อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 737 อุ้มเจ้าหญิง
ตอนที่ 737 อุ้มเจ้าหญิง
ตอนที่ 737 อุ้มเจ้าหญิง
องครักษ์จับตัวหนานหนานได้แล้ว ขณะที่เผิงอิงกำลังจะออกไปจัดการ หนานหนานกลับปล่อยให้ชายคนนั้นจับตนอย่างง่ายดาย
“นี่ๆๆ ประเดี๋ยวข้าไปแล้วก็ได้ อย่าถือสากันสิ ช่างไม่มีความอดทนกันเสียจริง ในเมื่อเจ้าบอกว่าท่านแม่อยากเจอข้า คิดหรือว่าข้าจะไม่ยอมตามไป?”
ทุกคนในลานบ้านต่างมีสีหน้าหมดคำจะพูด อย่างไรเสียเขาก็จะแก้ตัว เขาจะยังคงแก้ตัว และความผิดก็เป็นของคนอื่น
เมื่อเห็นว่าเขาเชื่อฟัง องครักษ์ก็ปล่อยมือจากเขาแล้วเดินนำหน้าห่างไปสองสามก้าว
ทว่าหลังจากผ่านไปได้อีกราวสองก้าว เขาก็หยุดอีกครั้งพร้อมกับขมวดคิ้ว แล้วหันหน้าไปมองหนานหนานที่ยืนนิ่งอยู่ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าจะไปหรือไม่?”
หนานหนานถอนหายใจเฮือกใหญ่ “สองวันที่ผ่านมาข้าเล่นบ้าๆ บอๆ ไปเรื่อยเปื่อยจนขาอ่อนแรงไปหมดแล้ว”
ชายชุดดำที่ลานบ้านหน้าซีดเผือด เขารู้ตัวด้วยหรือว่าตัวเองเล่นบ้า ๆ บอๆ? และเกือบทำให้พวกเขาบ้าไปด้วยไม่ใช่หรือ?
องครักษ์ขมวดคิ้ว “ข้าจะอุ้มเจ้าไปที่นั่น”
“ข้าต้องการให้อุ้มองค์หญิง” หนานหนานพูดทันที
สีหน้าขององครักษ์มืดมนลงอีกครั้ง หากท่านผู้อาวุโสไม่ได้สั่งให้พาเขาไปที่นั่นอย่างปลอดภัย เขาก็คงจะหักแขนหักขาของเจ้าเด็กนี่ให้หักไปเลย เพราะเกรงว่าเขาจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอีกมากมาย
“ที่นี่ไม่มีองค์หญิง คำขอของเจ้ามันมากเกินไป”
“…” หนานหนานมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม “คนบ้านนอกเช่นเจ้าก็ยังคงเป็นคนบ้านนอกวันยังค่ำ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการอุ้มองค์หญิงหมายความว่าอย่างไร ใครบอกเจ้าว่าการอุ้มท่าองค์หญิงต้องให้องค์หญิงมาอุ้มจริง ๆ?”
เผิงอิงที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมกำแพงลูบหน้าผากของตนเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะปากจัดยิ่งนัก…
“นี่ ทำแบบนี้ไง อุ้มข้าสิๆ เร็วๆ เข้า” หนานหนานสั่งองครักษ์ด้วยใบหน้ากระตุก
องครักษ์อดทนและทำได้เพียงก้มตัวลงไปอุ้มเขาไว้ด้วยมือข้างเดียว
หนานหนานกอดคอเขาด้วยมือขวา แล้วเตะขาอย่างแรง “เร็วเข้า เอามือของเจ้าไว้ใต้เข่าข้า มานี่ มือข้างนั้นช้อนเอาไว้ เตะขาเช่นนี้ข้าเหนื่อยมาก”
“……”
ทหารองครักษ์ใช้เวลาสักครู่เพื่อทำตามที่เขาบอกด้วยสีหน้ามืดมน
ทันทีที่จัดท่าเสร็จเรียบร้อย สีหน้าของหลายคนในลานบ้านก็ดูราวกับว่าท้องผูกกันหมด ท่าอุ้มเช่นนี้… ค่อนข้างแปลก แปลกเกินไป
องครักษ์ต้องการจะโยนหนานหนานออกไป แต่ฝ่ายหลังกลับกอดคอเขาแน่นอย่างไม่ยอมปล่อย
เขารู้สึกสบายใจขึ้นและรีบเร่ง “เฮ้ เร็วเข้า บอกเองไม่ใช่หรือว่าท่านแม่รอข้าอยู่? รีบไปเถอะ ข้าคิดถึงท่านแม่ยิ่งนัก”
องครักษ์หรี่ตาลงด้วยความหงุดหงิด แล้วเดินออกจากลานด้วยท่าทางตึงเค
เผิงอิงลูบคางของตน เมื่อเห็นว่าหนานหนานไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องออกไปช่วย
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เผิงอิงก็ยังคงสะกดรอยตามองครักษ์ไป
ตลอดทางหนานหนานดูเหมือนจะไม่ยอมอยู่เฉยเลย จู่ ๆ เขาไม่ชอบท่าอุ้มที่ไม่เหมาะสมนี้ และไม่ชอบสีหน้าบึ้งตึงขององครักษ์ที่ส่งผลต่ออารมณ์ของเขา ไป ๆ มา ๆ เขาก็ต้องการจะนั่งบนเก้าอี้เกี้ยวอีกครั้ง
ในที่สุดองครักษ์ก็ทนไม่ได้อีกต่อไปและกำลังจะปิดปากเขา แต่หนานหนานถอนหายใจรีบปิดปากตนเองด้วยความไม่พอใจ
หลังจากนั้นไม่นาน หลายคนก็กลับมายังสถานที่จัดงานเทศกาลชิมสุรา
ที่หน้าประตู องครักษ์วางหนานหนานลงแล้วเตือนด้วยเสียงเบา “อยู่ข้างท่านผู้อาวุโสอย่างเชื่อฟัง ต่อไปห้ามทำเสียงดังโวยวายอีก ไม่เช่นนั้นมารดาของเจ้าจะตกอยู่ในอันตราย หลังงานเทศกาลจบลง ท่านผู้อาวุโสจะให้เจ้าได้พบกับแม่มารดาของเจ้า”
หนานหนานเบิกตากว้างด้วยความงุนงง “เจ้าบอกว่าจะพาข้าไปหาแม่ของข้าไม่ใช่หรือ?”
“…” องครักษ์มองหนานหนานด้วยความระแวง เดิมทีเขาวางแผนจะเกลี้ยกล่อมให้เขาไม่พูดตามที่ท่านผู้อาวุโสต้องการ
แต่เด็กคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนยอมปฏิบัติตามกฎ ดังนั้นเขาจึงจำต้องใช้วิธีที่สองเท่านั้น
เขาเหลือบมองหนานหนาน แล้วส่งยาเม็ดสีดำให้เขา “รับนี่ไปกินเสีย”
“นี่คืออะไร?” หนานหนานเหลือบมองสิ่งนั้นด้วยความประหลาดใจ และทราบโดยสัญชาตญาณว่ามันเป็นสิ่งที่กลืนลงไปได้ไม่ง่ายนัก
องครักษ์ไม่ตอบ เพียงแค่หรี่ตาจ้องหน้าเขา
หนานหนานรับมันมาจ่อใต้ปลายจมูกแล้วดม
แม่ของเขาเป็นหมอปีศาจ เขาจึงได้สัมผัสกับยานับไม่ถ้วนมาตั้งแต่เด็ก และคุ้นเคยกับยาที่ทำให้หมดแรงเม็ดเล็ก ๆ นี้เป็นอย่างดี
ปรากฏว่าคนเหล่านั้นคิดว่าเมื่อเขากินสิ่งนี้ ร่างกายของเขาก็จะเริ่มอ่อนแรง จนไม่สามารถขัดขืนสิ่งที่พวกเขาต้องการทำได้
หนานหนานทำหน้ามุ่ย แล้วยัดยาเข้าปาก องครักษ์เฝ้าดูเขากลืนมันลงไป ก่อนพยักหน้าและพาเขาเข้าไปข้างในอีกครั้ง
หนานหนานฉวยโอกาสหันกลับไปคายเม็ดยาออกจากปาก แล้วแลบลิ้นใส่องครักษ์ที่หันหลังให้
เผิงอิงที่ตามมาข้างหลังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เจ้าตัวเล็กนี่ฉลาดมากจริงๆ
หนานหนานเดินไปสองสามก้าว แล้วแสร้งทำเป็นเดินเซและเดินต่อไปอย่างทุลักทุเล
องครักษ์ขมวดคิ้ว แล้วเข้ามาพยุงเขาเดินเข้าไปข้างใน
เช่นเดียวกับตอนที่เขาจากไป เมื่อกลับมาหาผู้อาวุโสสกุลลี่ องครักษ์ก็เงียบเชียบยิ่งนัก และไม่ดึงดูดความสนใจของใครเลย
ทุกคนถูกการแสดงบนเวทีดึงดูด เมื่อหนานหนานเงยหน้าขึ้นก็พบหญิงสาวคนหนึ่งสวมผ้าคลุมหน้าอยู่บนเวที ถือเหยือกที่ทำขึ้นอย่างสวยงามรินสุราใส่จอกตรงหน้าเขา
แค่เทใส่จอกนางก็หมุนไปรอบ ๆ การเคลื่อนไหวของนางพลิ้วไหวแผ่วเบานัก เสื้อผ้าบนร่างกายของนางโบกสะบัดราวผีเสื้อที่โบยบินอย่างสง่างาม ความงดงามและท่วงท่าเต้นระบำที่ไม่อาจพรรณนาได้ ทำให้ผู้คนต่างไม่สามารถละสายตาไปจากนางได้ จนไม่สนใจสุราในจอก
จนกระทั่งจอกสุราบนโต๊ะเต็มแล้ว หญิงสาวก็ยกมืองดงามขึ้น แล้วกวาดสายตาไปทั่วบริเวณด้วยแววตาสดใส ก่อนจะชี้นิ้วเรียวยาวขึ้น แล้วดื่มสุราในจอดหมดภายในอึกเดียว
“นี่คือสุรารสเลิศจากร้านหั่วหยางหั่วของข้าในอาณาจักรหลิวอวิ๋น โปรดลองลิ้มรส”
เสียงของนางนุ่มนวลและเย้ายวนใจ ผู้คนกว่าครึ่งในสถานที่นี้ต่างจ้องมองนางด้วยตาเป็นประกาย และแทบน้ำลายไหล
สิ้นเสียงของหญิงสาวคนนั้นก็มีคนมาหยิบจอกสุราบนโต๊ะ แล้วส่งทีละจอกให้กับกรรมการและผู้อาวุโสของเผ่าต่าง ๆ ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติของเผ่าเหมิงด้วย
เมื่อจอกสุราถูกนำมาวางตรงหน้าผู้อาวุโสสกุลลี่ ดวงตาของหนานหนานก็เป็นประกายทันที เขารีบเข้าไปด้านข้างหมายจะหยิบมันมา
ผู้อาวุโสสกุลลี่หันกลับมามองเขา สายตาสงสัยของเขาจับจ้องไปยังองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังเขา
หนานหนานตกใจ แย่แล้ว เมื่อเห็นสุรารสเลิศก็ลืมเรื่องยากระดูกอ่อนไปเสียสนิท
เขาใช้ไหวพริบอย่างรวดเร็ว เขาแสร้งทำเป็นขาอ่อนยวบลงทันที
ผู้อาวุโสสกุลลี่รีบยื่นมือเข้ามาประคองเขา แล้วถามว่า “เจ้าเป็นอะไรไป?”
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว?” หนานหนานมองเขาอย่างไร้เดียงสา “ข้าไม่สบายใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสสกุลลี่หัวเราะ “ไม่เป็นอะไร แค่ไปนั่งพักบนเก้าอี้ตรงนั้น”
หนานหนานส่งเสียง ‘โอ้’ แล้วนั่งลงอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ก็บังเอิญสบตากับมารดาของเขา จึงหรี่ตาและยกยิ้มให้อวี้ชิงลั่ว
อวี้ชิงลั่วหรี่ตามองเขาอยู่สักพัก เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นปกติก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
บัดนี้คนผู้หนึ่งก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างกะทันหัน อวี้ชิงลั่วอึ้งงันไปครู่หนึ่ง และเมื่อนางมองไปที่หนานหนานอีกครั้ง นางก็เห็นเขาลุกขึ้นยืนดัง ‘ฟึ่บ’
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มารยาร้อยเล่มเกวียนแต่เด็กเลยหนานหนาน สมกับที่เป็นลูกของหมอปีศาจ
ไหหม่า(海馬)