อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 706 กลอุบายเก่า
ตอนที่ 706 กลอุบายเก่า
ตอนที่ 706 กลอุบายเก่า
อวี้ชิงลั่วอธิบายข้อควรระวังบางอย่าง แล้วให้ยาที่นางเตรียมไว้พร้อมเขียนใบสั่งยากำกับ โดยขอให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่ทำตามคำแนะนำในใบสั่งยา เพื่อช่วยให้เหมิงหรงได้พักฟื้นร่างกาย
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาคนที่ไว้ใจได้มาคอยคุ้มกัน ‘เย่เซ่อ’ เอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครเข้าใกล้ได้ จะได้ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีก
นางพูดเช่นนี้เพราะต้องการป้องกันเหมิงเคอ
อวี้ชิงลั่วคิดว่าหลังจากเรื่องขึ้นกับปี้เอ๋อร์ ผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็ไม่น่าจะไว้วางใจเหมิงเคอมากเท่าเมื่อก่อนอีกต่อไป แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเหมิงเคอต้องการทำร้ายเหมิงหรง แต่เมล็ดพันธุ์แห่งความหวาดระแวงได้ถูกหว่านลงไปแล้ว และมันไม่ง่ายเลยที่จะหายไป เขายังสั่งห้ามนางไปแล้ว เพื่อที่นางจะได้ไม่ต้องมาที่นี่เพื่อดูแลเขาอีกต่อไป
อวี้ชิงลั่วล้างมือ แล้วรับผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดมาจากหงเย่
เมื่อหันกลับไปเห็นว่าผู้อาวุโสสกุลเยว่และเหมิงหรงยังคงพูดคุยกันอยู่ นางก็ขยิบตาให้หงเย่ แล้วเดินออกจาก ‘เย่เซ่อ’ ไปอย่างเงียบเชียบ
พ่อลูกคงมีบางอย่างที่อยากจะพูดคุยกัน อย่างไรเสียก็มีหมอเฒ่าฉยงซานคอยเฝ้าดูอยู่ เขารู้อาการของเหมิงหรง และจะเตือนเขาเมื่อควรพักผ่อน
ข้างนอกยังมีแสงแดดส่องอยู่ และช่วงนี้อากาศก็ร้อนขึ้น
ไม่รู้ว่าอากาศในวันจัดเทศกาลชิมสุราจะเป็นอย่างไร หากร้อนเกินไปก็อาจจะไม่สนุกนัก
“คุณหนูเจ้าคะ” หงเย่เดินตามนางไปยังสะพานหิน เมื่อมองไปรอบ ๆ แล้วไม่พบใคร นางก็อ้าปากพูดเรียกเบา ๆ
อวี้ชิงลั่วหันหน้ามาถามว่า “หืม?” แล้วพูดว่า “ตอนนั้นเจ้าจัดการปี้เอ๋อร์อย่างไร?”
“ปี้เอ๋อร์… ต้องการโจมตีเถี่ยชิวเอ๋อร์เจ้าค่ะ” หงเย่ประสานนิ้วของนาง สีหน้าของนางตึงเครียด อาจเป็นเพราะช่วงนี้นางได้ใช้เวลากับเด็กสองสามคนนั้น ทำให้นางรักพวกเขาโดยไม่รู้ตัว เถี่ยชิวเอ๋อร์มีอายุเท่ากับหนานหนานกับเหมิงหลัวอวี้ และนางต้องทนทุกข์ทรมานมาก หงเย่หวังว่านางจะปลอดภัยและได้เติบโตอย่างแข็งแรง
“ข้าน้อยสะกดรอยตามปี้เอ๋อร์ไป แล้วพบว่านางไปที่เรือนของชิวเอ๋อร์ นางแอบเข้าไปในครัวเล็ก ๆ แล้วเทยาในห่อใส่หม้อ ซึ่งอาหารในหม้อน่าจะให้แม่นมเฝิงกิน แต่แม่นมเฝิงเผลอทำหกโดยบังเอิญ ทำให้นางไม่ได้กินมัน ปี้เอ๋อร์ยังมียาเหลืออยู่กับตัว แล้วนางก็ใส่ยานั้นลงไปในชามของชิวเอ๋อร์ หลังจากที่ชิวเอ๋อร์กินแล้วก็หมดสติไป ข้าน้อยเห็นปี้เอ๋อร์อุ้มชิวเอ๋อร์ไปที่สระน้ำเล็ก ๆ และกำลังจะโยนลงไป แต่นางก็ยังไม่ได้ทำเช่นนั้นเพราะแม่นมเฝิงมาพบนางพอดี ปี้เอ๋อร์กลัวถูกเปิดโปงจึงต้องยอมแพ้ และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากล้มเลิกแผนฆ่าชิวเอ๋อร์ไปก่อน นางวางชิวเอ๋อร์ลงบนพื้นแล้ววิ่งหนีไป และคิดวางแผนหาโอกาสอีกครั้งเจ้าค่ะ”
“เมื่อข้าน้อยเห็นว่าปี้เอ๋อร์ไปแล้ว จึงออกไปปรากฏตัวต่อหน้าแม่นมเฝิง เมื่อตรวจชิวเอ๋อร์ดูก็พบว่าไม่มีอะไรร้ายแรง ข้าน้อยจึงเล่าให้แม่นมเฝิงฟังคร่าว ๆ จากนั้นก็รีบตามไปจับตัวปี้เอ๋อร์มาที่นี่เจ้าค่ะ”
แน่นอนว่านางเป็นคนใส่ห่อยาไว้ในตัวของปี้เอ๋อร์ ขณะที่ปี้เอ๋อร์ถูกพ่อบ้านพยุงให้ยืนขึ้นแล้วล้มลง นางเป็นคนทำให้ห่อยาหลุดออกมาเอง
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง แล้วยื่นมือออกไปดึงใบไม้ด้านข้างมาฉีกทีละนิด แล้วโยนลงไปในแม่น้ำ แต่จิตใจของนางกำลังปั่นป่วนยิ่งนัก
“ไม่แปลกใจเลยที่เหมิงเคอจะร้อนใจ ไม่ยอมให้ปี้เอ๋อร์สารภาพผิด นางกลัวว่าหากยังปล่อยให้ปี้เอ๋อร์พูดเรื่องนี้ต่อไปจะทำให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้น และนางจะถูกเปิดโปงเรื่องข่มเหงชิวเอ๋อร์ด้วย”
อวี้ชิงลั่วเอียงศีรษะครุ่นคิด นางรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นางคิดว่าหากมีเย่ซิวตู๋อยู่ด้วยในตอนนี้ ก็น่าจะสามารถหาวิธีแก้ปัญหาได้ในไม่ช้า
แต่วินาทีต่อมานางก็สะบัดหน้าอย่างแรง เหตุใดต้องไปนึกถึงเขาด้วย? นางพบว่าตนเองดูเหมือนจะพึ่งพาเขามากขึ้นเรื่อย ๆ หากมีปัญหาใดที่นางคิดไม่ออก นางก็หวังเสมอว่าจะมีเขาอยู่เคียงข้าง และช่วยคิดหาทางแก้ไข
การเป็นเช่นนี้นับว่าไม่ดีเลย มันค่อนข้างแย่มาก หากนางยังทำตัวเกียจคร้านและไม่ใช้สมองอีก ในอนาคตนางจะถูกเย่ซิวตู๋กลืนกินแน่
“คุณหนู? เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ? มีปัญหาอะไรกับปี้เอ๋อร์หรือไม่เจ้าคะ?” เมื่อเห็นว่านางเงียบไปนาน และส่ายหน้าไปมา หงเย่ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ปัญหาหรือ? ใช่แล้ว ปัญหาคืออะไร?
“ข้าแค่สงสัยว่าเหตุใดวันนี้เหมิงเคอ… ต้องโจมตีชิวเอ๋อร์ด้วย”
หงเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตกอยู่ในห้วงความคิด ริมฝีปากของนางแยกออกเล็กน้อย ขณะพึมพำกับตัวเองว่า “วันนี้ก็ไม่ต่างจากที่ผ่านมา หากพูดถึงข้อแตกต่าง ก็คือคุณชายเหมิงฟื้นแล้ว”
“ใช่แล้ว นั่นแหละ” อวี้ชิงลั่วตบมือทันที ดวงตาของนางพลันเป็นประกาย
นางจ้องตรงไปยัง ‘เย่เซ่อ’ และพูดต่อจากคำพูดของหงเย่ “เจ้าพูดถูก เหมิงเคอไม่ได้ทำอะไรมาหลายวันแล้ว แต่เมื่อเหมิงหรงกำลังจะฟื้นขึ้นมา นางก็แทบรอไม่ไหวที่จะกำจัดชิวเอ๋อร์ และเมื่อเห็นว่าครั้งนี้ปี้เอ๋อร์ทำการไม่สำเร็จ นางจึงตัดสินใจเช่นนั้น”
อวี้ชิงลั่วรู้อยู่เสมอว่าเหมิงเคอจะต้องหาโอกาสกำจัดเถี่ยชิวเอ๋อร์แน่นอน เพียงแต่ว่ามีความกังวล ในแง่หนึ่งก็คือเถี่ยชิวเอ๋อร์เป็นลูกสาวของคนเฝ้าประตู หากนางถูกฆ่าโดยไม่มีเหตุผล คนเฝ้าประตูก็จะไม่ยอมให้เรื่องเงียบแน่ อีกทั้งตอนนี้ผู้อาวุโสสกุลเยว่ให้ความสำคัญกับหลานสาวคนนี้มาก และชิวเอ๋อร์ก็มีแม่นมเฝิงคอยอยู่เคียงข้างนาง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาโอกาสที่ดีมากกว่านี้เพื่อกำจัดนาง
นางจึงผัดวันประกันพรุ่ง เพื่อมองหาโอกาสที่สมบูรณ์แบบ
แต่ต้องเป็นก่อนที่เหมิงหรงจะฟื้นขึ้นมา
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” หงเย่เห็นด้วย “แต่การฆ่าชิวเอ๋อร์ เกี่ยวอะไรกับการที่คุณชายเหมิงฟื้นขึ้นมาเล่าเจ้าคะ?”
อวี้ชิงลั่วเงียบลงอีกครั้ง นางเองก็กำลังครุ่นคิดถึงคำถามนี้เช่นกัน
จากนั้นครู่หนึ่ง นางก็พูดอย่างไม่มั่นใจว่า “เจ้าบอกว่าอาจเป็นเพราะเหมิงหรงเคยพบและรู้จักเสี่ยวอวี้มาก่อนไม่ใช่หรือ? หากเขาได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเถี่ยชิวเอ๋อร์ เขาก็จะรู้ว่านี่ไม่ใช่ลูกของเขา ถึงตอนนั้นแผนการของนางก็จะล้มเหลว”
หลังจากใคร่ครวญอยู่นาน หงเย่ก็คิดถึงความเป็นไปได้นี้เท่านั้น
แต่ว่า…
“ต่อให้ชิวเอ๋อร์จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่รูปร่างหน้าตาของนางก็ยังคงเหมือนเดิม และเขาก็ยังคงจำนางได้ เหมิงเคอไม่ได้คิดเรื่องนี้ไว้หรือเจ้าคะ”
อวี้ชิงลั่วนึกเย้ยหยัน “ใช่แล้ว รูปร่างหน้าตาของศพจะไม่เปลี่ยน แต่ถ้าแช่น้ำเป็นเวลานาน ใบหน้าก็จะบวมอืดผิดรูปไม่ใช่หรือ? อีกทั้งใบหน้าของเด็กวัยห้าขวบยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ เสี่ยวอวี้และชิวเอ๋อร์มีโครงหน้าที่คล้ายกัน ดังนั้นนางจึงทำสำเร็จได้”
“ไม่น่าแปลกใจที่ปี้เอ๋อร์ต้องการวางยาชิวเอ๋อร์…”
“แย่แล้ว…” ก่อนที่หงเย่จะพูดจบ อวี้ชิงลั่วก็อุทานออกมา
หงเย่ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกกระวนกระวายใจ “เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะคุณหนู?”
แต่อวี้ชิงลั่วไม่มีใจจะตอบคำถามของนั้น นางหันหลังวิ่งออกจากสะพานหินทันที และรีบวิ่งไปที่เรือนของชิวเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว
หากสิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามที่พวกนางคาดเดาไว้ ในตอนนี้เถี่ยชิวเอ๋อร์ก็จะตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้เหมิงหรงฟื้นขึ้นมาแล้ว ตราบใดที่ผู้อาวุโสสกุลเยว่พูดถึงเหมิงหลัวอวี้ บางทีเขาอาจจะต้องการให้พ่อและลูกสาวพบกันทันที ถึงตอนนั้นแผนการก็จะถูกเปิดโปง
และนี่เป็นสิ่งที่เหมิงเคอยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง
หากปี้เอ๋อร์ล้มเหลว เหมิงเคอจะโจมตีอีกครั้งอย่างแน่นอน
ให้ตายเถอะ นางประมาทเกินไป ตอนนี้เหมิงเคอดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในเย่เซ่อแล้ว นางน่าจะฉุกคิดเรื่องนี้ได้ตั้งนานแล้ว
ใบหน้าของอวี้ชิงลั่วซีดเผือด ตอนนี้นางนึกอยากจะให้ขาของตนยาวขึ้นสักสองเท่า นางวิ่งเร็วมาก และหงเย่ก็วิ่งตามมาติด ๆ
ทันทีที่พวกนางทั้งสองก้าวเข้าไปในเรือนของเถี่ยชิวเอ๋อร์ พวกนางก็เห็นร่างไร้ชีวิตร่างหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ที่บันไดหน้าประตูเรือน นั่นมัน… แม่นมเฝิง
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เรื่องราวในตระกูลนี้ก็โหดเหมือนกันนะเนี่ย จนสงสัยว่าเหมิงเคอนี่มีความใกล้ชิดกับเหมิงกุ้ยเฟยหรือเปล่า อำมหิตพอกันเลย
ไหหม่า(海馬)