อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 710 เจ้าไปหาเย่ซิวตู๋
ตอนที่ 710 เจ้าไปหาเย่ซิวตู๋
ตอนที่ 710 เจ้าไปหาเย่ซิวตู๋
อวี้ชิงลั่วง่วนอยู่กับการรักษาบาดแผลของเถี่ยชิวเอ๋อร์ หมอเฒ่าฉยงซานเป็นคนแรกที่วิ่งไปข้างนาง แล้วมองนางอย่างพินิจพิจารณา
“ลั่วลั่ว เจ้าปลอดภัยดีไหม เจ้าบาดเจ็บหรือเปล่า ต้องการให้ข้ารักษาเจ้าหรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วส่ายศีรษะ “ไม่เป็นอะไร ท่านมาช่วยข้าเถิด แผลที่หลังของเด็กลึกเกินไป และตอนนี้มันกำลังแย่ลงหลังจากถูกกระชากไปสองสามครั้ง”
หลังจากได้ยินคำพูดนั้น หมอเฒ่าฉยงซานก็เบนความสนใจไปยังเด็กตรงหน้าเขา เมื่อเห็นบาดแผลลึกเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาอีกต่อไป เขาจับชีพจรของเด็กน้อยด้วยสีหน้าจริงจัง และพูดอย่างเรียบเฉยว่า “สตรีที่อยู่นอกประตูนั่นสิ้นหวังแล้ว”
ก่อนเข้าประตูมา เขาได้เห็นแม่นมเฝิงนอนจมกองเลือดอยู่หน้าประตู หมอเฒ่าฉยงซานจึงรีบจับชีพจรของนาง และพบว่านางหมดลมหายใจไปนานแล้ว เขาจึงส่ายศีรษะทันทีและบอกให้อาเมี่ยวย้ายร่างนางไปไว้ด้านข้าง แล้วจัดแจงให้เรียบร้อยเพื่อให้นางสามารถจากไปได้อย่างสบายใจ
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า ขณะมีเหงื่อออกเล็กน้อยที่หน้าผาก
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ที่มีสีหน้าเคร่งขรึมจ้องมองไปยังชายชุดดำอย่างโกรธเกรี้ยว ในคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่มีมือสังหารชุดดำหลายคนกล้าบุกเข้ามา และเป้าหมายของพวกเขาคือคุณหนูแห่งคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่
เขาและอูเหมี่ยนเซิงมองหน้ากัน พลันรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เดินไปข้างอวี้ชิงลั่ว เมื่อมองเห็นบาดแผลของเถี่ยชิวเอ๋อร์ นัยน์ตาของเขาก็ฉายแววเวทนา แล้วถามด้วยเสียงทุ้มว่า “แม่นางถัง ชิวเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”
ชิวเอ๋อร์หรือ? มือของ อวี้ชิงลั่วหยุดชั่วคราว นางกำลังทำแผลสุดท้ายอยู่ จากนั้นก็จับชีพจรของเถี่ยชิวเอ๋อร์ แล้วถอนมือออก ก่อนจะหันไปมองอูเหมี่ยนเซิงที่เดินเข้ามาหา
นางเลิกคิ้วขึ้น แล้วเหลือบมองคนสองคนตรงหน้า ถามว่า “เจ้าบอกผู้อาวุโสสกุลเยว่แล้วหรือ?”
อูเหมี่ยนเซิงเม้มริมฝีปาก และพยักหน้าอย่างแรง
อวี้ชิงลั่วหัวเราะ นางรู้ว่าตราบใดที่เหมิงหรงไม่มีทายาท อูเหมี่ยนเซิงจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเถี่ยชิวเอ๋อร์ให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่รับรู้แน่นอน
สิ่งที่นางไม่คาดคิดก็คือผู้อาวุโสสกุลเยว่เชื่อคำพูดของอูเหมี่ยนเซิงมาก จนเชื่อว่าตัวตนที่แท้จริงของเถี่ยชิวเอ๋อร์เป็นใคร โดยไม่ต้องตรวจสอบ
นางเดินไปล้างมือด้านข้างและเช็ดจนสะอาด แล้วจึงเดินกลับมา “ดังนั้นผู้อาวุโสสกุลเยว่จึงเข้าใจมาโดยตลอดว่าฮูหยินเป็นคนอย่างไรใช่หรือไม่เจ้าคะ? ไม่จำเป็นต้อง… เฝ้าสังเกตหรือเจ้าคะ?”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่หลบสายตา แล้วเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า “ข้าไม่สงสัยในสิ่งที่เหมี่ยนเซิงพูด เขายืนยันแล้วว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวของคนเฝ้าประตู”
อูเหมี่ยนเซิงเป็นลูกชายของน้องชายร่วมสาบานของผู้อาวุโสสกุลเยว่ เมื่อพ่อของเขาเสียชีวิตด้วยภัยพิบัติ อูเหมี่ยนเซิงก็เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูในคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่ เขาและเหมิงหรงเรียนรู้อ่านเขียนและฝึกวิทยายุทธด้วยกัน สายสัมพันธ์ของพวกเขาช่างลึกซึ้ง อีกทั้งผู้อาวุโสสกุลเยว่ยังเป็นคนอบรมสั่งสอนพวกเขาด้วย หลังจากเหมิงหรงแต่งงาน อูเหมี่ยนเซิงก็ย้ายออกจากคฤหาสน์ไปหาที่อยู่ใหม่
เมื่อเทียบกับคำพูดของเหมิงเคอ คำพูดของอูเหมี่ยนเซิงย่อมมีน้ำหนักมากกว่าในใจของผู้อาวุโสสกุลเยว่
ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่ได้โง่ มีบางสิ่งที่สามารถหาเบาะแสได้ หากทำการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน
ผู้อาวุโสสกุลเยว่รู้ดีว่าเหมิงเคอปกปิดบางอย่างกับเขา
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองอูเหมี่ยนเซิงอย่างหยอกล้อ ฝ่ายหลังรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขาจึงอธิบายได้เพียงว่า “พ่อของฮูหยินเป็นผู้อาวุโสสกุลลี่ที่มีสถานะไม่ธรรมดา หากไม่มีหลักฐาน บางสิ่งก็ไม่ง่ายถึงเพียงนั้น “
อวี้ชิงลั่วเข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลนี้ กับอีกตระกูลหนึ่งย่อมมีความซับซ้อนอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเรื่องระหว่างผู้อาวุโสของตระกูลย่อมมีความเกี่ยวข้องกันมาก หากไม่ระวังก็จะนำไปสู่การต่อสู้ภายในเผ่าเหมิงได้
อวี้ชิงลั่วเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเหลือบมองชายชุดดำที่พื้น แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ผู้อาวุโสสกุลเยว่คิดอย่างไรกับเรื่องนี้หรือเจ้าคะ?”
“… แล้วแม่นางถังคิดเช่นไรเล่า?”
“ข้าเชื่อว่าคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่ ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาและระมัดระวัง หากไม่มีใครใช้ทางเดินพิเศษหรือจงใจเปิดทางให้คนเข้ามา คนชั่วที่มีทักษะพิเศษเหล่านี้จะบุกเข้ามาที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ? ใช่แล้ว คนชั่วเหล่านี้ฆ่าใครไม่ฆ่า แต่กลับฆ่าเด็กที่ไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ และเด็กคนนี้เป็นเพียงลูกสาวของคนเฝ้าประตูเท่านั้น ผู้อาวุโสสกุลเยว่น่าจะทราบดีว่าใครจะได้ประโยชน์จากการตายของเด็กคนนี้เจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง “เจ้าหมายถึง… เหมิงเคอหรือ?”
แม้เขาจะยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง แต่สุดท้ายเขาก็ยังมีความหวังริบหรี่
“ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ข้าคาดเดาได้ชัดเจน เพียงแค่สงสัยว่าท่านสนใจจะฟังเรื่องนี้หรือไม่เจ้าคะ?”
“แม่นางถังโปรดบอกข้าที”
“ก่อนหน้านี้เหมิงเคอไม่ได้ตั้งใจโจมตีชิวเอ๋อร์ แต่ตอนนี้กลับเลือกที่จะฆ่านางเมื่อคุณชายเหมิงฟื้นขึ้นมา ก่อนที่ข้าจะเข้าประตูมาพบ คนชั่วต้องการจะกรีดใบหน้าของเถี่ยชิวเอ๋อร์ ข้าเดาว่าบางทีคุณชายเหมิงอาจรู้ว่าเหมิงหลัวอวี้ตัวจริงมีหน้าตาเป็นอย่างไร และเหมิงเคอกังวลว่าถึงตอนนั้นตนจะถูกเปิดโปง นางจึงรีบไปหาคนชั่วเหล่านี้มาจัดการอย่างไม่ลังเลเจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ขมวดคิ้ว ที่พูดมานั้นสมเหตุสมผลยิ่งนัก
แต่หรงเอ๋อร์ดูเหมือนจะไม่สนใจเสี่ยวอวี้ เขาไม่เคยพูดถึงนางเลย แล้วเขาเคยได้พบกับเสี่ยวอวี้จริงหรือ?
เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูด หมอเฒ่าฉยงซานก็ใจร้อนเล็กน้อย “ลั่วลั่วพูดถูก สิ่งที่นางพูดมีเหตุผลมาก” เขาเข้าใจแล้ว ปรากฏว่าเหมิงเคอเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตและไร้ความปรานี ไม่แปลกใจเลยที่ลั่วลั่วตั้งเป้าโจมตีนางตั้งแต่แรก
ไม่ว่าเขาจะมองพฤติกรรมของลั่วลั่วอย่างไร ก็ดูออกว่านางต้องการระบายโทสะของนางกับผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่ ข้าก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน และเมื่อพิจารณาจากท่วงท่าการต่อสู้ที่คนชั่วเหล่านี้ใช้ พวกเขาน่าจะมาจากคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลลี่… มีใครบางคนกำลังมา “
ผู้อาวุโสสกุลเยว่หยุดชะงักไป หูกระดิก ก่อนเอ่ยปากพูด
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองเถี่ยชิวเอ๋อร์ แล้วรีบยัดยาเข้าปากของนางทันที และพูดกับทุกคนด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ตอนนี้พวกเราเป็นคนกลุ่มเดียวที่รู้ว่าชิวเอ๋อร์ยังคงปลอดภัย ข้าคิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้คนอื่นเข้าใจว่าชิวเอ๋อร์ถูกฆ่าตายไปแล้ว เพื่อไม่ให้นางต้องเผชิญกับอันตรายอีก หากผู้อาวุโสสกุลเยว่ต้องการยืนยันตัวตนของชิวเอ๋อร์ ท่านก็ไปถามคุณชายเหมิงได้เจ้าค่ะ”
“… ตกลง” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย
อวี้ชิงลั่วพูดอีกสองสามคำด้วยเสียงเบา ส่วนใหญ่เป็นวิธีจัดการกับสถานการณ์ต่อไป จากนั้นนางก็เดินเข้าไปในห้องชั้นใน และพาหงเย่ออกจากคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่
สำหรับอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเถี่ยชิวเอ๋อร์ นางได้ส่งมอบให้หมอเฒ่าฉยงซานรักษา
เมื่อเหมิงเคอเข้ามา นางก็เห็นเพียงศพของชายชุดดำนอนกองอยู่บนพื้น ดวงตาของผู้อาวุโสสกุลเยว่เป็นสีแดงด้วยความเศร้าโศกและความขุ่นเคือง อูเหมี่ยนเซิงใช้ผ้าสีขาวคลุมเถี่ยชิวเอ๋อร์เงียบ ๆ และหมอเฒ่าฉยงซานก็แสร้งทำเป็นโกรธเกรี้ยว ตะโกนว่าต้องการฉีกคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ออกเป็นชิ้น ๆ โทษฐานที่บังอาจมาทำร้ายลั่วลั่วจนบาดเจ็บสาหัส
เมื่อเหมิงเคอได้ยินว่าอวี้ชิงลั่วได้รับบาดเจ็บสาหัส นางก็มีความสุขมาก และไม่ได้สนใจจุดผิดสังเกตในรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อวี้ชิงลั่วไม่ได้หลับตาลงเลยในรถม้า จนกระทั่งนางและหงเย่ออกจากคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่ นางพิงกรอบประตูเพื่อพักผ่อน
อาการบาดเจ็บบนร่างกายของหงเย่ไม่ร้ายแรง เมื่อเห็นใบหน้าที่เหนื่อยล้าของอวี้ชิงลั่ว นางก็ช่วยนวดไหล่ให้เบา ๆ
อวี้ชิงลั่วโบกมือส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอก เจ้าบาดเจ็บอยู่ ระวังตัวเองให้มากขึ้นเถิด”
นางนิ่งไปชั่วครู่ แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก่อนมองหงเย่แล้วพูดว่า “เจ้าไปหาเย่ซิวตู๋เถิด”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เริ่มแผนจับคนร้ายแล้ว ขอให้ไม่มีอะไรผิดคาดก็พอ
งานนี้ต้องพึ่งท่านอ๋องซิวแล้วหรือเปล่านะ?
ไหหม่า(海馬)