อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 711 มีโอกาสให้พวกเจ้าได้พบกัน
ตอนที่ 711 มีโอกาสให้พวกเจ้าได้พบกัน
ตอนที่ 711 มีโอกาสให้พวกเจ้าได้พบกัน
หงเย่ประหลาดใจ มองอวี้ชิงลั่วอย่างไม่เข้าใจ “คุณหนูเจ้าคะ?”
เหตุใดจู่ๆ ก็คิดจะไปหาท่านอ๋องซิวเล่า?
อวี้ชิงลั่วกระซิบข้างหูของนางสั่งคำสั่งนั่นนี่ หงเย่ได้ยินดังนั้นก็เม้มปากพยักหน้าจริงจัง
ไม่นานนักรถม้าก็มาหยุดที่ทางเข้าตรอก หงเย่ลงจากรถม้า หันหน้าเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง
อวี้ชิงลั่วหลับตาอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมพร้อมๆ กับรถม้าที่สั่นไหว
คนที่คอยปกป้องเหมิงหลัวอวี้อยู่ที่โรงเตี๊ยมยังคงเป็นเสิ่นอิง ขณะที่หนานหนานไม่รู้ว่าไปที่ไหนอีกแล้ว
อวี้ชิงลั่วไม่ได้กล่าวอะไรมากมาย ผลักประตูห้องเดินเข้าไปอย่างเหนื่อยอ่อน อาการบาดเจ็บของเถี่ยชิวเอ๋อร์ไม่ร้ายแรง แต่นางกลับต้องรักษาให้อีกฝ่ายภายใต้สถานการณ์กดดันที่มีชายชุดดำอยู่ เห็นได้ชัดว่ากดดันอย่างมาก
เหมิงหลัวอวี้ได้ยินเสียงก็รีบลงจากเก้าอี้ บนโต๊ะยังวางหนังสือเอาไว้ แต่เหมือนกับมันไม่เคยถูกเปิด
“ท่านน้าชิง กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” ดวงตาของเหมิงหลัวอวี้เป็นประกาย มองนางอย่างมีความหวัง
แต่ทันทีที่เห็นแววตาเหนื่อยล้าของอวี้ชิงลั่ว ก็รีบเก็บความรู้สึกตื่นเต้นบนใบหน้าเอาไว้ทันที รีบวิ่งไปที่โต๊ะ รินน้ำให้อวี้ชิงลั่วแก้วหนึ่ง
“ท่านน้าชิง นี่เจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วรับมาจิบอึกหนึ่ง ยิ้มเงยหน้ามองนาง “เสี่ยวอวี้มีน้ำใจยิ่งนัก ทำเอาท่านน้าชิงอยากมีลูกสาวที่ว่าง่ายเช่นนี้บ้าง”
เด็กดีเพียงนี้ เหมิงเคอลงมือกับนางได้อย่างไร?
เหมิงหลัวอวี้หน้าแดง เม้มปากแล้วกล่าว “ข้าเองก็อยากมีแม่ที่ดีเช่นท่านน้าชิงเจ้าค่ะ” นางอิจฉาหนานหนานมาก ถึงแม้บางครั้งท่านน้าชิงจะทำเหมือนไม่ชอบหนานหนาน แต่จริงๆ แล้วก็หวังดีกับเขาจากใจจริง
แม้นางจะยังเด็ก แต่ก็มองเห็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งของพวกเขาแม่ลูก
บางครั้งนางก็คิด หากท่านแม่ของตนยังมีชีวิตอยู่ จะดูรักใคร่กลมเกลียวกันเช่นนี้หรือไม่ นางเองก็หวังให้ท่านแม่ยังอยู่เคียงข้าง กอดนาง ปลอบนาง ถึงแม้จะดุด่านางก็ยังดี
แต่เรื่องเหล่านี้ จะไม่มีวันเกิดขึ้นตลอดไป…
อวี้ชิงลั่วลูบศีรษะเด็กน้อย กอดนางเข้ามาหาตัวแล้วอุ้มนางขึ้นบนตัก
นางรู้สึกเห็นใจเหมิงหลัวอวี้มากขึ้นเรื่อยๆ เด็กคนนี้เจอเคราะห์ร้ายมากมาย ยิ่งกว่าเย่หลานเฉิง แม้แต่เป่าเอ๋อร์ก็ยังหนักหนาไม่เท่า อย่างน้อยที่สุดหลานเฉิงและเป่าเอ๋อร์ก็มีคนคอยรักคอยเป็นห่วง
แต่เหมิงหลัวอวี้กลับดูเหมือนจะถูกลืมไปนานแล้ว มารดาเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก เหมิงเคอในใจก็คิดแต่จะฆ่านาง ญาติที่นางเหลืออยู่มีเพียงท่านปู่และท่านพ่อ ซึ่งอาจจะลืมไปนานแล้วว่ามีนางอยู่ ไม่ว่านางจะอยู่หรือตาย ก็ไม่มีใครสนใจ
แต่นางก็ยังพยายามอย่างหนักเพื่อมีชีวิตอยู่ ถึงขั้นแสร้งทำว่าเป็นบ้า ถึงแม้จะรู้ว่าการออกจากดินแดนเหมิงไปตามหาท่านประมุขนั้นมีความหวังริบหรี่เพียงใด แต่นางก็ทำได้เพียงดูแม่นมและผู้อารักขาที่คอยห่วงใยและปกป้องนางต้องตายไปต่อหน้า
อวี้ชิงลั่วลูบเรือนผมนุ่มของนาง ในใจลอบถอนหายใจ กล่าวเบาๆ “เสี่ยวอวี้ ก่อนหน้านี้เจ้าอยู่ที่จวน… เคยพบท่านพ่อของเจ้าหรือไม่”
เหมิงหลัวอวี้ชะงักไป แสดงท่าทางงงงวย เอียงคอแล้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วตอบ “ไม่เคยเจ้าค่ะ”
ไม่เคยพบหรือ?
อวี้ชิงลั่วเงียบไป หรือว่าวันนี้ที่นางเดาไว้จะผิด เหมิงเคอเลือกที่จะโจมตีเถี่ยชิวเอ๋อร์ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ไม่ใช่เพราะเหมิงหรงรู้จักหน้าตาของเหมิงหลัวอวี้อย่างนั้นหรือ?
หรือว่าเหมิงหรงเคยพบกับนางแล้ว แต่เสี่ยวอวี้เองไม่รู้ตัว?
อวี้ชิงลั่วรู้สึกซับซ้อนอยู่ในใจ นางมองเหมิงหลัวอวี้ที่ยังดูมึนงง กล่าวเสียงต่ำ “เสี่ยวอวี้ เจ้าเคยคิดหรือไม่ ว่าบางที… พ่อของเจ้าอาจจะไม่ได้ไม่สนใจเจ้า”
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าการคาดเดานั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ นางกำลังคิด หรือว่าเหมิงหรงรู้ว่ามีเสี่ยวอวี้อยู่ เพียงแต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่สนใจ บางทีเขาอาจจะเคยแอบไปพบเสี่ยวอวี้มาก่อนก็เป็นได้
ทันใดนั้นนางก็อยากจะหัวเราะ จะมีการคาดเดาที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ได้อย่างไร
เหมิงหลัวอวี้รู้สึกว่าอวี้ชิงลั่วนั้นค่อนข้างแปลก นางบอกว่าท่านพ่อไม่ได้ไม่สนใจตนหรือ? แต่ว่าตั้งแต่นางโตมา ก็อยู่ภายใต้การดูแลของแม่นมฉินเท่านั้น แอบดูอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่หลังจวน ไม่เคยพูดคุยด้วยแม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า ยังรู้สึกว่าการคาดเดานี้ไม่มีเหตุผล ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร เรื่องนี้ก็ยังต้องให้เหมิงหรงเป็นคนพูดออกมาเองจึงจะรู้ได้
นางวางเหมิงหลัวอวี้บนเก้าอี้ข้างๆ ตัว ยิ้มกล่าว “ข้ารู้ว่าวันนี้เจ้ารอข้าอยู่ ก็เพราะอยากรู้อาการของท่านพ่อ ใช่หรือไม่?”
“…เจ้าค่ะ” เหมิงหลัวอวี้รู้สึกผิดเล็กน้อย
เมื่อคืนนี้หนานหนานบอกนางแล้ว พ่อของนางป่วยจริงๆ อีกทั้งยังหมดสติไม่ฟื้นมาระยะหนึ่งแล้ว ช่วงสองสามวันนี้ท่านน้าชิงออกไปแต่เช้ากลับมาดึกดื่น ก็เพราะไปที่จวนผู้อาวุโสสกุลเยว่ เพื่อรักษาอาการป่วยของท่านพ่อตน
หนานหนานยังบอกอีกว่า วันนี้พ่อของนางฟื้นขึ้นมาแล้ว
ดังนั้นตั้งแต่ตอนเช้าที่อวี้ชิงลั่วออกไป ในหัวนางก็วุ่นวายไปหมด รอนางกลับมาอยู่เสมอ แม้แต่หนังสือก็อ่านไม่เข้าหัว
“ท่านพ่อของเจ้าฟื้นแล้ว รออีกสักสองสามวัน หากมีโอกาส ข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยม”
เหมิงหลัวอวี้ดวงตาเป็นประกายในทันที “จริงหรือเจ้าคะ?”
อวี้ชิงลั่วคิด นางนั้นยังคงโหยหาท่านพ่อจริงๆ จึงยิ้มแล้วพยักหน้า ยืนขึ้นแล้วกล่าว “จริงสิ ท่านน้าชิงเคยโกหกเจ้าตอนไหนกัน?”
เหมิงหลัวอวี้หัวเราะคิกคัก นางยังเด็กแต่โตเกินวัย ไม่ชอบท่าทางใสซื่อดังเช่นเด็กน้อยเช่นนี้
อวี้ชิงลั่วมอง ในใจก็ชื้นขึ้นมาไม่น้อย
หันหน้าออกไปมองท้องฟ้านอกหน้าต่าง อวี้ชิงลั่วลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นก็จับมือนางแล้วกล่าว “นี่ก็เย็นมากแล้ว เราลงไปกินข้าวกันเถิด”
เหมิงหลัวอวี้ได้สติกลับมา รู้สึกประหลาดใจ “วันนี้พวกเรา… จะลงไปกินข้าวข้างล่างหรือเจ้าคะ”
“อืม”
เหมิงหลัวอวี้รู้สึกว่าพฤติกรรมของท่านน้าชิงค่อนข้างแปลก ปกตินางล้วนแต่กินข้าวอยู่ในห้อง เว้นแต่ว่าจะมีลูกค้าที่ชั้นล่างไม่มากนัก เสิ่นอิงหรือหงเย่จึงจะพานางออกไปสูดอากาศบ้าง
แต่ตอนนี้ข้างล่างเสียงดัง แขกก็เยอะมาก เหตุใดท่านน้าชิงจึงอยากจะพานางลงไปเล่า ไม่กลัวว่าตนจะถูกเปิดเผยตัวหรือ
ในใจเหมิงหลัวอวี้มีความคิดมากมาย แต่นางเชื่อใจอวี้ชิงลั่วเป็นอย่างมาก เห็นว่านางไม่ได้ตั้งใจจะอธิบายอันใด ตนก็ไม่ได้ถามมาก
หันกลับไปที่เตียงเพื่อหยิบหมวกขุนนาง “ท่านน้าชิงรอข้าสักครู่เจ้าค่ะ ข้าใส่แล้วจะรีบตามไป”
นางสวมใส่หมวกพลางเดินไปหาอวี้ชิงลั่ว
ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันใส่หมวกให้ดี ก็ถูกอวี้ชิงลั่วหยิบออกไปเสียก่อน
“วันนี้ไม่ต้องใส่หมวกแล้ว ลงไปแบบนี้เถิด”
“…” เหมิงหลัวอวี้เปลี่ยนสีหน้าเป็นแปลกใจทันที วันนี้ท่านน้าชิง… เป็นอะไรไปกันแน่
อวี้ชิงลั่วไม่ได้กล่าวอันใด เพียงแต่จับมือนางเดินออกจากห้อง
รอจนกระทั่งเหมิงหลัวอวี้ได้สติ ตนก็ยืนอยู่ที่ด้านล่างของบันไดแล้ว รอบตัวมีแต่คนเดินขวักไขว่
อวี้ชิงลั่วกลับพานางไปนั่งที่ที่เห็นได้ชัดเจน เหมิงหลัวอวี้เม้มปากแน่นทันที ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
อวี้ชิงลั่วเรียกเสี่ยวเอ้อ สั่งอาหารจานโปรดของเหมิงหลัวอวี้สองสามอย่าง
รอจนกระทั่งเสี่ยวเอ้อหันหลังจากไป สายตาของนางก็เหม่อลอยไปยังมุมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล มีชายรูปร่างผอมบางนั่งอยู่
คนผู้นั้นเมื่อเห็นเหมิงหลัวอวี้ ทั้งตัวก็ตกตะลึง ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ จนกระทั่งอวี้ชิงลั่วหันมาทางนี้ เขาจึงรีบหันหน้ากลับ
จากนั้นไม่นาน เขาก็รีบวางเงินลง หมุนตัวออกจากโรงเตี๊ยมไป
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ใครได้เจอกับเสี่ยวอวี้แล้วกันนะ ขอให้เป็นทางฝั่งผู้อาวุโสเยว่ด้วยเถิด
ไหหม่า(海馬)