อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 731 ไม่กลัว
ตอนที่ 731 ไม่กลัว
ตอนที่ 731 ไม่กลัว
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการฟังนางพูดอีกต่อไป และต้องการแนบชิดนางมากกว่านี้ แต่อวี้ชิงลั่วใช้มือยันคางของเขาไว้
“ท่านจริงจังหน่อย ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกท่านจริง ๆ” ช่วงนี้นางรู้สึกสับสนมาก และนางก็ลืมเหตุการณ์ครั้งก่อนไปเสียสนิท
เย่ซิวตู๋หงุดหงิด เขาจับมือนางมากัด จากนั้นจ้องมองนางแล้วพูดว่า “พูดมาเลย”
“ท่านจำได้หรือไม่ว่าครั้งล่าสุดเกิดอะไรขึ้นกับเซียวเฟย? ตอนกำลังสวดมนต์อยู่ในวัด พวกเราถูกโจมตี และมีชายคนหนึ่งทำร้ายเซียวเฟยจนได้รับบาดเจ็บสาหัสใช่หรือไม่?”
เย่ซิวตู๋หรี่ตาลง “จำได้ คนผู้นั้นคือ… คนของหมู่เฟย”
“ใช่ เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าเจอเขาในคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลหมิง” อวี้ชิงลั่วมองท่าทางของเย่ซิวตู๋ และเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่นางเห็นในวันนั้น
ยังไม่ทันพูดจบ เย่ซิวตู๋ก็กำหมัดแน่น
“ท่าน… คิดเห็นว่าอย่างไร?” อวี้ชิงลั่วถามด้วยเสียงเบา ขณะรู้สึกว่าสีหน้าของเขาดูย่ำแย่มาก
ทุกครั้งที่กล่าวถึงเหมิงกุ้ยเฟย สีหน้าของเย่ซิวตู๋จะดูไม่สู้ดีนัก ถูกต้องแล้ว เมื่อนึกถึงมารดาที่อยากฆ่าเขาให้ตาย เขาย่อมเกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนอยู่ในใจ
เย่ซิวตู๋ดึงนางไปนั่งบนเก้าอี้ด้านข้างด้วยสีหน้าจริงจังมาก
“ความสัมพันธ์ระหว่างหมู่เฟยและท่านน้าเป็นไปด้วยดีเสมอมา”
“…” นั่นหมายความว่า?
“ชาวเหมิงมีกฎ บุรุษเผ่าเหมิงไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างราชวงศ์ของสี่อาณาจักรได้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะถูกขับออกจากเผ่าเหมิง” เมื่อผู้อาวุโสสกุลหมิงบอกว่าจะสนับสนุนให้เย่ฮ่าวถิงได้ขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็คิดว่าคงเป็นเพียงการล้อเล่นเท่านั้น
สุดท้ายเขาก็ได้เข้าใจนิสัยของท่านตาอย่างชัดเจน แม้จะไม่ได้พบกันมากว่าสิบปี เขาก็ยังรู้ว่าบางครั้งท่านตาของเขาก็มีนิสัยเหมือนเด็ก ชอบบีบให้คนยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ไม่มีความทะเยอทะยานมากนัก
ไม่เช่นนั้นด้วยความสามารถของเขา เขาคงได้รับตำแหน่งประมุขเผ่าไปแล้ว
ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจคำพูดของผู้อาวุโสสกุลหมิงในตอนนั้น
แต่… สำหรับเหมิงจื้อเฉิงแล้ว เย่ซิวตู๋ไม่ค่อยแน่ใจ เขาไม่ได้ติดต่อกับท่านน้าคนนั้นมากนัก และทุกคนก็พูดว่าหลานชายเหมือนกับท่านน้าเขา เขามีนิสัยเหมือนกับเหมิงจื้อเฉิง ซึ่งทั้งสองคนมักจะเงียบขรึม
ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ค่อยสนิทกันนัก การพบกันส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงแค่การพยักหน้าให้กัน ทักทายกันสักคำสองคำและไม่ได้ติดต่อกันอีก
ตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านน้าจะติดต่อกับหมู่เฟยบ่อยมาก ไม่น่าแปลกใจที่ผู้อาวุโสสกุลหมิงไม่ทราบข่าวว่าเขาอยู่ในเมืองหลวง และไม่ทราบข่าวสำคัญอย่างเรื่องเขาเป็นบิดาของหนานหนาน
เขามักจะรู้สึกว่านี่เป็นข่าวที่เหมิงกุ้ยเฟยกำลังปกปิด แต่เขาก็รู้สึกว่าในเมื่อนางอยู่ในเมืองหลวง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดเรื่องนี้ได้แนบเนียนถึงเพียงนี้ เมื่อนึกถึงตอนนี้ก็คิดว่าคนที่ทำเรื่องนี้น่าจะเป็นเหมิงจื้อเฉิง
เย่ซิวตู๋ลูบหว่างคิ้วของตน “ข้าหวังว่าท่านน้าของข้าจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้” ไม่เช่นนั้นท่านตาของเขาก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องในอนาคตด้วยแน่นอน
แต่ตอนนี้อวี้ชิงลั่วกำลังกังวลเรื่องอื่นอยู่
“เหมิงกุ้ยเฟยต้องการให้เย่ฮ่าวถิงขึ้นครองบัลลังก์ ท่านเป็นดั่งหนามยอกอกของนาง ตอนนี้นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านน้าของท่าน หากความร่วมมือจากทั้งภายในและภายนอกไม่ดีต่อท่าน เช่นนั้น… “
อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าคนที่ตกอยู่ในอันตรายที่สุดตอนนี้คือเย่ซิวตู๋ ทำให้นางเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เผ่าเหมิงแห่งนี้เป็นถิ่นของเหมิงจื้อเฉิง และคนที่อยู่ใต้อาณัติเขาล้วนเป็นจอมยุทธ์ทั้งสิ้น ส่วนเย่ซิวตู๋มีคนเพียงไม่กี่คนข้างกายที่สามารถใช้ได้ หากเกิดการปะทะกันขึ้นมาคงไม่เป็นผลดีแน่
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ตอนนี้นางไม่น่าสร้างศัตรูกับพวกคนของเหมิงเคอเลย เพราะการมีศัตรูเพิ่มขึ้นไม่ส่งผลดีแต่อย่างใด
เย่ซิวตู๋หันมาเห็นว่าคิ้วของนางขมวดเป็นปม เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ ชิงเอ๋อร์กำลังรู้สึกสับสนเพราะความเป็นห่วง…
“ชิงเอ๋อร์ เจ้าพูดเองว่าตอนนี้เราอยู่ในเผ่าเหมิง ซึ่งในเผ่าเหมิงนั้น ชะตากรรมของคนที่สังหารคนที่มีปานรูปดอกไม้จะเลวร้ายยิ่งนัก เจ้ารู้หรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วตกตะลึง
เย่ซิวตู๋ดึงนางไปนั่งบนตักของเขา “พูดได้ว่าข้าปลอดภัยที่สุดเมื่ออยู่ในเผ่าเหมิง ท่านตารู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ หากวันหนึ่งไม่มีข่าวคราวของข้า เรื่องนี้ย่อมไปถึงหูของท่านประมุขเผ่า เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งเผ่าจะต้องตื่นตระหนกและจะตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแน่นอน ท่านน้าไม่กล้าเสี่ยงถึงเพียงนั้นหรอก”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก พูดราวกับว่าเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้น?
ทว่าคำพูดของเย่ซิวตู๋ก็ทำให้นางสบายใจขึ้นจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วระบายลมหายใจเบา ๆ ใช่แล้ว สถานการณ์ของเย่ซิวตู๋และเหมิงหลัวอวี้นั้นแตกต่างกัน ทุกคนทราบว่าเขามีปานบนร่างกาย ซึ่งแตกต่างจากเหมิงหลัวอวี้ที่ถูกเก็บไว้ในความมืด
แต่อีกไม่นานเสี่ยวอวี้ก็จะได้เห็นดวงอาทิตย์อีกครั้ง และทุกคนจะได้รับรู้ถึงคุณค่าของนาง
ดวงตาของอวี้ชิงลั่วเป็นประกายสดใส นางเอนกายอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซิวตู๋ โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
คืนนั้นเย่ซิวตู๋กอดนางไว้ในอ้อมแขนเพื่อให้หลับสนิทตลอดทั้งคืน มันเป็นการนอนหลับที่สบายยิ่งนัก ทว่าสำหรับเย่ซิวตู๋มันคือการทรมาน
ในเวลานั้นเขารอคอยที่จะได้เห็นคนของเหมิงเคอปรากฏตัวอีกครั้ง และอยากจะลุกขึ้นมาจัดการคนสักสองสามคนเพื่อระบายโทสะของเขา
น่าเสียดายที่หนานหนานอยู่ในมือเหมิงเคอ นางไม่ต้องการสร้างปัญหาอีกต่อไปจึงยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย ตลอดทั้งคืนจึงเงียบจนน่าขนลุก
อวี้ชิงลั่วนอนหลับสนิท เมื่อมีเย่ซิวตู๋อยู่เคียงข้างนาง นางก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งใด จนกระทั่งรุ่งสาง นางก็ตื่นมาพลางหาวหวอดด้วยความสบาย
เมื่อนางลืมตาขึ้น เย่ซิวตู๋ก็ไม่ได้อยู่บนเตียงอีกต่อไป อวี้ชิงลั่วลูบคอของตนและรู้สึกสบายตัวมาก
หงเย่ปรากฏตัวที่ประตูพร้อมกับเหมิงหลัวอวี้ เหมิงหลัวอวี้ยังคงสวมหมวกผ้าโปร่งไว้ นางจับมือหงเย่แน่นและดูประหม่านัก
อวี้ชิงลั่วหยิบเทียบเชิญสีทองออกมา นางไม่คิดจะไปที่คฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่ แต่จะไปที่งานพร้อมกับเขาเลย
“เจ้ากลัวหรือไม่?” อวี้ชิงลั่วถาม
เหมิงหลัวอวี้ส่ายหน้า “ไม่กลัวหรอกเจ้าค่ะ ข้าแค่เป็นห่วงหนานหนาน”
อันที่จริงนางยังไม่แน่ใจว่าที่จู่ ๆ หนานหนานหายตัวไปนั้น บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับตัวนางเอง
อวี้ชิงลั่วยิ้มและยื่นมือออกมา
เหมิงหลัวอวี้ปล่อยมือหงเย่ แล้วก้าวไปจับมือของอวี้ชิงลั่วและยืนข้างนาง
มือเล็ก ๆ ของนางกำลังชุ่มเหงื่อ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่กังวล
เหมิงหลัวอวี้ต้องการพบท่านประมุขมาตลอด และตอนนี้นางกำลังจะได้พบจริง ๆ
หงเย่ยกยิ้ม ก่อนหันหลังกลับออกไปขึ้นรถม้า ขณะที่นางเดินไปที่ประตู นางก็เห็นเหวินเทียนมองมาที่นางด้วยรอยยิ้ม
หงเย่หน้าแดงและรีบวิ่งกลับมาอย่างเร่งรีบ
อวี้ชิงลั่วมองนางด้วยความประหลาดใจ “มีอะไรหรือ?”
“เหวินเทียนเตรียมรถม้าแล้ว อยู่ข้างนอกเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า เย่ซิวตู๋บอกว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เหมิงเคอเคลื่อนไหวระหว่างทาง เขาจะสั่งให้เหวินเทียนมารับนางไปส่งที่นั่น และส่งคนมาคอยแอบปกป้องนางด้วย
โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทาง เมื่ออวี้ชิงลั่วมาถึงบริเวณรอบนอกของสถานที่จัดงาน การเดินทางก็ราบรื่นและรวดเร็ว
ข้างนอกมีเสียงดังเซ็งแซ่ ผู้คนมากมายยืนออกันเต็มไปหมด พวกเขาไม่มีเทียบเชิญ จึงได้แต่ยืดคอมองเข้าไปข้างในอย่างสิ้นหวัง
แม้งานเทศกาลชิมสุราจะยังไม่เริ่ม แต่อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกว่าบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นสุราหอมหวนชวนให้มึนเมายิ่งนัก
ถ้าหนานหนานอยู่ที่นี่ด้วย นางคงไม่อาจทนแสงจ้าจากดวงตาอันเป็นประกายของเขาได้
อวี้ชิงลั่วยกยิ้ม แล้วจับมือหงเย่ลงจากรถม้า
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
น่าสงสัยเหมือนกันว่าเหมิงจื้อเฉิงกับเหมิงกุ้ยเฟยนี่วางแผนจะโค่นประมุขเผ่าด้วยหรือเปล่า
สวรรค์ของหนานหนานเลยแหละ มีแต่เหล้าคราฟต์เต็มไปหมด
ไหหม่า(海馬)