อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 748 ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่
ตอนที่ 748 ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่
ตอนที่ 748 ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่
บรรยากาศบริเวณนี้เงียบงันไปครู่หนึ่ง การเคลื่อนไหวของทุกคนพลันหยุดชะงักไป กระทั่งผู้อารักขาที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยังอึ้งงันหลังจากได้ยินประโยคดังกล่าว และสูญเสียการตอบสนองไปอย่างสิ้นเชิง
หลังเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงแหบพร่าเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “หนานหนาน เจ้าเพิ่งกล่าวว่า…กระไรนะ?”
หนานหนานหันหน้ามามองเหมิงลู่ที่เป็นคนเอ่ยขึ้น เด็กน้อยกะพริบตา และเอ่ยทวนซ้ำสิ่งที่ตนเพิ่งพูดออกไป “น้องอวี้ไม่ใช่บุคคลสำคัญหรือขอรับ? ท่านตาทวด ท่านเพิ่งเอ่ยไปว่าหากในหมู่ชาวเหมิงมีคนที่ปรากฏปานกำเนิดรูปดอกไม้ ก็จะเป็นบุคคลสำคัญมากๆๆ ไม่ใช่หรือ? ซึ่งน้องอวี้ก็มีมันเหมือนกัน”
และเป็นเพราะประโยคสุดท้ายนี้นี่เอง ทุกคนถึงได้กลับมามีปฏิกิริยาตอบสนองอีกครั้ง เสียงอุทานรอบกายหนานหนานทยอยดังขึ้นทีละหนึ่งหรือสองเสียง
ผู้อาวุโสสกุลเยว่กลับมาได้สติอีกครั้ง คว้าไหล่หนานหนานไว้แล้วเอ่ยถาม “เจ้าบอกว่า เจ้าบอกว่าปานกำเนิดรูปดอกไม้ ปานกำเนิดรูปดอกไม้งั้นหรือ เสี่ยวอวี้มีปานกำเนิดรูปดอกไม้บนร่างของนางงั้นหรือ?”
“ขอรับ หากท่านไม่เชื่อ ท่านก็ไปถามท่านแม่ของข้าได้เลย ในตอนนั้นน้องอวี้ได้รับบาดเจ็บ เป็นท่านแม่ของข้าที่วินิจฉัยนาง” เอ่อ เขาไม่ได้บอกหรอกว่าบังเอิญเห็นเข้าในตอนที่เหมิงหลัวอวี้แสร้งทำเป็นบ้าใบ้และโง่เขลา ไม่อย่างนั้นคงเป็นการทำลายชื่อเสียงของน้องอวี้
เรื่องนี้ทำให้หนานหนานรู้สึกว่าตนทำหน้าที่ได้ดีอย่างยิ่ง และคิดอยากให้รางวัลตัวเองสักหน่อย
สายตาของคนแทบทุกคนจับจ้องยังร่างของอวี้ชิงลั่ว ฝ่ายหลังเม้มปาก เอ่ยอย่างจริงจัง “ใช่เจ้าค่ะ บนร่างของเหมิงหลัวอวี้มีปานกำเนิดรูปดอกไม้อยู่ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดเด็กหญิงอายุเพียงห้าขวบอย่างนางถึงถูกคนตามไล่ล่า”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่เบิกตากว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ หลานสาวของเขามีปานกำเนิดรูปดอกไม้ ทว่าเหมิงเคอกลับกล้ากระทำเช่นนั้นได้ ให้ตายเถิด
เขาหันกายกลับและจากไปอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนขึ้นมาแล้ว จะมัวอยู่ตรงนี้ไม่ได้ เขาต้องรีบหานางให้เร็วที่สุด หากช้าไปเพียงนิด เสี่ยวอวี้ก็จะยิ่งเป็นอันตราย
หลังได้ยินคำพูดของอวี้ชิงลั่ว คนที่อยู่ข้างๆ ก็พลันเดือดดาลขึ้นมาทันที “ให้ตายเถิด กล้าฆ่าเด็กชาวเหมิงที่มีปานกำเนิดรูปดอกไม้อย่างนั้นหรือ? คนประเภทนี้จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ ท่านประมุข รีบหาตัวบุคคลนั้นกันเถิด”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองขึ้น และพบว่าบุคคลที่พูดนั้นเป็นคนเดียวกับคนที่เพิ่งกล่าวว่าบุตรสาวนอกสมรสไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด
คนเหล่านี้นี่นะ ช่างเลือกปฏิบัติเสียจริง ทันทีที่รู้ว่าเสี่ยวอวี้มีปานกำเนิดรูปดอกไม้ พวกเขาก็บังเกิดความรู้สึกอยากปกป้องขึ้นมา แต่นั่นก็ดีแล้ว เพราะอย่างน้อยเสี่ยวอวี้ก็ได้รับความสนใจมากขึ้น
เหมิงลู่เหลือบมองอวี้ชิงลั่วแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย แววตาประหลาดใจฉายเพียงครู่หนึ่ง ขณะครุ่นคิดก็รู้สึกว่าอวี้ชิงลั่วทำเรื่องเช่นนี้ พาเด็กมาปรากฏตัวที่นี่ จะต้องมีจุดประสงค์อันใดเป็นแน่
แต่เท่าที่เขารู้จักเย่ซิวตู๋มา จุดประสงค์นี้จะต้องเป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแต่อย่างใด
เหมิงลู่พยักหน้า เขาพลันโบกมือแล้วเอ่ยกับผู้อารักขา “ไปตามหาคนผู้นั้น และหาเด็กคนนั้นให้พบ”
“ขอรับ” หลังทราบถึงความสำคัญของเหมิงหลัวอวี้ ทุกคนก็ไม่กล้าเพิกเฉยอีกต่อไป พากันลงจากเวทีกลมทีละคน แยกย้ายไปทั่วสารทิศเพื่อตามหาเด็ก
ด้านข้างเหมิงลู่ยังมีคนอยู่อีกมาก นอกจากผู้อาวุโสสกุลลี่และผู้อาวุโสสกุลเยว่แล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่ได้จากไปไหน ตอนนี้สีหน้าของทุกคนดูเคร่งขรึม เอ่ยปากด้วยเสียงทุ้ม “พวกเราก็ไปตามหากันเถิด จะปล่อยให้เกิดเรื่องกับเด็กคนนั้นไม่ได้”
ในดินแดนเหมิงตอนนี้ไม่มีเด็กที่มีปานรูปดอกไม้แล้ว กว่าจะเจอสักคนก็นับว่ายากนัก ทุกคนย่อมต้องปกป้องราวกับสมบัติ จะปล่อยให้ผู้อื่นทำร้ายนางง่ายๆ ได้อย่างไร?
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเหมิงหรงที่ร่างกายไม่แข็งแรง สติปัญญาก็ปานกลาง แต่กลับให้กำเนิดเด็กชาวเหมิงที่มีปานเช่นนี้ได้
เพียงแต่ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ พวกเขากลับไม่มีใครรู้เลย
อีกทั้งผู้อาวุโสสกุลเยว่ในตอนนี้ก็มีท่าทางประหลาดใจเป็นอันมากราวกับไม่เคยรับรู้การมีอยู่ของเด็กคนนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีเรื่องลับลมคมในอะไรบางอย่างเกิดขึ้น?
บางคนเริ่มคิดไปไกลจนอดไม่ได้ที่จะคิดลึกซึ้งมากกว่านั้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทราบความเป็นไปภายในจวนตระกูลเยว่มากนัก เรื่องเกี่ยวกับภรรยาและบุตรเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องส่วนตัวของเหมิงหรง ซึ่งพวกเขาเห็นว่าเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ จึงไม่ได้ให้ความสนใจชนิดตามติดในทุกวัน
แต่ไม่คิดเลยว่า…
เหมิงลู่ไม่ได้กล่าวอันใด ทำเพียงพยักหน้า
ผู้คนที่อยู่บริเวณนี้เริ่มทยอยผละจากไปทีละสองสามคน กระทั่งผู้อาวุโสบางคนในตระกูลที่มีชื่อและหมอเฒ่าฉยงซานก็ออกตามหาคนด้วย
แต่ในขณะที่ผู้อาวุโสสกุลหมิงกำลังจะจากไป เย่ซิวตู๋ก็ได้กระซิบเบาๆ ข้างหูเขา “ประเดี๋ยวพาผู้อาวุโสเซี่ยงข้างกายท่านไปด้วยนะขอรับ อย่าไปไหนไกล หากเห็นพวกเรากับประมุขแล้วก็ค่อยกลับมาอีกครั้ง”
ผู้อาวุโสสกุลหมิงมีท่าทางประหลาดใจ หรี่ตาลงและไม่เอ่ยคำถามใดอีก และพาผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงจากไปด้วยกัน
อวี้ชิงลั่วยังคงยืนอยู่ที่เดิม ส่วนหนานหนานรีบตรงเข้ามาหานางและคว้ามือของนางเอาไว้
ในขณะนั้นเองนางก็สบโอกาสเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันที่แล้ว “เจ้าถูกพิษอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อครู่ตอนนั่งอยู่ที่โต๊ะ เหมิงเคอได้ข่มขู่เหน็บแนมนาง อวี้ชิงลั่วเห็นว่าหนานหนานไม่ได้ป่วยอันใด ถึงแม้จะวางใจมากแล้ว แต่ก็ยังอยากจะรู้สถานการณ์ในตอนนั้น
“ไม่ขอรับ พวกเขาโง่มาก คิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบ จริงๆ แล้วปีนี้ข้าห้าขวบแล้ว จะโง่โดนพวกเขาหลอกได้อย่างไรกัน” หนานหนานรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยเมื่อพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในจวนผู้อาวุโสสกุลลี่ช่วงสองวันที่ผ่านมา
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก ในใจก็คิดว่าต่อให้ปีนี้หนานหนานจะสามขวบ ก็คงไม่โง่หลงกลพวกเขาอยู่ดี
“พวกนั้นอยากจะวางยาในน้ำแกงของข้าตั้งแต่แรก แต่ข้าฉลาดและกินยาล้างพิษที่ท่านแม่มอบให้ในทันที จากนั้นข้าก็ปฏิเสธที่จะดื่มน้ำแกงของพวกเขา ถือโอกาสที่พวกเขาไม่ทันสังเกต รีบเทน้ำแกงทิ้งไปขอรับ”
อืม ถือโอกาสก่อเรื่องวุ่นวายในจวนของพวกเขา เพียงคิดก็ตื่นเต้นขึ้นมา รู้สึกถึงความสำเร็จเป็นอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วหัวเราะ จับมือแล้วเงยหน้าขึ้น เย่ซิวตู๋ยืนอยู่ข้างนางอย่างเงียบๆ ผ่านไปครู่หนึ่งก็กล่าวเสียงเบา “ได้เวลาแล้ว ไปกันเถิด”
“อืม” อวี้ชิงลั่วเหลือบมองซ่างกวนจิ่นที่อยู่ไม่ไกล มุมปากของนางกระตุก
ซ่างกวนจิ่นไม่ใช่ชาวเหมิง ย่อมไม่จำเป็นต้องไปร่วมตามหาเด็ก เพียงแต่ว่าสายตาของเขานั้นจับจ้องไปยังครอบครัวพวกเขาทั้งสามคน ราวกับว่ากำลังคิดเรื่องเลวร้ายอยู่ก็ไม่ปาน
ทุกครั้งที่อวี้ชิงลั่วสบตาเข้ากับซ่างกวนจิ่นก็รู้สึกอึดอัด ตัวสั่น นางรีบหลบสายตาของเขาแล้วเดินออกไป
คนที่เดินอยู่ข้างหน้าไม่ไกลก็คือเหมิงลู่และผู้อาวุโสสองคน อวี้ชิงลั่วเดินมาถึงด้านหลังพวกเขาแล้วถาม “ท่านประมุข มีเบาะแสอะไรหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่มีเลย…” มุมปากของเหมิงลู่กระตุกเบาๆ แทบมองไม่เห็น พวกเขาเพิ่งจะเดินออกมาได้ไม่นานนัก จะมีเบาะแสอะไรได้อย่างไร
แน่นอนว่าหญิงสาวผู้นี้ย่อมมีแผนในใจเป็นแน่
กลับกัน ผู้อาวุโสสองคนข้างกายเหมิงลู่เห็นสีหน้าวิตกของอวี้ชิงลั่วดังนั้นก็ปลอบใจนาง “หมอปีศาจไม่ต้องกังวลไป ในเมื่อเด็กคนนั้นเป็นเด็กชาวเหมิงที่มีปานกำเนิดรูปดอกไม้ พวกเราจะต้องตามหานางอย่างสุดความสามารถเป็นแน่”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง เมื่อเงยหน้าขึ้น ผู้อาวุโสสกุลหมิงทางด้านนั้นก็กำลังพาผู้อาวุโสสกุลเซี่ยงเดินมา
“เป็นอย่างไรบ้าง หาตัวเจอหรือไม่” ผู้อาวุโสสกุลหมิงถาม
สองสามคนนั้นส่ายหน้า
อวี้ชิงลั่วนับ นอกจากผู้อาวุโสสกุลเยว่และผู้อาวุโสสกุลลี่ที่ไม่อยู่แล้ว ทั้งท่านประมุขรวมไปถึงผู้อาวุโสอื่นๆ ต่างก็ยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
นางส่งสายตาให้หนานหนาน หนานหนานจึงวางเสี่ยวไป๋เหอลงกับพื้น
สองสามคนตรงนั้นพูดคุยกันสองสามคำ กำลังคิดจะแยกย้ายกัน ก็เห็นว่ามีคนคนหนึ่งวิ่งมาจากที่ไม่ไกล
เพียงอวี้ชิงลั่วเห็นคนคนนั้นก็แทบจะยืนไม่อยู่และล้มลงกับพื้น เป็นเขาได้อย่างไร? หงเย่เล่า?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ตามหากันให้เจอนะ เด็กคนสำคัญของดินแดนเหมิงเชียวนะนั่น
ไหหม่า(海馬)