อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 728 คิดจะลงมือทำร้ายใคร
ตอนที่ 728 คิดจะลงมือทำร้ายใคร
ตอนที่ 728 คิดจะลงมือทำร้ายใคร
อวี้ชิงลั่วหงุดหงิดจากการถูกชน แม้จะไม่ได้บาดเจ็บ แต่อีกฝ่ายกลับล้มลงกับพื้น นางจึงถอนหายใจเล็กน้อยและก้าวเข้าไปช่วยเขา “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“ไปให้พ้น นางหญิงสารเลว เจ้าไม่มีตาหรือ เสื้อผ้าของข้า เสื้อผ้าใหม่ของข้า… เป็นเช่นนี้หมดเลย ฮือฮือ…” คนผู้นั้นปัดมือของอวี้ชิงลั่ว แล้วเริ่มร้องไห้คร่ำครวญ
อวี้ชิงลั่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และสีหน้าของนางก็มืดมนลงทันที
หญิงสารเลวหรือ? นี่มันลูกเต้าเหล่าใครกัน? เขาขอโทษคนที่ตัวเองวิ่งมาชนด้วยถ้อยคำโสมมเช่นนี้หรือ?
“เจ้า เจ้าต้องจ่ายค่าเสื้อผ้าให้ข้า เจ้าต้องจ่ายค่าเสื้อผ้าให้ข้า นี่เป็นชุดใหม่ที่ท่านแม่เพิ่งซื้อให้เมื่อเช้านี้ และเจ้าก็ทำให้มันเป็นเช่นนี้ บอกเลยถ้าเจ้าไม่ยอมจ่ายมา ก็อย่าแม้แต่จะคิดหนีไป”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง และเห็นว่าเด็กที่อยู่ตรงหน้านางอายุราวแปดหรือเก้าขวบเท่านั้น เขาเป็นคนผิวขาวลออ หากไม่ใช่เพราะเสื้อผ้าที่ดูไม่ประณีต เขาก็ดูเหมือนนายน้อยคนหนึ่ง
ทว่านิสัยเกกมะเหรกเช่นนี้ไม่อาจสรรเสริญได้จริง ๆ
หงเย่ทนไม่ได้อีกต่อไป นางก้าวเข้าไปตวาดว่า “หุบปาก เห็นชัดว่าเจ้าเป็นคนมาชนคนอื่น แต่เจ้ากลับโยนความผิดให้อีกฝ่ายทั้งหมด หากเจ้ายังพูดจาหยาบคายอีก ระวังข้าจะตบปากเจ้า”
เด็กชายตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหงเย่ดุร้ายมาก น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลพรั่งพรูออกมา
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เสียงร้องแผดจ้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้แก้วหูของอวี้ชิงลั่วถึงกับสั่นสะเทือน
“เจ้ารังแกข้า ข้าจะฟ้องท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะฟ้องฮูหยินน้อย สตรีตัวเหม็นสองคนที่ไม่รู้จะอยู่หรือตายจงรอก่อนเถิด แล้วฮูหยินน้อยจะเป็นคนตัดสินเอง”
ฮูหยินน้อยหรือ? อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง ในคฤหาสน์หลังนี้มีเพียงเหมิงเคอคนเดียวที่ถูกเรียกว่าฮูหยินน้อย
โอ้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาจึงมีนิสัยชั่วร้าย กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นลูกสมุนของนางนี่เอง
เด็กคนนี้รีบลุกขึ้นจากพื้น แล้วป้ายคราบโคลนบนใบหน้าอย่างแรง ก่อนใช้มือขยี้เรือนผมให้ยุ่งเหยิง จากนั้นก็จ้องมองอวี้ชิงลั่วด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันทั้งน้ำตา แล้วหันหลังวิ่งจากไป
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว เมื่อเห็นการกระทำของเขา นางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ
ส่วนนัยน์ตาของหงเย่ฉายแววมืดมน “คุณหนูเจ้าคะ เด็กนั่นช่างร้ายกาจตั้งแต่อายุยังน้อย” แม้การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาจะไม่ได้รับความสนใจมากนักต่อหน้าหงเย่ แต่ก็เห็นได้ว่าเด็กคนนี้มีจิตใจไม่บริสุทธิ์
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าและหันหน้าไปมอง แล้วเผลอลูบหน้าผากตนเอง บังเอิญหลงทางแล้วยังเจอเรื่องเช่นนี้อีก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดยิ่งนัก
“ไปกันเถิด” อวี้ชิงลั่วไม่มีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้ นางเดินไปกับหงเย่
เดินไปได้เพียงสองก้าวก็มีเสียงก่นด่าดังขึ้นไม่ไกล “สตรีบ้าคนนั้นไม่รู้ว่าจะอยู่หรือตาย กล้าดีอย่างไรมาบังอาจรังแกลูกชายสุดที่รักของข้า? ข้าจะไปฟ้องฮูหยินน้อย และบอกให้ฮูหยินน้อยถลกหนังเจ้าออกเสีย”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ มันอยู่ข้างหน้า เร็วเข้า นางแพศยาสองคนนั้น พวกท่านรีบไปเถิด ไม่เช่นนั้นพวกมันจะหนีไป”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว นางยังไม่ทันได้สอนบทเรียนให้เด็กมารยาททรามคนนี้เลย แต่เขากลับไปฟ้องคนอื่นก่อน และก็ไปพาคนมาจริง ๆ
ในขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้น นางก็เห็นร่างสามร่างพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว และคนตรงหน้าคือเด็กที่ชนนางก่อนหน้านี้
เขายังคงสวมเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อน ก่อนที่เขาจะทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เขาก็ไปเรียกคนมา
ข้างหลังเขามีคนสองคนตามมาด้วย เป็นชายและหญิง ซึ่งน่าจะเป็นบิดามารดาของเขา
ดูจากการแต่งกายแล้ว…น่าจะเป็นคนรับใช้ของคฤหาสน์หลังนี้
พวกเขาช่างไม่รู้ดีชั่วจริง ๆ คาดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่คนรับใช้จะกล้าหยิ่งผยองถึงเพียงนี้
แต่หงเย่ตกตะลึงเมื่อเห็นชายหญิงคู่นั้น นางหรี่ตาลงและโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของอวี้ชิงลั่ว แล้วพูดว่า “คุณหนูเจ้าคะ สามีภรรยาคู่นี้เป็นพ่อแม่ของเถี่ยชิวเอ๋อร์เจ้าค่ะ”
“…” อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ และหันกลับมามองหงเย่
หงเย่พยักหน้าอย่างมั่นใจ “นั่นคือพวกเขาเจ้าค่ะ”
“เด็กคนนั้นก็ต้องเป็นเถี่ยฟู่ซุ่นพี่ชายของชิวเอ๋อร์กระมัง?” เพียงแค่ดูจากชื่อก็รู้ว่าพ่อแม่ของเถี่ยชิวเอ๋อร์รักลูกชายคนนี้มากเพียงใด และหวังว่าเขาจะเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งไปตลอดชีวิต
แต่จากมุมมองของอวี้ชิงลั่ว นางคิดว่าเหตุใดชื่อนี้ช่าง… ฟังดูขี้ขลาดนัก?
“เฮ้อ สามคนนี้ไม่ใช่คนดีแน่เจ้าค่ะ” หงเย่พูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “ชิวเอ๋อร์เพิ่งประสบอุบัติเหตุ แต่พวกเขากลับสวมใส่เสื้อผ้าใหม่เอี่ยมเดินอวดไปทุกที่ แสดงว่าเหมิงเคอต้องให้เงินพวกเขาเป็นแน่เจ้าค่ะ”
“ใช่แล้ว ชิวเอ๋อร์ ‘เสียชีวิต’ แต่พ่อแม่ของนางไม่ได้พูดอะไรสักคำ ลูกชายเพียงแค่ทำเสื้อผ้าเปื้อนดิน แต่ทั้งสองกลับรีบมาระบายความโกรธแทน ช่างประเสริฐนัก” อวี้ชิงลั่วหักนิ้วของตนด้วยสีหน้ามืดมน
ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ ขณะพ่อแม่ลูกทั้งสามเร่งรุดมาหาพวกนาง
เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่ว พวกเขาก็ชะงักงันเล็กน้อย
“เจ้า… เจ้า เจ้าเป็นใคร” ทั้งคู่มองเสื้อผ้าของอวี้ชิงลั่ว แล้วท่าทางของพวกเขาก็อ่อนลงมาก
พวกเขาแตกต่างจากเจ้าเด็กเถี่ยฟู่ซุ่นตรงที่รู้วิธีตัดสินตัวตนของผู้มาเยือนจากเสื้อผ้า
แม้พวกเขาจะเป็นคนรับใช้ของคฤหาสน์หลังนี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นอวี้ชิงลั่วมาก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้จักตัวตนของนาง
อวี้ชิงลั่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดเย้ยหยัน “ลูกชายของพวกเจ้าเพิ่งชนข้าเมื่อสักครู่นี้ และเกือบทำข้าล้มลงด้วย ในเมื่อพวกเจ้าเป็นพ่อแม่ของเขา เช่นนั้นเรามาพูดเรื่องค่าชดเชยกันดีกว่า”
ค่าชดเชยหรือ? สามีภรรยาสกุลเถี่ยมองหน้ากันอย่างตกตะลึง เหตุใดตอนนี้พวกเขาต้องเป็นฝ่ายจ่ายเงินชดเชยเล่า?
เถี่ยฟู่ซุ่นที่อยู่ด้านข้างทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากระโดดขึ้นพูดว่า “ข้าไปชนเจ้าตอนไหน? เห็นได้ชัดว่าเจ้าสายตาแย่เองถึงได้มาชนข้า ท่านพ่อ ท่านแม่ ดูสิ เสื้อผ้าใหม่ของข้ากลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ผมของข้าก็ถูกพวกนางดึงจนกระเซอะกระเซิงหมด และพวกนางยังทุบตีข้าด้วย สองคนนี้เป็นหญิงบ้า พวกนางต้องการระบายความโกรธใส่ข้า”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เริ่มร้องไห้อย่างน่าเวทนาอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วไม่เข้าใจว่าเด็กโตจะร้องไห้เช่นนี้เพราะเรื่องเล็กน้อยได้อย่างไร แม้ว่าหนานหนานของนางจะคร่ำครวญบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็เป็นเพียงการคร่ำครวญตัดพ้อเบา ๆ เพื่อให้คนอื่นเห็น
แต่เถี่ยฟู่ซุ่นผู้นี้ถึงกับร้องไห้โฮอย่างหนัก
เมื่อเทียบกับเขาแล้ว เถี่ยชิวเอ๋อร์นั้นแข็งแกร่งกว่าสองเท่า อย่างน้อยแม้ว่านางจะข้อเท้าแพลง แต่นางก็ยังกัดฟันยืนหยัดต่อไป เด็กดีมีมารยาทเช่นนี้กลับถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง มันไม่คุ้มเลยจริง ๆ
เมื่อเห็นลูกชายร้องไห้อย่างน่าสังเวช ทั้งคู่ก็รู้สึกเป็นทุกข์มาก จึงโน้มตัวลงไปปลอบเขาว่า “เด็กดี ฟู่ชุ่นไม่ต้องร้องไห้ แม่รู้ว่าเจ้าถูกรังแก แม่จะจัดการให้เจ้าเอง ลูกรักของแม่ไม่ต้องร้อง ไม่ต้องร้องนะ ประเดี๋ยวแม่จัดการให้เอง”
เถี่ยฟู่ซุ่นกระทืบเท้า “ท่านแม่ ท่านต้องทุบตีนางให้ตายเหมือนกับที่ท่านทุบอาฮวาตอนนั้น ท่านต้องทำให้นางกระอักเลือด หากท่านไม่ทำก็ไม่ต้องมาคุยกับข้าอีก”
“ได้เลยลูกรัก แม่จะไม่ปล่อยพวกที่มารังแกลูกเด็ดขาด”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตา เลิกคิ้วมองสตรีสกุลเถี่ย
หลังจากปลอบโยนลูกชายเสร็จแล้ว นางก็หันหน้าไปจ้องอวี้ชิงลั่วทันที นางคิดว่าแม้สตรีคนนี้จะแต่งตัวดีกว่าพวกเขาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ดีเท่าฮูหยินน้อย
อีกอย่างพวกนางมากันเพียงสองคน ไม่มีคนรับใช้จากเรือนตามมาด้วย ดังนั้นพวกนางจึงไม่น่าจะใช่แขกผู้มีเกียรติอย่างแน่นอน และตอนนี้พวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากฮูหยินน้อย ต่อให้พวกเขาจะมีปัญหาก็จะมีฮูหยินน้อยคอยดูแลอยู่
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ขยิบตาให้สามีที่อยู่ด้านข้าง แล้วพูดว่า “เร็วเข้า ดูสิว่าลูกชายของเราร้องไห้อย่างไร? ท่านต้องการให้ลูกถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียวงั้นหรือ?”
คนเฝ้าประตูเถี่ยพยักหน้า และทำท่าพุ่งเข้าไปตบอวี้ชิงลั่วทันที แต่ในขณะที่เขายกมือขึ้น เสียงโกรธเกรี้ยวก็ดังมาจากด้านหลัง “ข้าเห็นแล้ว เจ้าคิดจะลงมือทำร้ายใคร?”
…………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แย่มากครอบครัวนี้ สงสารน้องชิวเอ๋อร์เลยที่มีครอบครัวแบบนี้
ใครมากันนะ?
ไหหม่า(海馬)