อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 726 เข้าร่วมเทศกาลชิมสุรา
ตอนที่ 726 เข้าร่วมเทศกาลชิมสุรา
ตอนที่ 726 เข้าร่วมเทศกาลชิมสุรา
เมื่อเห็นสายตาของนาง มุมปากของเหมิงเคอก็กระตุกเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้ากลับเช่นเดิม แล้วหันหน้าไปพูดกับผู้อาวุโสสกุลเยว่ว่า “ท่านพ่อสามี เป็นไปตามคำสั่งของท่าน ห้องของเสี่ยวอวี้ถูกปิดไว้ชั่วคราวเจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่พยักหน้า แม้เขายังคงใจดีต่อเหมิงเคอ แต่ในใจก็เริ่มเข้าใจบางสิ่งขึ้นมา และยังมีความขุ่นเคืองอยู่บ้าง สตรีที่เขาเฝ้าดูมาแต่อ้อนแต่ออกผู้นี้ช่างเป็นคนโหดร้ายจริง ๆ การกระทำเช่นนี้ของนางทำให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่ทำใจยอมรับได้ยาก
เมื่อเหมิงเคอตามมาด้วย เขาจึงทำได้เพียงไปที่ห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตายเล็ก ๆ แทนที่จะไปเยี่ยมเถี่ยชิวเอ๋อร์ในตอนนี้
ห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตายของเถี่ยชิวเอ๋อร์นั้นมีขนาดเล็กมากและไม่ได้ดูโดดเด่น ผู้อาวุโสสกุลเยว่สร้างขึ้นอย่างลับ ๆ โดยอ้างว่าจะได้ไม่ทำให้เหมิงหรงเสียใจ
ในห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตายมีเพียงแม่นมเฒ่ายืนเฝ้าอยู่เพียงคนเดียว
เมื่อเห็นผู้อาวุโสสกุลเยว่และคนอื่น ๆ เข้ามา แม่นมเฒ่าที่กำลังง่วงนอนก็ลุกขึ้นมาจากด้านข้างทันที และทักทายพวกเขาพร้อมกับก้มศีรษะลง
มีเพียงป้ายชื่อคนตายขนาดเล็กในห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตาย ทั้งห้องถูกแขวนไว้ด้วยผ้าสีขาวที่ดูไม่มีชีวิตชีวา
ผู้อาวุโสสกุลเยว่อธิบายให้อวี้ชิงลั่วและเหมิงเคอฟังด้วยเสียงเบาว่า “สภาพอากาศเช่นนี้ไม่เหมาะต่อการเก็บศพไว้ที่นี่ ก่อนหน้านี้ข้าจึงให้คนอุ้มศพนางไปไว้หลังภูเขา แล้วฝังลงดินเรียบร้อยแล้ว”
นี่เป็นความคิดของอวี้ชิงลั่วอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้คิดมาก
สำหรับเหมิงเคอนั้น เมื่อคืนที่ผ่านมานางยืนยันด้วยตัวเองแล้วว่าเด็กคนนั้นตายจริง ทั้งหมดที่ผู้อาวุโสสกุลเยว่กำลังทำอยู่ตอนนี้ก็เพื่อเหมิงหรง และเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเด็กคนนี้มากนักตั้งแต่แรก อีกทั้งนางยังแสร้งทำเป็นบ้าคลั่งด้วย การจัดการอย่างเร่งรีบเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับนาง
ที่นางตามมาก็เพียงเพื่อป้องกันไม่ให้อวี้ชิงลั่วพูดเรื่องเหลวไหล
คาดไม่ถึงว่าอวี้ชิงลั่วจะมีท่าทางสงบนิ่งเช่นนี้ นางคิดว่าในเมื่ออวี้ชิงลั่วช่วยปกป้องเถี่ยชิวเอ๋อร์มาตลอด อีกฝ่ายก็น่าจะไม่เห็นด้วยกับการฝังศพก่อนกำหนดเช่นนี้
เหมิงเคออดไม่ได้ที่จะหรี่ตา เป็นไปได้หรือไม่ว่าจี้หยกที่เอวเพิ่งจะมามีบทบาทตอนนี้?
อวี้ชิงลั่วอยู่ในห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตายชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
ทุกคนไปที่ห้องโถงเพื่อดื่มชาอีกครั้ง เหมิงเคอที่ยืนอยู่ด้านข้างจ้องมองอวี้ชิงลั่วด้วยสายตาเย็นชา
อีกฝ่ายนึกเย้ยหยันในใจ หลังจากอธิบายข้อควรระวังสำหรับเหมิงหรงกับผู้อาวุโสสกุลเยว่จบแล้ว นางก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้อาวุโสสกุลเยว่เจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าพรุ่งนี้จะมีเทศกาลชิมสุราในรอบสองปี และร้านสุราจากทั่วทุกแว่นแคว้นจะมารวมตัวกัน ทำให้เมืองหลวงมีชีวิตชีวานัก ลูกของข้าก็ตื่นเต้น ไม่ทราบว่าจะมีโอกาสได้เข้าไปเห็นบ้างหรือไม่เจ้าคะ?”
เทศกาลชิมสุรามีการคุมเข้ม หากไม่มีเทียบเชิญก็ไม่มีทางเข้าไปได้
แน่นอนว่าการที่อวี้ชิงลั่วจะได้รับเทียบเชิญนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งผู้อาวุโสสกุลหมิงและผู้นำเผ่าคนอื่น ๆ ก็ย่อมมาด้วยแน่นอน
แต่นางไม่ได้เป็นบุคคลสำคัญ แล้วนางจะไปเจอผู้อาวุโสได้อย่างไร?
“ไอ้หยา ดูข้าสิ ข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปเสียแล้ว” ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตบศีรษะตัวเองอย่างแรง และรีบหันไปกระซิบสองสามคำกับพ่อบ้านที่อยู่ด้านข้าง
จากนั้นเขาก็กล่าวกับอวี้ชิงลั่วด้วยสีหน้าสำนึกผิดอย่างยิ่ง “ข้าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ไปเมื่อเช้า โดยคิดว่าเป็นเรื่องยากสำหรับแม่นางถังที่จะได้มาดินแดนเหมิง เช่นนั้นเหตุใดไม่ไปดูด้วยกันเลยเล่า? ตอนแรกข้ากังวลเรื่องอาการป่วยของหรงเอ๋อร์อยู่ตลอด จนคิดว่าจะขอลาจากการเป็นผู้นำสกุล และไม่คิดจะไปเข้าร่วมเทศกาลชิมสุรา แต่ตอนนี้หรงเอ๋อร์ดีขึ้นแล้ว ในฐานะผู้อาวุโสแห่งดินแดนเหมิง หากไม่ไปปรากฏตัวก็จะไม่สมควร”
ขณะที่เขากำลังพูด พ่อบ้านที่เพิ่งออกไปก็เข้ามาอีกครั้งพร้อมกับเทียบเชิญสีทองในมือ ก่อนยื่นให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่ด้วยความเคารพ
ผู้อาวุโสสกุลเยว่กล่าวต่อ “เดิมทีคิดว่าพรุ่งนี้หากแม่นางถังว่างก็มาคฤหาสน์พร้อมกับท่านหมอเลย หากเป็นไปได้เราจะได้ไปด้วยกัน แต่ข้ากังวลว่าก่อนหน้านี้มีบางอย่างเกิดขึ้นที่สถานที่นัดพบ หากข้าไม่อยู่ที่คฤหาสน์ แม่นางก็นำเทียบเชิญนี้ไป แล้วพ่อบ้านจะส่งรถม้าไปรับเจ้าเพื่อไปที่นั่น”
หลังจากพูดจบ เขาก็ส่งเทียบเชิญให้อวี้ชิงลั่ว
เหมิงเคอหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะจ้องไปยังเทียบเชิญสีทองนั้นด้วยสายตาที่แทบจะลุกเป็นไฟ
สตรีแซ่ถังกำลังคิดจะไปทำอะไรในเทศกาลชิมสุรา? หรือว่า…
เหมิงเคอกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ใช่แล้ว เนื่องจากเหมิงหลัวอวี้ได้รับการช่วยเหลือจากนาง เช่นนั้นนางก็ต้องเห็นปานรูปดอกไม้บนร่างกายของเหมิงหลัวอวี้แล้ว และเหมิงหลัวอวี้ก็น่าจะบอกนางเกี่ยวกับความสำคัญของปานรูปดอกไม้ด้วย
ไม่น่าแปลกใจ ไม่น่าแปลกใจที่สตรีแซ่ถังคนนี้เข้าหาผู้อาวุโสสกุลเยว่มานาน และแม้ว่าจะอยู่ในคฤหาสน์เป็นเวลานานแล้ว แต่นางก็ไม่ได้ทำอะไรเลย และนางก็ไม่ได้พาเหมิงหลัวอวี้มาหาผู้อาวุโสสกุลเยว่ เพื่อให้จำได้ในตอนแรก
ปรากฏว่านางกำลังรอให้ถึงเทศกาลชิมสุราในวันพรุ่งนี้ นางต้องการพบผู้นำเผ่า ดังนั้นนางจึงจะพาเหมิงหลัวอวี้ไปหาผู้นำเผ่าด้วยตัวเอง
ให้ตายเถอะ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ก็จะสูญเสียทุกสิ่งไป
ตราบใดที่ผู้นำเผ่ารู้ว่าเหมิงหลัวอวี้มีปานรูปดอกไม้ นางก็จะได้รับการคุ้มครองจากผู้นำเผ่า และหากเหมิงหลัวอวี้เปิดเผยสิ่งที่นางทำไป แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานก็ตาม ผู้นำเผ่าก็จะสงสัยและจะส่งคนไปตรวจสอบ ถึงเวลานั้น ไม่ว่าจะตัวนางเองหรือบิดาของนางก็จะเดือดร้อนยิ่ง
ช่างเป็นสตรีที่ฉลาดอะไรเช่นนี้ หลังจากเฝ้ารอมาหลายวันแล้ว นางก็รอเพียงโอกาสนี้ที่จะได้พบกับผู้นำเผ่าอย่างยุติธรรม
ฮึ่ม นางต้องการได้รับความสนใจจากผู้นำเผ่า ไม่ต่างจากสตรีที่คอยเลียแข้งเลียขาผู้มีอิทธิพล
ทว่า… ตอนนี้ลูกชายของอีกฝ่ายอยู่ในมือของนางแล้ว นางก็อยากเห็นนักว่าลูกชายคนนั้นสำคัญกับนางมากเพียงใด
เหมิงเคอกำชายเสื้อของตนแน่น และจิกนิ้วอย่างแรง
อวี้ชิงลั่วขอบคุณผู้อาวุโสสกุลเยว่ จากนั้นลุกขึ้นและกล่าวคำอำลา
เหมิงเคอรีบก้าวเข้าไปพูดเสียงเบาว่า “ท่านพ่อสามีเจ้าคะ ให้ข้าออกไปส่งแม่นางถังนะเจ้าคะ”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ขมวดคิ้ว ร่องรอยความลังเลฉายในสายตาของเขา
อวี้ชิงลั่วโบกมือและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นก็ให้ฮูหยินไปส่งข้าเถิดเจ้าค่ะ” นางยกมือขึ้น และส่งสัญญาณให้หมอเฒ่าฉยงซานอยู่ต่อ
นางไม่ได้เจอเถี่ยชิวเอ๋อร์ ดังนั้นนางจึงต้องขอให้หมอเฒ่าฉยงซานช่วยติดตาม และรายงานผลการรักษาให้นาง อาการบาดเจ็บของเด็กคนนั้นยังไม่พ้นขีดอันตราย แต่ก็ยังไม่หายดีภายในระยะเวลาอันสั้น
จากนั้นผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็พยักหน้า และส่งทั้งสองคนออกจากห้องโถง เขาเฝ้ามองแผ่นหลังของนางและเหมิงเคอค่อย ๆ ห่างออกไปไกล
ส่วนหมอเฒ่าฉยงซานก็มองด้วยสายตาเฉยเมย ก่อนบอกให้ผู้อาวุโสสกุลเยว่พาเขาไปพบเสี่ยวชิวเอ๋อร์ด้วยเสียงเบา
เมื่ออวี้ชิงลั่วและเหมิงเคอเดินมาไกลแล้ว พวกนางก็เดินช้าลง
สีหน้าของเหมิงเคอบึ้งตึงทันที ไม่มีท่าทางอ่อนโยนเป็นมิตรเหมือนเมื่อสองสามวันก่อนอีกต่อไป น้ำเสียงมีความเกรี้ยวกราดแฝงอยู่เล็กน้อย “แม่นางถัง เจ้าจะไปเทศกาลชิมสุราจริงหรือ?”
“อะไรนะ? ฮูหยินไม่ได้ยินที่ข้าพูดเมื่อสักครู่นี้หรือ?” อวี้ชิงลั่วเขย่าเทียบเชิญสีทองในมือ ก่อนจะถอนหายใจ แล้วหันไปพูดกับหงเย่ว่า “เอาล่ะ ช่วยทวนให้ฮูหยินฟังอีกครั้งทีสิ ข้าคิดว่าหูของนางคงได้ยินไม่ถนัดนัก”
“เจ้า…” เหมิงเคอรู้สึกหงุดหงิด แต่เมื่อนางนึกขึ้นได้ว่าตนมีลูกชายสุดที่รักของแม่นางถังอยู่ในมือ นางก็ระงับโทสะในใจและพูดกลั้วหัวเราะ “แน่นอนว่าข้าได้ยินชัดเจน แต่ข้าแค่สงสัยว่าที่แม่นางบอกว่าจะพาลูกมาร่วมงานด้วย เจ้าจะพาลูกคนใดมาหรือ?”
ขณะที่พูด นางก็หัวเราะคิกคัก “ทว่าข้าลืมเตือนแม่นางถังเรื่องหนึ่ง”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อย่านึกว่ารู้ทันแผนชิงลั่วแล้วจะเก่งที่สุดสิ ชิงลั่วก็มองเกมหล่อนออกเหมือนกันแหละ
ไหหม่า(海馬)