อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 708 เหมิงหรงฟื้นแล้ว
ตอนที่ 708 เหมิงหรงฟื้นแล้ว
ตอนที่ 708 เหมิงหรงฟื้นแล้ว
ทั้งภายในและภายนอก ‘เย่เซ่อ’ ยังคงเงียบสงัด ผู้อาวุโสสกุลเยว่พูดคุยกับบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของเหมิงหรงเขาก็ทนไม่ได้ จึงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเพิ่งฟื้น พักผ่อนให้เพียงพอเสียก่อนเถิด รอจนกว่าเจ้าจะดีขึ้นแล้วค่อยพูดเรื่องอื่นกัน”
เหมิงหรงพยักหน้า เขาเหนื่อยมาก ร่างกายราวกับเป็นโพรงว่างเปล่าหลังป่วยมานาน ตอนนี้เขารู้สึกอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว และต้องการนอนพักต่อจริง ๆ
ผู้อาวุโสสกุลเยว่เอนหลัง เมื่อเห็นเหมิงหรงหลับตาลงอีกครั้ง เขาก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องชั้นใน
เหมิงเคอยืนอยู่ตรงขอบเตียง กัดริมฝีปากล่างแล้วพูดว่า “ท่านพ่อสามี ข้าต้องการอยู่ที่นี่ ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ ข้าจะไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของสามี จะคอยเฝ้าดูแลอยู่เช่นนี้เองเจ้าค่ะ”
“…อืม” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็ตอบตกลง เคอเอ๋อร์ใจดีกับหรงเอ๋อร์เสมอ ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน แม้ว่าเขาจะยังคิดว่าเรื่องของปี้เอ๋อร์นั้นแปลกไปสักหน่อย แต่เมื่อเห็นเคอเอ๋อร์เป็นเช่นนี้ เขาก็ทนไม่ได้
หมอเฒ่าฉยงซานขยิบตาให้ว่านเผิงหลง ท่าทางของลั่วลั่วทำให้ตอนนี้เขาก็ยังไม่ไว้ใจเหมิงเคอเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากลั่วลั่วไม่อยู่ที่นี่ เขาจะต้องคอยจับตามองเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เหมิงเคอทำให้ความพยายามของลั่วลั่วสูญเปล่า
แต่ว่าเหตุใดลั่วลั่วถึงยังไม่กลับมาทั้ง ๆ ที่ออกไปนานถึงเพียงนี้แล้ว?
หมอเฒ่าฉยงซานส่ายหน้าและเดินตามเขาออกจากห้องชั้นใน เมื่อเห็นผู้อาวุโสสกุลเยว่และอูเหมี่ยนเซิงนั่งอยู่ข้างนอก เขาก็เดินออกจาก ‘เย่เซ่อ’ โดยไม่ได้เอ่ยคำใดสักคำ แต่ก็ยังไม่เห็นใครข้างนอกเลย ซึ่งน่าแปลกยิ่งนัก
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ในบ้านดูเหนื่อยล้า แต่ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อเหมิงหรงฟื้นแล้วเขาก็โล่งใจ
เท่านั้น…
“หรงเอ๋อร์ไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับเขา รอให้เขาหายดีก่อนค่อยพูดเรื่องนี้” ผู้อาวุโสตระกูลเยว่พูดกับอูเหมี่ยนเซิงที่อยู่ข้าง ๆ
อูเหมี่ยนเซิงพยักหน้า “ท่านประมุขอย่าได้กังวล ข้าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้กับเหมิงหรงขอรับ”
“เฮ้อ ยังโชคดีที่มีเสี่ยวอวี้อยู่ที่นี่ อย่างไรเสียหรงเอ๋อร์ก็ยังมีลูกสาวที่ห่วงใยเขาอยู่ แม่นางถังบอกว่าเสี่ยวอวี้จะหายดีในไม่ช้า เมื่อถึงเวลานั้น นางจะได้รับการศึกษาและการฝึกฝนอย่างเหมาะสม แล้วนางจะได้เป็นคุณหนูของครอบครัวเราในอนาคต ทว่าเสี่ยวอวี้เกิดมาด้วยความต่ำศักดิ์ ดังนั้นในอนาคตเคอเอ๋อร์จึงควรเป็นคนเลี้ยงดูนาง แม้นางจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของเคอเอ๋อร์ แต่แม่ผู้ให้กำเนิดของนางอายุไม่ยืนเท่าแม่บุญธรรม เสี่ยวอวี้จะต้องเป็นคนมีเหตุผล และจะปฏิบัติต่อนางเหมือนแม่ผู้ให้กำเนิดแน่นอน”
“…” จู่ ๆ อูเหมี่ยนเซิงก็กำหมัดแน่นขณะเม้มปาก ไฟโทสะพลันพลุ่งพล่านในใจเขาโดยไม่มีเหตุผล
ผู้อาวุโสสกุลเยว่พูดอยู่นาน แต่ไม่ได้ยินคำตอบของอูเหมี่ยนเซิง จึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจและหันหน้าไปมองคู่สนทนา แต่แล้วก็เห็นท่าทางของอูเหมี่ยนเซิงดูต่างจากเขามาก ราวกับกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่างอยู่
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “มีอะไรหรือ?”
อูเหมี่ยนเซิงลังเลที่จะพูด เขาเม้มปากแน่น ในที่สุดก็ทนไม่ได้อีกต่อไป และกระซิบคำสองสามคำที่ข้างหูของชายชรา
ทันใดนั้นผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็เบิกตากว้าง เขาลุกขึ้นยืนทันทีและพูดว่า “เจ้าว่าอย่างไรนะ เจ้าบอกว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่…”
“เบาหน่อยขอรับ” อูเหมี่ยนเซิงชำเลืองมองไปทางห้องชั้นใน
สีหน้าของผู้อาวุโสสกุลเยว่ตึงเครียด พวกเขาเดินออกไปข้างนอกด้วยกัน และไม่หยุดเดินจนกว่าจะถึงทางเดินที่ไม่มีใครเดินผ่านไปมา
อูเหมี่ยนเซิงหายใจเข้าลึก ๆ สายตาของเขามืดมน “เด็กคนนั้นเป็นลูกสาวของคนเฝ้าประตู ชื่อของนางคือเถี่ยชิวเอ๋อร์ และนางก็แสร้งทำเป็นบ้าด้วย นางถูกฮูหยินเลือกให้มาแสดงละครตั้งแต่แรก แม่นางถังมองออกตั้งแต่แรก เพียงแต่ว่านางเองก็เป็นแม่คนเหมือนกัน นางจึงใจอ่อนกับเด็กมาก และกลัวว่าเด็กจะถูกแก้แค้นจึงไม่พูดออกมา แต่ก็ยังคอยตรวจนางอยู่ทุกวัน “
ใบหน้าของผู้อาวุโสสกุลเยว่กลายเป็นสีเขียวแล้วเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเคอเอ๋อร์จะหาคนมาสวมรอยเป็นหลานสาวของเขา เพราะเหตุใดกัน? เหตุใดนางจึงทำเช่นนี้?
ผู้อาวุโสสกุลเยว่สูดหายใจเข้าลึก เขาหรี่ตาลงแล้วถามด้วยเสียงเข้มว่า “แล้วเสี่ยวอวี้ตัวจริงหายไปไหน? เหตุใดเคอเอ๋อร์จึงทำเช่นนี้?”
อูเหมี่ยนเซิงเงียบอีกครั้ง นิ้วมือของเขากำเข้าหากันแน่น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกผิดที่ปกปิดเรื่องราวเอาไว้
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดเสียงเบาว่า “เถี่ยชิวเอ๋อร์บอกว่าครั้งหนึ่งนางเคยได้ยินฮูหยินสั่งให้ลูกน้องตามล่าเสี่ยวอวี้ตัวจริง และในตอนนี้…ยังไม่ทราบเลยขอรับว่านางไปอยู่ที่ใดแล้ว”
“ตามล่าหรือ???” ผู้อาวุโสสกุลเยว่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ เหมิงเคอไล่ตามฆ่าเสี่ยวอวี้? เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? เสี่ยวอวี้เป็นเพียงเด็กอายุห้าขวบ อีกทั้งยังเป็นเด็กผู้หญิงด้วย แม้แต่มารดาผู้ให้กำเนิดก็เสียชีวิตลงจากการคลอดลูก เขาและหรงเอ๋อร์ก็ไม่ได้สนใจเด็กคนนี้มากนัก เหตุใดนางจึงยังต้องการตามล่าเสี่ยวอวี้อีก?
เหมิงเคอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ? มีบางอย่างเกี่ยวกับเด็กคนนี้ที่ทำให้นางขุ่นเคืองใจ หรือนางใจแคบเสียจนทนเด็กวัยห้าขวบไม่ได้จริง ๆ?
ผู้อาวุโสสกุลเยว่คิดมาตลอดว่า ลูกสะใภ้ของตนมักใจกว้างและสง่างามเสมอ นางฉลาดเฉลียวและอ่อนโยน ไม่คิดเลยว่านางกลับกลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้
“เหมี่ยนเซิง เหตุใด… ไม่บอกข้าก่อนหน้านี้?” หลานสาวคนเดียวของเขา…
อูเหมี่ยนเซิงรู้สึกละอายใจ “เดิมทีข้าไม่เชื่อว่าฮูหยินจะเป็นคนเช่นนี้ ข้าจึงจัดคนให้ไปแอบสืบดูเพื่อค้นหาเบาะแสของเสี่ยวอวี้ แต่จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่พบอะไรเลย ทั้งหมดที่รู้มีแค่เสี่ยวอวี้คนปัจจุบัน แท้จริงแล้วเป็นลูกสาวของคนเฝ้าประตูจริง ๆ ขอรับ”
เรื่องนี้ไม่สามารถปกปิดได้ แม้ว่าคนรับใช้ในคฤหาสน์หลังนี้จะเชื่อฟังคำสั่งของเหมิงเคอ แต่ก็ต้องมีปลาบางตัวที่ลอดผ่านอวนมาได้
“ช่วงนี้ข้าได้เฝ้าสังเกตฮูหยิน และพบว่าแม้ฮูหยินจะดูเหมือนทำทุกอย่างได้ดี แต่เมื่อนางมองไปที่แม่นางถัง สายตาของนางจะไร้ความปรานีอยู่เสมอ และในสายตาของนางก็มีแววอาฆาตชัดเจนจนดูน่ากลัวมาก แต่เมื่อพิจารณาถึงครอบครัวเดิมของฮูหยินแล้ว หากทั้งสองตระกูลต้องมาแตกหักกันเพราะเรื่องนี้ มันจะส่งผลเสียอย่างมากต่อคฤหาสน์สกุลเยว่ ดังนั้นข้าจึงแอบดำเนินการเรื่องนี้อย่างเป็นความลับ แต่ตอนนี้ข้าได้ยิน… แม่นางถังบอกว่าเหมิงหรงอาจจำเสี่ยวอวี้ตอนเด็กได้ ดังนั้น… นางจึงทนไม่ได้”
“ตอนนี้เด็กคนนั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคฤหาสน์ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ท่านประมุข โปรดส่งคนไปเร่งค้นหาก่อนเถิดขอรับ”
ใบหน้าของผู้อาวุโสสกุลเยว่ซีดเผือด เขาย่อมทราบดีว่าอูเหมี่ยนเซิงกำลังคิดอะไรอยู่ พฤติกรรมของเหมิงเคอนั้นช่างเหนือจินตนาการของเขาไปมาก
เขากำหมัดแน่น ก่อนจะหันหลังกลับและกำลังจะเดินเข้าไปข้างใน
อูเหมี่ยนเซิงตกตะลึง แล้วรีบก้าวเข้าไปขวางไว้ เขาส่ายหน้าแล้วพูดกับผู้อาวุโสสกุลเยว่ว่า “ท่านประมุขขอรับ ตอนนี้เราไม่มีหลักฐานใด ๆ เลย แม้จะคาดคั้นฮูหยินนางก็คงไม่ยอมรับ แต่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นแทน และอาจทำให้เสี่ยวอวี้และชิวเอ๋อร์ตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นนะขอรับ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่กัดฟัน ใช่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าไม่มีหลักฐานเลย ต่อให้มีหลักฐาน แต่การจัดการกับเหมิงเคอต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน เพราะผู้อาวุโสสกุลลี่ที่เป็นบิดาของนางไม่ใช่คนที่จัดการด้วยได้ง่าย ๆ
แต่ตอนนี้เหมิงเคอกำลังจะฆ่าสายเลือดเดียวของผู้อาวุโสสกุลเยว่ จะให้เขาใจเย็นอยู่ได้อย่างไร?
อูเหมี่ยนเซิงถอนหายใจ นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดเขาจึงปกปิดเรื่องนี้ไว้ เรื่องที่ซับซ้อนและไม่มีเหตุผลเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายในการสืบเลย
ผู้อาวุโสสกุลเยว่สูดหายใจเข้าลึก สายตาของเขาเฉียบคม หลังจากนั้นเขาก็พยักหน้า “ข้าจะส่งคนที่เชื่อถือได้ไปหาที่อยู่ของเสี่ยวอวี้ คาดว่าเสี่ยวอวี้จะยังคงสบายดี ไม่เช่นนั้นหากพบว่านางทำเรื่องเลวร้ายลงไปจริง ต่อให้นางจะเป็นบุตรสาวคนเดียวของผู้อาวุโสสกุลลี่ ข้าก็จะไม่ปล่อยนางไป”
อูเหมี่ยนเซิงพยักหน้า ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล
ผู้อาวุโสสกุลเยว่และอูเหมี่ยนเซิงขมวดคิ้วพร้อมกัน แล้วหันหน้าไปมอง
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
จะคุยอะไรก็แอบๆ คุยกันนะคะ เพราะทั่วทั้งคฤหาสน์มีแต่หูตาของนังเหมิงเคอทั้งนั้น
ไหหม่า(海馬)