อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 756 เขาเพียงอยากเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้สันโดษ
บทที่ 756 เขาเพียงอยากเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้สันโดษ
บทที่ 756 เขาเพียงอยากเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้สันโดษ
เหตุใดจึงไม่ใช้วรยุทธ์ของดินแดนเหมิงอย่างนั้นหรือ
หนานหนานเอียงคอ คำถามนี้ดูเหมือนจะยากเกินกว่าจะตอบ
เขาเหลือบมองอวี้ชิงลั่วอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สบตาที่หรี่เล็กของเหมิงลู่ กล่าวอย่างลังเล “เป็นเพราะข้าลืมวิชาการต่อสู้ทั้งหมดที่ท่านปู่ลู่สอนไปแล้วหรือเปล่านะขอรับ”
สีหน้าของเหมิงลู่เคร่งขรึม หนานหนานถอยเท้าไปก้าวหนึ่งแล้วหัวเราะแห้งๆ “คำตอบนี้ไม่ค่อยดีใช่ไหมขอรับ เช่นนั้น… เช่นนั้นก็เป็นเพราะข้าไม่ชอบวิชาการต่อสู้ของดินแดนเหมิงกระมัง”
สีหน้าของเหมิงลู่ยิ่งเคร่งเครียดไปใหญ่ ตอนนี้แม้แต่ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
หนานหนานถอยเท้าอีกก้าวหนึ่ง “คำตอบนี้ดูท่าจะยิ่งไม่ดี เช่นนั้น… เช่นนั้นก็เพราะฝีมือการต่อสู้ของผู้อาวุโสสกุลลี่ไม่สูงส่ง ไม่ควรค่าให้ข้าใช้วรยุทธ์ของดินแดนเหมิงกระมังขอรับ”
เหมิงลู่กัดฟัน อยากจะเดินไปข้างหน้าแล้วคว้าคอเขาจริงๆ เหตุใดจึงไม่ใช้วิชาการต่อสู้ของดินแดนเหมิง เขาจะไม่รู้ตัวเองได้อย่างไร ยังต้องมองหน้าพวกเขาก่อนค่อยตอบด้วยหรือ
หนานหนานย่นคอ รีบหลบไปด้านหลังท่านแม่ของตนอีกครั้ง “ท่านแม่ ข้าคิดไม่ออกว่าจะพูดอย่างไรดีแล้ว ท่านช่วยข้าคิดหน่อยสิขอรับ”
เย่ซิวตู๋อยู่ข้างๆ หัวเราะออกมา ตอนนี้บุตรชายของเขานั้นเหมือนตัวตลกเสียจริงๆ
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุก มองเห็นทุกคนต่างก็จดจ้องมาที่ตน สีหน้าก็อ่อนลง จากนั้นก็กระแอมเบาๆ “เพราะข้าเพียงต้องการให้บุตรชายข้าเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้อยู่อย่างสันโดษเจ้าค่ะ”
หนุ่มรูปงามหรือ หนานหนานพึงพอใจกับคำเรียกเช่นนี้ยิ่งนัก พยักหน้าในทันที กล่าวเห็นด้วยอย่างตื่นเต้น “ใช่ๆๆ เพราะเหตุนั้นแหละขอรับ”
เหมิงลู่แทบกระอักเลือดด้วยความโกรธในตัวสองแม่ลูก เขาเป็นถึงประมุขของดินแดนเหมิง ทว่าความแข็งแกร่งมั่นคงที่สั่งสมมาหลายปีกลับแทบจะพังลงต่อหน้าพวกเขา
คำตอบของแม่ลูกคู่นี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
“นี่มันเกี่ยวอันใดกับการที่หนานหนานไม่ใช้วิชาการต่อสู้ของดินแดนเหมิงหรือ?”
อวี้ชิงลั่วยักไหล่อย่างไร้เดียงสา “ต้องเกี่ยวสิเจ้าคะ เรื่องได้รับการพิสูจน์แล้ว หากหนานหนานใช้วรยุทธ์ที่ท่านสอน คนที่อยู่ที่นี่ทุกคนก็จะต้องรู้ ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าบนร่างหนานหนานมีปานอีกด้วย”
อวี้ชิงลั่วกล่าวถึงตรงนี้ ก็รู้สึกว่าเหมิงลู่นั้นจงใจ
“พวกท่านว่ามาสิ หลังจากพวกท่านรู้ว่าบนร่างหนานหนานมีปาน ในใจมีความคิดอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
ทุกคนอึ้งไปแล้วมองหน้ากัน
อวี้ชิงลั่วส่งเสียงฮึดฮัด “คิดว่าต้องการฝึกฝนหนานหนานให้ดีใช่หรือไม่เจ้าคะ คิดอยากให้เขาอยู่ที่ดินแดนเหมิง อยากให้ในอนาคตได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนเหมิง? ไม่แน่ว่าอาจจะได้เป็นผู้อาวุโสหรือประมุขอีกด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ทุกคนอึ้งไปอีกครั้ง จากนั้นก็กระแอม สีหน้ามีความไม่สบายใจเล็กน้อยปรากฏขึ้น
พูดตามจริงแล้วนางก็พูดได้แทงใจจริงๆ เห็นพรสวรรค์ของหนานหนานแล้ว ได้รู้สถานะของเขา ทั้งยังได้เห็นความแปลกประหลาดของเขา พรสวรรค์เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่ชาวดินแดนเหมิงต้องการอย่างยิ่ง และพวกเขา… ไม่อยากปล่อยเขาให้จากไปเลยจริงๆ
เช่นเดียวกับตอนนั้นที่ได้รู้ถึงพรสวรรค์ของเย่ซิวตู๋ พวกเขาก็มีความคิดเช่นเดียวกัน
เพียงแต่ว่าตอนนั้นเด็กที่มีปานรูปดอกไม้ที่ดินแดนเหมิง ไม่ได้มีเขาเพียงคนเดียว หากเขาไม่เต็มใจ พวกเขาก็ไม่ได้บังคับอันใด
แต่หนานหนานผู้นี้… หากปล่อยเขาจากดินแดนเหมิงไปเช่นนี้ ก็จะน่าเสียดายจริงๆ
สายตาเฉียบคมของอวี้ชิงลั่วกวาดมองเหล่าคนพวกนั้น กล่าวอย่างหนักแน่น “ดังนั้นพวกท่านคิดว่า หากหนานหนานใช้วิชาการต่อสู้ของดินแดนเหมิงแล้ว จะยังเป็นหนุ่มรูปงามที่อยู่อย่างสันโดษได้หรือเจ้าคะ”
หนานหนานที่อยู่ด้านหลังพยักหน้าอย่างขันแข็งมาก “ใช่ๆๆ ท่านแม่ของข้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว ถูกต้องขอรับ”
เหมิงลู่หันไปมองด้านข้าง เขาตั้งใจจริงๆ เมื่อครู่เขาสามารถช่วยหนานหนานไว้ได้ และจัดการกับผู้อาวุโสสกุลลี่ด้วยตนเอง
แต่ตอนนี้หนานหนานอยู่ที่ดินแดนเหมิง อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋เองก็ไม่ได้มีความตั้งใจจะเปิดเผยเรื่องปานบนร่างหนานหนานเลย เขาจึงทำได้เพียงวางแผน ให้ผู้อาวุโสในดินแดนเหมิงทุกคนได้รู้
อย่างไรหากทุกคนร่วมมือกัน ก็คงดีกว่าเขาพยายามอยู่คนเดียวมาก
อวี้ชิงลั่วหรี่ตา จ้องมองเหมิงลู่เขม็ง จากนั้นก็กล่าว “ข้าจะบอกพวกท่านให้ หนานหนานจะไม่อยู่ที่ดินแดนเหมิง พวกท่านอย่าได้ฝันเลยเจ้าค่ะ”
“นี่ แม่นางอวี้ จะกล่าวเช่นนั้นไม่ได้นะ” มีผู้อาวุโสที่ทนไม่ไหว ก้าวมาข้างหน้าแล้วเกลี้ยกล่อม “ท่านประมุขของดินแดนเหมิงมีตำแหน่งสูงส่ง ไม่ถูกจำกัดโดยอาณาจักรทั้งสี่ ถ้าหากหนานหนานได้ขึ้นไปตำแหน่งสูงๆ ต่อไปเขาอยากจะทำอันใดก็ได้ทั้งนั้น”
“นั่นน่ะสิ อีกอย่างความคิดของเจ้าก็ไม่ได้แปลว่าเป็นความคิดของเด็กนะ ไม่แน่ว่าเขาเองอาจจะมีความทะเยอทะยานและต้องการแสดงความแข็งแกร่งก็เป็นได้”
“นั่นสิๆ แม่นางอวี้ เจ้าจะตัดสินใจแทนเด็กไม่ได้ใช่ไหมเล่า”
“ซิวเอ๋อร์ เจ้าว่ามาสิ ความคิดของชายหนุ่มอย่างพวกเราไม่เหมือนเหล่าสตรี บุรุษอย่างเราๆ เห็นว่ามันเป็นเกียรติสำคัญอย่างยิ่ง”
เย่ซิวตู๋ที่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ มาโดยตลอดก็ถูกเหล่าผู้อาวุโสลากเข้ามาด้วย
เย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วสบตากัน กล่าวเสียงต่ำ “ความคิดข้าไม่สำคัญ ในครอบครัวเรามีชิงเอ๋อร์เป็นผู้ตัดสินใจมาโดยตลอด นางว่าอย่างไรก็ตามนั้น”
“…” ทุกคนโกรธเสียจนแทบกระอักเลือด กล่าวเช่นนี้ พวกเขาจะยังพูดคุยกันดีๆ อยู่ได้อย่างไร
ผู้อาวุโสสกุลหมิงยิ่งโมโหหนักที่หลอมเหล็กแท่งแล้วไม่ยอมเป็นเหล็กกล้า ก้าวไปข้างหน้าฉุดเย่ซิวตู๋ “เจ้ายังเป็นบุรุษอยู่หรือไม่ เหตุใดจึงเป็นผู้นำไม่ได้เล่า?”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว คำรามเบาๆ “ท่านอาจารย์ ท่านเองก็เป็นบุรุษ มาตัดสินใจแทนหนานหนานดีไหมเล่า อย่างไรท่านก็เป็นผู้อาวุโส ดูสิว่าเขาจะฟังคำท่านหรือไม่”
“…” ผู้อาวุโสสกุลหมิงสำลักไป เขย่ามือเย่ซิวตู๋อย่างแรง
ไอ้หลานอกตัญญู ไอ้หลานอกตัญญูนี่ ขวางเขาเช่นนี้ได้อย่างไร
เขาเป็นผู้อาวุโส แต่… ท่าทางของหนานหนานที่บ่งบอกว่า ‘ข้ารักท่านแม่ที่สุดในโลก สิ่งที่ท่านแม่กล่าวล้วนมีเหตุผล ข้าจะฟังคำแม่เพียงคนเดียวเท่านั้น’ เช่นนั้น เขาจะกล้าไปตัดสินใจแทนอีกฝ่ายได้อย่างไร
ถึงตอนนั้นนอกจากจะขโมยไก่ไม่ได้ยังต้องเสียข้าวสารไปอีกกำมือ หนานหนานนอกจากจะไม่ฟังคำเขาแล้ว ก็จะยังไม่สนิทสนมกับเขาอีก ช่างเสียเปรียบนัก
แต่ตอนนี้ความคิดในใจของเขายังเหมือนเหมิงลู่ทุกประการ ต้นกล้าดีๆ เช่นนี้ หากปล่อยไปจะน่าเสียดายอย่างมาก
ครุ่นคิดแล้ว ผู้อาวุโสสกุลหมิงก็ทำได้เพียงเมินเฉยต่อสีหน้าเคร่งขรึมของอวี้ชิงลั่ว เดินไปหาหนานหนานอย่างกดดันแล้วถามเขา “เหลนรัก คือว่า เรื่องของเจ้า ให้เจ้าตัดสินใจเถิด เจ้าคิดว่า เจ้าอยากอยู่ที่ดินแดนเหมิง เป็นประมุขหรือไม่?”
“ข้า…” หนานหนานกะพริบตา มองไปยังท่านแม่ของตน
ผู้อาวุโสสกุลหมิงสะบัดศีรษะของตน กล่าวอย่างจริงจัง “เป็นประมุขมีข้อดีมากมายนะ เจ้าเองก็เห็น ท่านปู่ลู่ของเจ้ามีวิชาสูงส่ง ทุกคนต่างก็ฟังคำของเขา”
“ข้า…” เขาไม่ต้องเป็นประมุข ก็มีคนมากมายที่ฟังคำของเขา
ผู้อาวุโสสกุลหมิงขัดเขาอีกครั้ง “อีกทั้งการเป็นประมุขนั้น เจ้าอยากกินอะไรก็จะได้กิน อยากดื่มอะไรก็จะได้ดื่ม เจ้ายังจะได้มีเงินมากมาย จะกระทำอันใดก็ไม่ต้องกังวล อีกอย่าง การเป็นลูกผู้ชายต้องคิดถึงผู้อื่น มีความฝัน มีความทะเยอทะยาน รู้หรือไม่”
หนานหนานกะพริบตา หยุดครู่หนึ่ง เห็นว่าผู้อาวุโสสกุลหมิงกล่าวจบแล้วจริงๆ ไม่กล่าวอะไรต่อแล้ว ก็ค่อยเอ่ยปากอย่างไร้เดียงสา “ข้ามีความฝัน มีความทะเยอทะยานนะขอรับ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โดนหลอกล่อด้วยของกินแบบนี้ หนานหนานจะตอบตกลงไหมนะ
ไหหม่า(海馬)