อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 698 พวกเขามีความสัมพันธ์แบบตากับหลานหรือ
ตอนที่ 698 พวกเขามีความสัมพันธ์แบบตากับหลานหรือ?
ตอนที่ 698 พวกเขามีความสัมพันธ์แบบตากับหลานหรือ?
หนานหนานกระโดดโอบแขนรอบคอนางทันที แล้วเริ่มคร่ำครวญ “ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านมากเลยขอรับ”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น แล้วยกร่างหนัก ๆ ของเด็กน้อยขึ้น พลางคิดว่าช่วงสองวันที่ผ่านมาเขาต้องกินจุมากแน่ และคงจะกินข้าวเย็นไปแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ทำตัวไม่ดี
อวี้ชิงลั่วหันหน้าไปพูดกับหงเย่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ว่า “ให้เสี่ยวเอ้อเตรียมอาหารเย็นด้วย”
เหมิงหลัวอวี้ลงจากเก้าอี้ ก่อนเดินไปข้างหงเย่ จับมือนางแล้วพูดว่า “ท่านน้าชิง ข้าจะไปด้วยเจ้าค่ะ”
“อืม” อวี้ชิงลั่วพยักหน้า เป็นเพราะหนานหนานขวางสายตาของนางไว้ จึงไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของเหมิงหลัวอวี้ในวันนี้
ยังไม่ทันที่ประตูจะปิดอีกครั้ง นางก็อุ้มหนานหนานเดินไปที่เก้าอี้ด้านข้าง แล้วนั่งลง กวาดสายตาไปรอบ ๆ เมื่อมองเห็นขนมบนโต๊ะ นางก็เลิกคิ้วขึ้นมองไปที่หนานหนาน
หนานหนานยิ้มอย่างมีเลศนัยทันที เขารีบลงจากตักของอวี้ชิงลั่ว แล้วนวดขาให้นางด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ขอรับ ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าคิดถึงท่านมากเลย? แม้ว่าเราจะไม่ได้เจอกันหนึ่งวัน แต่ก็เป็นดั่งคำกล่าวที่ว่า มิได้พบพานเพียงหนึ่งวัน ราวจากกันถึงสามปี นั่นคือสถานการณ์ปัจจุบันที่ข้าต้องเผชิญ ความรู้สึกนี้ช่างตรอมตรมนัก”
“ตรอมตรมนัก แล้วเหตุใดแม่ไม่เห็นเจ้าน้ำหนักลดลงบ้างเลย?” ใบหน้าของเขากลับอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิม จนอวี้ชิงลั่วต้องเอื้อมมือไปหยิกแก้มเล็ก ๆ ของเขา
หนานหนานเริ่มคร่ำครวญอีกครั้ง “ท่านแม่ เป็นเพราะท่านแม่ไม่รู้ เป็นเพราะมีคนร้ายมาจับจุดอ่อนของข้าได้ เขาบังคับให้ข้ายอมจำนน เฮ้อ ข้าไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าข้าชอบการกินมาก เขาบังคับให้ข้ากินอาหารรสเลิศทุกชนิด ข้าจะไม่กินก็ไม่ได้ โลกนี้ช่างแปลกประหลาดนัก ถึงได้มีคนที่ต้องการเลี้ยงอาหารคู่ต่อสู้ให้อิ่มหนำเช่นนี้อยู่ด้วย”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก ขณะอุ้มเขาขึ้นมาเผชิญหน้ากับนาง “คนร้ายที่เจ้าพูดถึง… คือผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหรือไม่?”
หนานหนานสะดุ้งตกใจ “ท่านแม่รู้ได้อย่างไรขอรับ?” ท่านแม่ช่างน่าทึ่งนัก แต่เขาไม่อาจพูดต่อได้มากกว่านี้
“ความสัมพันธ์ระหว่างผู้อาวุโสเผ่าเหมิงกับพ่อของเจ้าคืออะไร?” อวี้ชิงลั่วหรี่ตาถามเขา
หนานหนานเม้มปาก เรื่องนี้ ท่านพ่อบอกเขาไว้แล้วว่าไม่ให้บอก เฮ้อ เมื่อไรท่านพ่อกับท่านแม่จะเลิกทะเลาะกันเสียที การถูกทั้งสองฝ่ายจับผิดนั้นน่าลำบากใจนัก
จะพูดหรือไม่พูดดี? เขาสัญญาต่อหน้าท่านพ่อของเขาแล้ว ลูกผู้ชายตัวจริงย่อมต้องรักษาคำพูดใช่หรือไม่?
“หืม?” อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น
“ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเป็นท่านตาของท่านพ่อขอรับ” หนานหนานโพล่งออกมาขณะสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ท่านพ่ออย่าโทษเขาเลย เป็นเพราะท่านแม่ลากเขามาคาดคั้นจนเขาแทบจะปัสสาวะราดเช่นนี้ เขากลัวท่านแม่มาก
อวี้ชิงลั่วตกตะลึงทันที มือของนางคลายออกโดยไม่รู้ตัว
ท่านตาหรือ????
เย่ซิวตู๋และผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมีความสัมพันธ์แบบตากับหลานหรือ?
อวี้ชิงลั่วเพียงแค่พอเดาได้ว่าพวกเขาอาจมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างใกล้ชิดกัน แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้
คาดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันเช่นนี้
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงมีท่าทางแปลก ๆ เมื่อเจอนางครั้งแรก คาดว่าเขาน่าจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของนางกับหนานหนานและเย่ซิวตู๋อยู่แล้ว
ไม่แปลกใจเลยที่เขาปล่อยนางเข้าไปในป่าไผ่นั้น มันคือการทดสอบทัศนคติของหลานสะใภ้ ในฐานะผู้อาวุโสใช่หรือไม่?
จู่ ๆ อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย เขาเป็นผู้อาวุโสของนาง ทว่าสิ่งที่นางทำลงไปในจวนของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงนั้น… อะแฮ่ม ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก
ทันใดนั้นอวี้ชิงลั่วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางเคยคิดว่าอารมณ์ฉุนเฉียวของหนานหนานไม่เหมือนนาง และไม่เหมือนเย่ซิวตู๋ ไม่เหมือนฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเฟิงชางและเหมิงกุ้ยเฟย แต่บุคลิกของเขาเหมือนกับผู้อาวุโสเผ่าเหมิง
มุมปากของนางเริ่มกระตุกเล็กน้อย นางกำลังคิดว่าในอนาคตเมื่อหนานหนานแก่ตัวลง เขาจะทำตัวเป็นเด็กเหมือนผู้อาวุโสเผ่าเหมิงหรือไม่?
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ อวี้ชิงลั่วก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า ไม่ ไม่อย่างแน่นอน
ค่อย ๆ ฝึกให้หนานหนานเป็นคนเย็นชาจะดีกว่า จะได้ดูน่าเชื่อถือขึ้นมากกว่านี้
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ อวี้ชิงลั่วก็อดไม่ได้ที่จะเหงื่อตก
ทันใดนั้นนางก็ขมวดคิ้วเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงก็ต้องเป็นบิดาของเหมิงกุ้ยเฟย
ทันใดนั้นนางก็นึกถึงชายที่นางเห็นตรงทางเข้าป่าไผ่ได้ เนื่องจากชายคนนั้นเป็นคนของเหมิงกุ้ยเฟย จึงเป็นเรื่องปกติที่จะติดต่อกับเหมิงจื้อเฉิง ซึ่งเป็นพี่ชายของเหมิงกุ้ยเฟย และไม่อาจเลี่ยงการเจอกันได้
ทว่าเนื่องจากพวกเขาสองคนมีตัวตนเช่นนั้น เหตุใดพวกเขาจึงต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เมื่อพูดคุยกันด้วย?
นางรู้สึกเสมอว่าพวกเขาต้องมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
อย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างเหมิงกุ้ยเฟยกับเหมิงจื้อเฉิง… ก็นับว่าดีทีเดียว
นางเงยหน้าขึ้นมองหนานหนาน คิ้วของนางขมวดแน่น ขณะถามด้วยความกังวลว่า “หนานหนาน ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงทำอะไรพ่อของเจ้าหรือเปล่า?”
“อะไรนะขอรับ?” หนานหนานเอียงศีรษะด้วยความงุนงง เหตุใดจู่ ๆ ท่านแม่ต้องจริงจังและวิตกกังวลถึงเพียงนี้ด้วย?
“มันเป็นเรื่องของทัศนคติ ทัศนคติของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงที่มีต่อพ่อของเจ้าเป็นอย่างไร? ดีหรือไม่ดี?” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเข้าข้างเหมิงกุ้ยเฟย เช่นนั้นเย่ซิวตู๋ก็จะตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ
ไม่ว่าอย่างไร ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงก็มีตำแหน่งสูงศักดิ์และวิทยายุทธ์ที่ทรงพลัง แม้ว่าเผ่าเหมิงจะมีกฎห้ามยุ่งเกี่ยวกับลูกสาวที่แต่งงานแล้ว แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเขาจะไม่มีความเห็นแก่ตัวเลย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น หากเย่ซิวตู๋อยู่ในเผ่าเหมิง เขาก็จะถูกฆ่าตาย
หนานหนานพยักหน้า แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดว่า “ข้าว่าค่อนข้างดี ท่านพ่อทำตัวสบาย ๆ ต่อหน้าท่านทวด และท่านทวดมักจะถูกท่านพ่อยั่วยุให้โมโห แต่เมื่อท่านทวดทราบว่าข้าเป็นลูกของท่านพ่อ ท่านทวดก็ตกใจมาก เขาโผเข้ากอดข้าด้วยความรักทันทีแบบไม่ยอมปล่อย อีกทั้งต่อจากนี้ไป เขาก็อยากให้ข้าไปบ้านเขาทุกวันด้วยขอรับ”
เมื่ออวี้ชิงลั่วได้ยินเช่นนั้น นางก็รู้สึกโล่งใจไปได้ครึ่งหนึ่ง
จู่ ๆ หนานหนานก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาผุดลุกขึ้นและพูดว่า “แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพูดอะไรแปลก ๆ ตอนคุยกันขอรับ ท่านทวดแปลกใจมากเมื่อรู้ว่าท่านพ่อมีลูก ท่านพ่อบอกว่าต้องมีใครบางคนปกปิดเรื่องนี้ไว้ และเมื่อเจ้าปู่ได้ฟังเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก ราวกับว่าเขาต้องการฆ่าใครสักคน”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง เย่ซิวตู๋กำลังคิดว่าเหมิงกุ้ยเฟยและเหมิงจื้อเฉิง ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับผู้อาวุโสเผ่าเหมิงใช่หรือไม่? หากเป็นเช่นนี้ ก็แสดงว่ามีบางสิ่งที่เหมิงกุ้ยเฟยไม่ต้องการให้ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงรู้ และทั้งสองก็ไม่ได้สนิทกันมากด้วย
เมื่อนึกถึงนิสัยของผู้อาวุโสเผ่าเหมิง นางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ หากเขาใจดีกับใครสักคนจริง ๆ เขาจะจริงใจมาก
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เสียงแผ่วเบาของหงเย่ก็ดังขึ้น “องค์หญิง หม่อมฉันมาแล้วเพคะ”
“อืม” อวี้ชิงลั่วตอบ แล้วประตูก็ถูกเปิดออก จากนั้นหงเย่ก็เดินถือถาดเข้ามา ตามมาด้วยเหมิงหลัวอวี้
หลังจากนำอาหารสองจานเข้ามาแล้ว หงเย่ก็พาเหมิงหลัวอวี้ออกไปอีกครั้ง
ทันทีที่หนานหนานเห็นเหมิงหลัวอวี้ เขาก็นึกถึงเหมิงหรงขึ้นมา และรีบเล่าเรื่องที่หงเย่บอกเขาเมื่อสักครู่นี้ให้อวี้ชิงลั่วฟังทันที และในที่สุดก็ถามด้วยความกังวลว่า “ท่านแม่ บิดาของน้องอวี้จะฟื้นเมื่อใดหรือขอรับ?”
อวี้ชิงลั่วเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ครู่หนึ่งนางก็พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “พรุ่งนี้ ถึงเวลาที่เขาจะต้องฟื้นแล้ว”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พ่อกับลูกสาวไม่ถูกกันหรือเปล่านะ เหมิงกุ้ยเฟยถึงดูไม่มีปฏิสัมพันธ์กับพ่อตัวเองเลย
ไหหม่า(海馬)