อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 701 ได้รับความไว้วางใจ
ตอนที่ 701 ได้รับความไว้วางใจ
ตอนที่ 701 ได้รับความไว้วางใจ
อวี้ชิงลั่วจิบน้ำเงียบ ๆ พลางเลิกคิ้วขึ้น
ผู้อาวุโสสกุลเยว่รู้สึกกระวนกระวาย “เกิดอะไรขึ้น?”
“คือ คือว่าคนรับใช้ของแม่นางถังไปหาปี้เอ๋อร์ บอกว่าปี้เอ๋อร์… มีบางอย่างผิดปกติขอรับ” พ่อบ้านกัดฟันพูด เขาไม่กล้ามองหน้าเหมิงเคอ จึงได้แต่ก้มหน้าพูดรัวเร็ว
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตกตะลึง เขามองเหมิงเคอและอวี้ชิงลั่วด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าของเหมิงเคอกลายเป็นซีดเผือดลงทันใด แต่อวี้ชิงลั่วตบกระโปรงลุกขึ้นยืนพูดว่า “ในเมื่อคนที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นสาวใช้ของข้าก็ให้นางเข้ามา เฮ้อ เผลอเพียงครู่เดียวก็ก่อเรื่องในคฤหาสน์แห่งนี้เสียแล้วหรือ?”
นางพูดแล้วก็แสร้งพูดกับเหมิงเคอว่า “ฮูหยิน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ หงเย่ค่อนข้างดื้อรั้น หากนางเข้ามาแล้ว ข้าจะถามนางอย่างละเอียดแน่ และหากนางทำอะไรผิด ข้าจะลงโทษนางอย่างหนักแน่นอน”
แก้มของเหมิงเคอสั่นกระตุก รอยยิ้มของนางฝืดเฝื่อนยิ่งนัก
มือของนางจิกชุดแน่น แม้แต่สีเลือดที่ริมฝีปากของนางก็ยังจางลง
ปี้เอ๋อร์ เหตุใดปี้เอ๋อร์จึงตกอยู่ในเงื้อมมือของหงเย่นั่นได้? นางไม่ได้บอกให้นาง…
เหมิงเคอไม่อาจพูดอะไรได้ ผู้อาวุโสสกุลเยว่สั่งขอให้พ่อบ้านพาทั้งสองคนเข้ามา
ปี้เอ๋อร์พยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากการจับกุมของหงเย่อย่างเต็มที่
แต่หงเย่เคยฝึกวิทยายุทธมาก่อน กำลังมือของนางจึงแข็งแกร่งยิ่งนัก แล้วปี้เอ๋อร์จะหลุดไปได้อย่างไร? นางจึงทำได้เพียงยอมถูกควบคุมตัวเข้ามาเท่านั้น
ทันทีที่ผ่านเข้าประตูมา หงเย่ก็ยกมือผลักปี้เอ๋อร์ไปข้างหน้า
เท้าของปี้เอ๋อร์ไม่มั่นคงอยู่แล้ว นางจึงล้มลงกลางกลุ่มสาวใช้ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น พวกนางจึงกรีดร้องและรีบถอยห่างออกไปทันที
ปี้เอ๋อร์ตื่นตระหนกเล็กน้อย เมื่อนางตั้งสติได้และเห็นผู้อาวุโสสกุลเยว่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใหญ่พร้อมด้วยเหมิงเคอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นางก็ร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสังเวชทันที “นายท่าน ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะนายท่านของข้าน้อย จู่ ๆ สตรีผู้นี้ก็มาจับตัวข้าอย่างไร้เหตุผล และยังบอกด้วยว่าข้าน้อยไม่ใช่คนดี ข้าน้อยแค่กำลังเดินอยู่เท่านั้น แล้วนางมาทำร้ายข้าน้อยเช่นนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ?”
นางพูดพร้อมยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดดวงตาแดงก่ำของตน น้ำตายังคงไหลพรากดุจสายน้ำ
เหมิงเคอขมวดคิ้ว ลางสังหรณ์เลวร้ายพลันผุดขึ้นในใจของนาง
อวี้ชิงลั่วยังคงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบ นางเงยหน้าขึ้นมองหงเย่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “หงเย่ อยู่ในคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่ เจ้าทำตัวไม่เกรงใจเช่นนี้ได้อย่างไร? เจ้าเอาแต่ใจและเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น รู้หรือไม่ว่าเป็นการทำให้เจ้านายเช่นข้าต้องลำบากใจ?”
ดวงตาของหงเย่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที และนางก็คุกเข่าลงบนพื้นเช่นกัน แต่นางคุกเข่าแค่ตรงหน้าอวี้ชิงลั่วเท่านั้น
“คุณหนู ข้าน้อยไม่อาจปล่อยผ่านได้เจ้าค่ะ หน้าที่ของข้าน้อยคือการปรนนิบัติรับใช้คุณหนูให้ดีที่สุด ตราบใดที่คุณหนูมีความสุข ข้าน้อยจะไม่เรียกร้องอะไรเลย แต่ตอนนี้มีคนมาทำร้ายคุณหนู ข้าน้อยย่อมไม่อาจยืนดูเฉย ๆ ได้หรอกเจ้าค่ะ”
“ทำร้ายข้าหรือ?” อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว “เจ้าพูดเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร?”
“ทุกวันนี้คุณหนูกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะอาการป่วยของคุณชายเหมิง แม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่ข้าน้อยคนนี้รู้ดีเจ้าค่ะ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่อาการของคุณชายเหมิงดีขึ้นเล็กน้อย คุณหนูจะนอนหลับสบาย ไม่เช่นนั้นท่านจะตื่นขึ้นมากลางดึก เพื่อลุกมาจดบันทึกวิธีการรักษาที่เพิ่งคิดได้ แม้จะเป็นตอนรับประทานอาหารหรือเดินเล่น ท่านก็ยังนึกถึงอาการของคุณชายเหมิง อีกทั้งยังพูดคุยน้อยลงเพราะห่วงคุณชายด้วย คุณหนูเป็นเช่นนี้แล้วข้าน้อยจะไม่รู้สึกแย่ได้อย่างไรเจ้าคะ? บัดนี้ข้าน้อยหวังเพียงให้คุณชายเหมิงตื่นขึ้นมาและฟื้นตัวให้เร็วที่สุด เพื่อที่คุณหนูจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้เจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่รู้สึกประหลาดใจ เขาคาดไม่ถึงว่าแม่นางถังจะทำงานหนักถึงเพียงนี้ เพราะอาการป่วยของบุตรชายเขา
สีหน้าของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง เมื่อมองอวี้ชิงลั่ว เขาก็เกือบจะโค้งคำนับให้ด้วยใจจริง
อูเหมี่ยนเซิงก็ตกใจเช่นกัน แม่นางถังคนนี้ดูเย็นชา แต่คาดไม่ถึงเลยว่านางจะกังวลเรื่องอาการของเหมิงหรง
มีเพียงหมอเฒ่าฉยงซานเท่านั้นที่ก้มหน้าลงเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นสีหน้าของเขาตอนนี้ เขาลอบหัวเราะในใจอย่างหนัก เหตุใดลั่วลั่วจึงทำเพื่อเหมิงหรงขนาดนี้? เขามีลางสังหรณ์เสมอว่าการมาปรากฏตัวที่นี่ของลั่วลั่วต้องมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่
เขารู้สึกว่าลั่วลั่วคิดจะทำการใหญ่
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ หมอเฒ่าฉยงซานก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
หงเย่ยังคงคุกเข่าอยู่ แต่นางยังคงนั่งยืดตัวตรงพร้อมสีหน้าหนักแน่น ซึ่งดูเหมือนจะทำให้คนสงสารได้มากกว่าปี้เอ๋อร์ที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญ
“คุณหนู เมื่อข้าน้อยเข้ามาในคฤหาสน์ แล้วได้ยินมาว่าคุณชายเหมิงมีอาการดีขึ้นและกำลังจะฟื้น ข้าน้อยก็ดีใจมากกว่าใครเลยเจ้าค่ะ” หงเย่พูดเบาลง “แต่เมื่อสักครู่นี้ข้าน้อยได้ยินคุณหนูบอกว่ามีคนมาทำร้ายคุณชายเหมิง จนทำให้อาการของคุณชายเหมิงทรุดลง ข้าน้อยจึงรู้สึกไม่พอใจและรู้สึกอึดอัดมาก จึงออกไปเดินในสวนด้านนอก แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญไปเจอปี้เอ๋อร์แอบพูดอะไรบางอย่างอยู่เจ้าค่ะ”
“ข้าน้อยเคยฝึกวิทยายุทธมาก่อนจึงหูไว เมื่อเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อย ข้าน้อยก็ได้ยินปี้เอ๋อร์กำลังพึมพำกับรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม นางกล่าวว่า ‘ข้าไม่ได้ต้องการทำร้ายท่าน เมื่อท่านไปถึงยมโลกแล้วก็อย่าได้โทษข้าเลย ข้าถูกคนอื่นบังคับให้ทำ ข้าไม่มีทางเลือก’ ข้าน้อยได้ยินแล้วก็ตกใจ คาดไม่ถึงเลยว่าปี้เอ๋อร์กำลังจะฆ่าใครสักคน ข้าน้อยนึกถึงเรื่องคุณชายเหมิงถูกทำร้ายขึ้นมาได้ และรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติทันที ดังนั้นข้าน้อยจึงจับตัวปี้เอ๋อร์ไว้ ข้าน้อยต้องการให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่ค้นหาความจริงของเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้การทำงานหนักของคุณหนูต้องสูญเปล่าเจ้าค่ะ”
จู่ ๆ ผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเตะปี้เอ๋อร์ด้วยความโมโห “บอกมา เจ้าจะฆ่าหรงเอ๋อร์ใช่หรือไม่? ใช่หรือไม่?”
ปี้เอ๋อร์เจ็บหน้าอกมาก ผู้อาวุโสสกุลเยว่ฝึกวิทยายุทธ์อยู่เสมอ แล้วนางจะต้านทานแรงเตะอันรุนแรงของเขาได้อย่างไร นางจึงกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
รูม่านตาของเหมิงเคอหดลงอย่างรุนแรง นางกำมือแน่นและรีบคุกเข่าลงพลางพูดว่า “ท่านพ่อสามีเจ้าคะ เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างชัดเจน ดังนั้นอย่าเพิ่งด่วนสรุปสิเจ้าคะ ปี้เอ๋อร์เป็นคนปากร้ายแต่ใจดีมาตั้งแต่ยังเด็ก นางเป็นคนใจดีมีเมตตานัก ถึงขนาดที่ว่าหากปกตินางเหยียบมดตาย นางก็จะเสียใจไปสองสามวัน แล้วนางจะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ?”
“ข้าน้อย ข้าน้อยเปล่านะเจ้าคะ” ปี้เอ๋อร์รู้สึกอึดอัดมาก นางจ้องมองหงเย่ด้วยสายตาเกรี้ยวกราด แล้วส่ายหน้าพูดว่า “นายท่านเจ้าคะ ข้าน้อยเปล่า ข้าน้อยไม่เคยพูดอะไรกับรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมเลย วันนี้ข้าน้อยเพิ่งได้รับคำสั่งจากฮูหยินให้ไปดูคุณหนูที่สวนถิงซิน เพื่อให้พาคุณหนูมาให้แม่นางถังตรวจอาการ ทว่าเดินไปได้แค่ครึ่งทาง ข้าน้อยก็ถูกหงเย่จับตัวไว้ โดยไม่มีเหตุผลเจ้าค่ะ”
หงเย่ใส่ร้ายนาง นางไม่เคยเห็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมเลย การไปซุ่มรอนางอยู่ก็ฟังดูแปลกมาก หงเย่ลากนางมาที่นี่โดยเจตนาชัดๆ
“ไม่มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมงั้นหรือ?” หงเย่ตะคอกอย่างเย็นชา “แล้วนี่คืออะไร?”
ขณะพูด นางก็ก้มลงหยิบรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์หนึ่งออกมา
อูเหมี่ยนเซิงหันไปมองผู้อาวุโสสกุลเยว่ แล้วเอื้อมมือออกไปหยิบ
ผู้อาวุโสสกุลเยว่เพียงแค่เหลือบมองมัน จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมาก และทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองปี้เอ๋อร์
“ปี้เอ๋อร์ เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวอีกหรือไม่?”
…………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อีกฝั่งแผนสูงทั้งนายทั้งบ่าวเลย เหมิงเคอเจอตอแล้ว
ไหหม่า(海馬)