อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 752 เหมิงเคอ มันจบแล้ว
ตอนที่ 752 เหมิงเคอ มันจบแล้ว
ตอนที่ 752 เหมิงเคอ มันจบแล้ว
ผู้อาวุโสสกุลลี่กำหมัดแน่น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ขณะจ้องมองไปยังคนที่บุกเข้ามากะทันหัน สมองของเขาก็พลันว่างเปล่า
สายตาเย็นชามืดมนของเหมิงลู่จ้องมองเขา “ผู้อาวุโสสกุลลี่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะบังอาจได้ถึงเพียงนี้”
ทันใดนั้นผู้อาวุโสสกุลลี่ก็กลับมารู้สึกตัว ดวงตาของเขาเริ่มพร่ามัว ท่านประมุขมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร? แล้วท่านประมุขได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดในเรือนเมื่อสักครู่นี้มากน้อยเพียงใด?
เขาไม่แน่ใจ เริ่มแสร้งทำเป็นไขสือ “ท่านประมุข ท่านประมุขพูดอะไรหรือขอรับ?”
“พูดอะไรงั้นหรือ?” เหมิงลู่ตะคอกอย่างเย็นชา ผู้อาวุโสสกุลลี่คนนี้คงสติแตกแล้วเป็นแน่ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ยังกล้าแก้ตัว เขาชำเลืองมองเหมิงหลัวอวี้ที่ด้านข้าง แล้วพยักหน้าให้นางอย่างเป็นมิตร
เหมิงหลัวอวี้ฝืนยิ้ม แต่ยังคงตกใจอยู่ ส่วนหนานหนานคุกเข่าลงแก้เชือกให้นางแล้ว แล้วเริ่มปลอบโยนนาง
“น้องอวี้ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นอะไรแล้ว อยู่กับข้าที่นี่ ภูตผีปีศาจทั้งหมดไม่อาจเข้าใกล้เจ้าได้ และไม่มีใครสามารถทำร้ายเจ้าได้”
เหมิงหลัวอวี้พยักหน้า ก่อนเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตน และตอบเบา ๆ ว่า “ขอบคุณนะหนานหนาน”
หนานหนานตบหน้าอกของตน แล้วตอบอย่างภาคภูมิใจ “ไม่มีปัญหา เพราะข้าคือวีรบุรุษ”
มุมปากของเหมิงลู่อดไม่ได้ที่จะกระตุกเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขามองไปทางอื่น และมองไปที่ผู้อาวุโสสกุลลี่อีกครั้ง “เจ้ารู้ว่ามีเด็กที่มีปานรูปดอกไม้อยู่ในเผ่า แต่กลับไม่ได้รายงาน อีกทั้งยังต้องการสังหารเด็กเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าเอง เห็นแก่ตัว และไม่คำนึงถึงกฎระเบียบและชื่อเสียงของเผ่าเหมิง เช่นนั้นเจ้าจะคู่ควรกับตำแหน่งผู้อาวุโสของเผ่าได้เยี่ยงไร?”
ผู้อาวุโสสกุลลี่สูดหายใจเข้าลึก เขาได้ยินแล้ว ท่านประมุขได้ยินหมดแล้วหรือ?
ให้ตายเถอะ เขามาตั้งแต่เมื่อไร? เหตุใดจึงแอบฟังการสนทนาของพวกเขาข้างนอก? แล้วยามเฝ้าประตูเล่า?
ผู้อาวุโสสกุลลี่เริ่มกลอกตา เขาพยายามคิดหาวิธีโต้แย้งอย่างสิ้นหวัง แต่ก็ไม่มีความคิดใด ๆ เลย
ส่วนเหมิงเคอกลับรีบสารภาพเพื่อให้ตนบริสุทธิ์ “ท่านประมุข ท่านเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อของข้าจะไม่สนใจกฎระเบียบและชื่อเสียงของเผ่าเหมิงได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ? ไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน ท่านประมุขโปรดไตร่ตรองด้วยเจ้าค่ะ”
“ไตร่ตรองหรือ? ข้าไม่ได้จินตนาการเรื่องนี้ขึ้นมาจากอากาศ ข้าได้ยินกับหูของข้าเอง ข้าได้ยินทุกคำพูดของเจ้าอย่างชัดเจน” เหมิงลู่รังเกียจเหมิงเคอคนนี้มาก สุดท้ายก็เป็นเพราะความอิจฉาริษยาของนาง เพื่อที่จะได้ตั้งหลักอย่างมั่นคงในคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่ นางจึงกลายเป็นคนโหดร้ายและเสียสติ คนที่สมควรถูกสาปแช่งที่สุดคือนาง
เหมิงเคอขุ่นเคืองยิ่งนัก ท่านประมุขรู้เรื่องนี้แล้ว จึงไม่ง่ายที่จะลงมืออีกต่อไป
“ท่านประมุข ท่านฟังผิดแล้วเจ้าค่ะ เป็นเพราะพวกเราไม่รู้เรื่องจึงไม่ได้รายงาน พวกเราเพิ่งพบว่าเด็กคนนี้มีปานรูปดอกไม้ หากรู้มานานแล้วพวกเราย่อมต้องรายงานทันทีเจ้าค่ะ” ตอนนี้ไม่มีทางอื่นแล้ว หากจะฆ่าเหมิงหลัวอวี้ต่อหน้าท่านประมุขก็ไม่อาจทำได้ ทางเดียวที่ทำได้ก็คือพยายามพูดแก้ตัวและปล่อยให้เด็กหนีไปก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีอื่นทีหลัง
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการปกป้องตัวเอง
เหมิงลู่แทบอยากจะหัวเราะ แม้เขาจะฟังผิดไปบ้าง แต่ไม่มีทางที่เขาจะฟังผิดทั้งหมด
“จริงหรือ? ข้าฟังผิดไปงั้นหรือ?”
เหมิงเคอพยักหน้า ตอนนี้ทำได้เพียงปฏิเสธที่จะยอมรับ
เหมิงลู่เย้ยหยัน “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ลองถามคนอื่นดูแล้วกันว่าพวกเขาได้ยินผิดไปหรือไม่”
สิ้นเสียงนั้น ประตูห้องก็เปิดออกกว้าง และกลุ่มคนก็รีบเข้ามาจากนอกประตู
คนที่เดินนำเข้ามาคืออวี้ชิงลั่ว
นางเลิกคิ้วขึ้นขณะยืนกอดอกจ้องมองเหมิงเคอ สายตาของนางเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
มีผู้อาวุโสห้าคนยืนอยู่ข้างหลังนาง บัดนี้ทุกคนมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก และถามขึ้นแทบจะพร้อมเพรียงกันว่า “ท่านประมุขฟังผิดงั้นหรือ? แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอกที่พวกข้าทุกคนจะฟังผิด”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่วิ่งเข้าไปอยู่ข้างเหมิงหลัวอวี้ เมื่อเห็นเด็กหญิงตรงหน้าถอดหมวกผ้าโปร่งออกแล้วมีใบหน้างดงามและค่อนข้างคล้ายกับเหมิงหรง เขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เขาคุกเข่าลง มองดูเด็กตรงหน้า แล้วถามเบา ๆ ว่า “เจ้า เจ้าคือเสี่ยวอวี้จริงหรือ?”
เหมิงหลัวอวี้พยักหน้า กัดริมฝีปากล่าง แล้วถอยหลังไปจับมือหนานหนานไว้แน่น นี่คือท่านปู่ของนาง แต่ก็เป็นคนแปลกหน้าสำหรับนางเช่นกัน
เมื่อเห็นท่าทางที่ออกจากจิตใต้สำนึกของเด็กน้อย ผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็รู้สึกเศร้าเสียใจ และรีบพูดว่า “อย่ากลัวเลย มันเป็นความผิดของปู่เอง ปู่ละเลยเจ้ามาหลายปี และทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานมาก ปู่ขอโทษ”
เหมิงหลัวอวี้เป็นคนใจอ่อน นางขาดการดูแลจากญาติตั้งแต่นางยังเด็ก เมื่อผู้อาวุโสสกุลเยว่เริ่มแสดงความเอ็นดูนาง ตอนนี้นางก็ไม่สามารถทนได้และร้องไห้เงียบ ๆ
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ใจหายไปชั่วขณะ แล้วรีบปลอบโยนนาง “อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ ไม่เป็นไรนะ ปู่จะไม่ปล่อยให้เจ้าลำบากอีกในอนาคต ปู่จะปกป้องเจ้าอย่างดี และจะไม่มีใครมาทำร้ายเจ้าอีก”
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กคนนี้ต้องเจอเรื่องไม่เป็นธรรมเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก นางไม่คาดคิดว่าจะได้พบพ่อของนางอีก นางไม่คาดคิดว่าจะได้พบเขาอีก นางไม่คิดว่าจะได้พบญาติอีก นางจึงคิดหาทางออกจากบ้านเพื่อไปหาปรมาจารย์ มันเป็นความผิดของเขาเองในฐานะปู่ นางไม่มีความไว้วางใจหรือเห็นว่าเขาเป็นที่พึ่งเลยแม้แต่น้อย
เห็นนางเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่านางต้องทนทุกข์ทรมานมากแน่ ๆ ผิวของนางไม่ได้เนียนนุ่ม ราวกับไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมมานาน
จากนี้ไปเขาจะปฏิบัติต่อนางอย่างดีเป็นทวีคูณ เพื่อชดเชยความทุกข์ยากทั้งหมดที่นางเคยได้รับในอดีต
“อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้ เสี่ยวอวี้เด็กดี หากเจ้าโกรธปู่จริง ๆ เช่นนั้นเจ้าจะแก้แค้นก็ได้ ตกลงหรือไม่?”
มุมปากของหนานหนานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กระตุก เขาก้าวเข้าไปแตะไหล่ผู้อาวุโสสกุลเยว่ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านปู่พูดเช่นนั้นไม่ได้นะขอรับ ท่านจะสอนให้น้องอวี้แก้แค้นได้อย่างไร? ท่านแม่ของข้าบอกว่าตอนนี้พวกเรายังเป็นเด็ก เราเป็นดอกไม้ของอาณาจักร เราต้องได้รับการสั่งสอนอย่างมีคุณภาพ ทั้งด้านคุณธรรม สติปัญญา พลศึกษา ศิลปะและการทำงาน และต้องไม่มีความคิดสุดโต่งเช่นนั้น รู้หรือไม่ขอรับ?”
“…” ผู้อาวุโสสกุลเยว่คิดเสมอว่าคำพูดของลูกชายหมอปีศาจแปลกมากจริง ๆ
เมื่อเหมิงหลัวอวี้ได้ยินดังนั้น นางก็เผลอหัวเราะออกมาดังพรืด “… หนานหนาน” เห็นได้ชัดว่าเขาบอกนางทุกครั้งว่าเขาไม่ควรใจอ่อนเมื่อต้องรับมือกับศัตรู และจะต้องเอาคืนให้ได้สิบเท่าร้อยเท่า เมื่อเจอคนที่เกลียดก็จะต้องแก้แค้น แก้แค้น แก้แค้นให้ถึงที่สุด เหตุใดตอนนี้คำพูดถึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง?
ผู้อาวุโสสกุลเยว่อึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นหลานสาวตัวน้อยของเขาหัวเราะ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกใจอ่อนลง และอดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปกอดนาง “เสี่ยวอวี้ ปู่จะพาเจ้ากลับบ้าน พ่อของเจ้าจะต้องอยากเจอเจ้ามาก”
เหมิงหลัวอวี้ไม่คุ้นเคยกับอ้อมกอดของเขา นางรู้สึกอึดอัดที่มือและเท้า ดังนั้นนางจึงโผไปหาอวี้ชิงลั่วโดยไม่รู้ตัว
อวี้ชิงลั่วยิ้มให้นางและพยักหน้าเล็กน้อย เพื่อบอกนางว่าไม่ต้องใส่ใจมากเกินไป เสี่ยวอวี้เป็นคนจริงจังมาก เวลาล่วงเลยมาหลายปีแล้ว แม้แต่กับคนที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใกล้ชิดที่สุด นางก็อาจไม่สามารถเปิดใจได้ทันที
แต่เมื่อพิจารณาจากความรู้สึกของผู้อาวุโสสกุลเยว่ที่มีต่อเหมิงหลัวอวี้ ก็สันนิษฐานได้ว่าหากไม่มีเหมิงเคอมาเป็นอุปสรรค เขาจะต้องรักนางอย่างจริงใจเป็นแน่
เมื่อนึกถึงเหมิงเคอ อวี้ชิงลั่วก็หรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วหันไปมองสตรีข้าง ๆ
ตั้งแต่วินาทีที่เหมิงเคอเห็นผู้อาวุโสของเผ่าทั้งห้าเข้าประตูมา นางก็รู้สึกหมดหวังจนแข้งขาอ่อนปวกเปียก บัดนี้ยังคงนั่งอยู่บนพื้นโดยไม่อาจยืนขึ้นได้
…………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ต่อจากนี้ชีวิตจะดีขึ้นแล้วนะเสี่ยวอวี้ แง
เกมแล้วนังเหมิงเคอ ทุกคนรู้หมด ไม่มีตาให้เดินแต้มต่อแล้ว
ไหหม่า(海馬)