ่อก็นอนป่วย แม่เลี้ยงก็คอยกำจัดลับหลังปู่
ไหหม่า(海馬)